5 มี.ค. 2022 เวลา 12:19 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์โปแลนด์ “ชาติผู้รับผู้ลี้ภัย” จากยูเครนมากที่สุดในขณะนี้
4
ไฟสงครามของการต่อสู้ระหว่างรัสเซียและยูเครน กำลังผลักดันให้มีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเดินทางออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยประเทศที่เป็นจุดหมายอันดับหนึ่งในตอนนี้ ก็คือ “ประเทศโปแลนด์”
โดยไฟสงครามที่กำลังลุกลามขณะนี้ บางคนประณามกันว่า เป็นเกมของผู้มีอำนาจที่ความซวยตกลงมาอยู่ที่ประชาชน ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ ก็มีช่วงเวลาที่พวกเขาเข้าไปอยู่ใน “เกมของมหาอำนาจ” เช่นกัน
1
ในบทความนี้ Bnomics จึงจะพาทุกท่านย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศโปแลนด์กันครับ
📌 ประวัติศาสตร์ในช่วงเริ่มต้น
1
หลักฐานการดำรงชีพของมนุษย์ในบริเวณที่เป็นโปแลนด์ในปัจจุบัน เริ่มขึ้นมาตั้งแต่หลายแสนปีก่อนแล้ว ทว่า แม้จะผ่านล่วงเลยเวลามาอย่างยาวนาน ดินแดนแห่งนี้ก็ยังไม่มีอาณาจักรที่สร้างขึ้นมาเป็นปึกแผ่น ที่ได้รับการบันทึกได้เลย แต่ยังมีลักษณะการใช้ชีวิตแบบเป็นเผ่าพันธุ์ที่แบ่งแยกกันอยู่ และก็มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัย
แต่แล้วตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 กลุ่มชาติพันธุ์ที่สำคัญ อย่างชาว Slavic หรือสลาฟ อพยพย้ายถิ่นมาจากทางยุโรปตอนกลางและเอเชีย เคลื่อนขึ้นมาทางตะวันตกเฉียงเหนือและมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ โดยดินแดนที่เป็นประเทศโปแลนด์ในปัจจุบัน ก็ถูกขนามนามว่า “West Slavic”
4
โดยมีหนึ่งในชนเผ่าของชาว West Slavic ชื่อว่า “Poles” (เป็นที่มาของชื่อ Poland) ที่สามารถรวมตัวกัน จนสร้างเป็นอาณาจักรแรกในบริเวณได้ โดยมีกษัตริย์พระองค์แรกที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ คือ Mieszko I แห่งราชวงศ์ Piast
4
ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรับความเชื่อของศาสนาคริสต์เข้ามาแทนความเชื่อดั้งเดิมของชาวสลาฟ หลังจากเข้าพิธีศีลล้างบาป ซึ่งศาสนาคริสต์ก็กลายