Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Health Me Now
•
ติดตาม
25 ก.พ. 2022 เวลา 02:04 • สุขภาพ
จมน้ำ อันตรายกว่าที่คิด
30
จมน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรง มักจะทำให้ตายในเวลาเพียงไม่กี่นาที มักเกิดกับเด็กเล็ก และผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจเกิดจากการตกน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้าน จมน้ำ จากอุบัติเหตุ เช่น เรือคว่ำ เรือชน เมาเหล้า โรคลมชัก โรคหัวใจวาย เป็นลม เป็นต้น
25
ผู้ที่จมน้ำมักจะตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ เพราะสำลักน้ำ บางรายอาจตายเนื่องจากภาวะเกร็งของ กล่องเสียง (laryngospasm) ทำให้หายใจไม่ได้ สาเหตุเหล่านี้มักจะทำให้ผู้ที่จมน้ำตายภายใน 5-10 นาที
ผู้ที่จมน้ำถึงแม้จะรอดมาได้ในระยะแรก แต่ก็อาจจะตายเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในภายหลังได้ เช่น ปอด อักเสบ การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ในร่างกาย ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ภาวะปอดไม่ทำงาน (ปอดล้ม ปอดวาย) เป็นต้น ในรายที่ขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน อาจเป็นสมองพิการได้
ภาวะเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่ต่างกันมากนัก ทั้งในพวกที่จมน้ำจืด (แม่น้ำ ลำคลอง บ่อ สระน้ำ) และพวกที่จมน้ำทะเล รวมทั้งอาการแสดงและการรักษาก็ไม่ต่างกันมาก
5
ข้อแตกต่าง คือ น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด (พลาสมา) ดังนั้น ถ้ามีน้ำอยู่ในปอดจำนวนมาก ก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที ทำให้ปริมาตรของ เลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia) มีผลทำให้ระดับเกลือแร่(เช่นโซเดียมโพแทสเซียม)ในเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจวายได้ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้อีกด้วย
1
ส่วนน้ำทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด น้ำ ทะเลที่สำลักอยู่ในปอดจะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา) จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ระบบไหลเวียนมีปริมาตรลดลง (hypovolemia) และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้นทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย หรือเกิดภาวะช็อกได้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จมน้ำมักตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่และปริมาตรของเลือด
4
การจมน้ำยังมีระดับของการเกิดภาวะดังกล่าวในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
1.
Near Drowning คือ ภาวะรอดชีวิตจากการจมน้ำ โดยผู้ป่วยอาจรอดชีวิตเป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมงหรือรอดชีวิตเพียงชั่วขณะ ภาวะนี้ถือเป็นภาวะก่อนจมน้ำเสียชีวิต ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
2.
Secondary Drowning คือ ภาวะแทรกซ้อนจากการจมน้ำ โดยมีน้ำเข้าไปในปอดผู้ป่วย ทำให้ปอดบวมหรืออักเสบ ส่งผลให้ร่างกายแลกเปลี่ยนออกซิเจนและหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปได้ยาก ผู้ที่ประสบภาวะนี้จะแสดงอาการออกมาหลังผ่านไปนานกว่า 24 ชั่วโมง
3.
Dry Drowning คือ ภาวะจมน้ำที่มีน้ำเข้าปากหรือจมูก ส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจกระตุกและปิดลง ภาวะนี้มักเกิดขึ้นทันทีหลังจมน้ำ
4.
Immersion Syndrome คือ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจากการจมน้ำที่เย็นมาก ซึ่งอาจเกิดจากการตอบสนองของระบบประสาทร่วมกับการบีบตัวของหลอดเลือด
6
อาการ จมน้ำ
ผู้ที่จมน้ำมักจะมีอาการหมดสติ และหยุดหายใจ บางรายอาจมีภาวะหัวใจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้) ร่วมด้วย
1
ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ ก็อาจมีอาการปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือไอมีฟองเลือดเรื่อๆ (ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ำ)
1
บางรายอาจตรวจพบภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำหรือภาวะช็อก
การป้องกัน จมน้ำ
ควรหาทางป้องกัน โดย
1.
ระวังอย่าให้เด็กเล็กเล่นน้ำหรืออยู่ในบริเวณใกล้กับน้ำ เช่น แม่น้ำลำคลอง บ่อน้ำ สระน้ำ รวมทั้งโอ่งน้ำ ถังใส่น้ำภาชนะกักเก็บน้ำภายในบ้านตามลำพัง
2.
ควรส่งเสริมให้เด็กฝึกว่ายน้ำให้เป็น
3.
เวลาลงเรือหรืออกทะเล ควรเตรียมชูชีพไว้ให้พร้อมเสมอ
4.
ผู้ที่เมาเหล้า หรือเป็นโรคลมชัก ห้ามลงแล่นน้ำ
5.
วิธีผายปอดแก่ผู้ป่วยจมน้ำที่แนะนำในปัจจุบัน คือ วิธีการเป่าปาก และให้ลงมือทำให้เร็วที่สุด อย่าเสีย เวลาในการจับแบกพาดบ่าเพื่อเอาน้ำออกจากปอดดังที่ เคยแนะนำกันในสมัยก่อน ส่วนการผายปอดด้วยมือ เช่น วิธีของซิลเวลเตอร์ (Silvester method) หรือวิธีของโฮลเกอร์นีล (Holger Nielsen method) เป็นต้น ไม่แนะนำให้ทำเพราะได้ผลน้อย
6.
ผู้ป่วยที่จมน้ำทุกรายไม่ว่าจะหมดสติหรือหยุดหายใจหรือไม่ก็ตาม ควรพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างน้อย 24-27 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในเวลาต่อมา
5
การรักษา จมน้ำ
แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกรายไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใด เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ และหาทางป้องกันและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
มักจะทำการเจาะเลือดตรวจระดับแก็สในเลือด และตรวจหาความเข้มข้นของเกลือแร่ เอกซเรย์ดูว่ามี การอักเสบของปอดหรือปอดแฟบหรือไม่ หรือตรวจ พิเศษอื่น ๆ
การรักษา ให้ออกซิเจน ต่อเครื่องช่วยหายใจ ให้ น้ำเกลือ พลาสมาหรือเลือด ถ้ามีภาวะหัวใจวายก็จะให้ยาขับปัสสาวะและยารักษาโรคหัวใจ (เช่น ไดออกซิน) ถ้ามีปอดอักเสบ จะให้ยาปฏิชีวนะ และสตี-รอยด์
เรียนรู้เพิ่มเติม
healthmenowth.com
จมน้ำ: Health Me Now
จมน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรง มักจะทำใ...
การวินิจฉัยการจมน้ำ
ผู้ที่พบเห็นคนจมน้ำ ควรรีบเข้าช่วยเหลือ รวมทั้งสังเกตว่าเกิดอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่ หากพบต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป โดยแพทย์จะบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการจมน้ำของผู้ป่วย ได้แก่ ระยะเวลาที่จมน้ำ ชนิดและอุณหภูมิของน้ำ เวลาที่ใช้ในการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพหรือซีพีอาร์ ช่วงเวลาที่เริ่มหายใจได้เอง ช่วงเวลาที่หัวใจกลับไปสูบฉีดเลือด การอาเจียน รวมทั้งการกระทบกระเทือนหรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
1
นอกจากนี้ แพทย์จะตรวจอาการต่าง ๆ เพื่อวินิจฉัยผู้ป่วย ได้แก่ อุณหภูมิร่างกาย ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด จังหวะการเต้นของหัวใจ ลักษณะการหายใจ อาการปอดบวม การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอ การได้รับบาดเจ็บบริเวณทรวงอกหรือภายในช่องท้อง (ในกรณีจมน้ำจากการตกจากที่สูง) การทำงานของระบบประสาท โดยแพทย์จะตรวจด้วยวิธีต่อไปนี้
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ วิธีนี้จะใช้ตรวจอัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจ รวมทั้งตรวจดูว่าผู้ป่วยเกิดภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจหรือภาวะตัวเย็นเกินหรือไม่
การตรวจเลือด วิธีนี้ใช้ตรวจวิเคราะห์ก๊าซในหลอดเลือดแดง (Arterial Bleed Gas Analysis) เกลือแร่ในเลือด การทำงานของไต ระดับกลูโคส ระดับแอลกอฮอล์ ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การทำงานของตับ หรือการแข็งตัวของเลือด
1
การตรวจด้วยรังสี แพทย์อาจเอกซเรย์ทรวงอก รวมทั้งเอกซเรย์หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณกระดูกสันหลังคอหรือศีรษะ เพื่อดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณดังกล่าวหรือไม่
youtube.com
จมน้ำ - Health Me Now
จมน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรง มักจะทำให้ตายในเวลาเพียงไม่กี่นาที มักเกิดกับเด็กเล็ก และผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น อาจเกิดจากการตกน้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมช...
เยี่ยมชม
แนวทางกรณีคนหายตกน้ำ/อุบัติเหตุ/หลงป่า/เหตุที่อาจเกิดอันตราย
1.กรณีคนหายตกน้ำ/อุบัติเหตุ/หลงป่า/เหตุที่อาจเกิดอันตรายกับคนหาย เมื่อรู้ว่าเกิดเหตุ ให้แจ้งความได้ทันที ไม่ต้องรอครบ 24 ชม.
1
2.โรงพักที่จะแจ้งความคนหาย ต้องเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ในกรณีไม่ทราบให้ถามคนตรงนั้นว่าเป็นพื้นที่โรงพักใด ในกรณีเกิดเหตุในแม่น้ำ สองฝั่งอาจคนละโรงพักกัน ให้ดูว่าเกิดเหตุใกล้ฝั่งใด ให้แจ้งโรงพักฝั่งนั้น
3.ตำรวจจะประสานหน่วยกู้ภัย หน่วยกู้ชีพได้ดีที่สุด เพราะกู้ภัยจะฟังการสั่งการและการขอความร่วมมือ จากตำรวจท้องที่เกิดเหตุ ดังนั้นการแจ้งความจะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการช่วยเหลือตามระบบ
4.จุดเกิดเหตุ เป็นข้อมูลสำคัญในการช่วยเหลือค้นหา ผู้อยู่ในเหตุการณ์ควรจดจำลักษณะพื้นที่ อาจใช้การแชร์โลเคชั่น และถ่ายภาพจุดเกิดเหตุ เพราะอาจจำจุดไม่ได้หรือสภาพแวดล้อมมีลักษณะคล้ายกัน
5.การค้นหาคนหายหรือผู้ประสบภัย ควรมี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ สำหรับการประสานสั่งการ วางกำลังและแผนที่การค้นหา ไม่ให้ซ้ำซ้อน และป้องกันการเกิดเหตุซ้ำกับทีมค้นหา
6.การให้ข่าวหรือความคืบหน้าเกี่ยวกับคนหาย ควรเป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์หรือครอบครัว ไม่ควรหยิบประเด็นหรือกระแสจากโลกออนไลน์มาเป็นรายงานความคืบหน้า เพราะอาจเป็นประเด็นที่บิดเบือนหรือสร้างกระแส
7.ทีมสนับสนุนการช่วยเหลือค้นหาคนหาย ควรเข้ารายงานตัวต่อ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพื่อนับจำนวนและแจ้งภารกิจ ตลอดจนแบ่งพื้นที่การค้นหาไม่ให้ซับซ้อน และเพื่อความปลอดภัย
8.ควรตั้งกองอำนวยการค้นหาคนหาย ในจุดเกิดเหตุ สำหรับเป็นศูนย์ประสานงาน สั่งการ การลงทะเบียนเข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือ การแถลงข่าว และการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ
9.เวลามีเหตุคนหายในลักษณะนี้ ควรมีการบันทึกปากคำพยาน ผู้เห็นเหตุการณ์ ไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุดหลังเกิดเหตุ และป้องกันการลืมในสาระสำคัญ
10.การค้นหาคนหายและผู้ประสบภัย ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทีมค้นหา ในกรณีมีอันตรายหรือความเสี่ยง ต้องยอมรับในการตัดสินใจของ ผบ.เหตุการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเพิ่ม
healthmenow
สุขภาพ
โรคระบบทางเดินหายใจ
6 บันทึก
1
1
6
6
1
1
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย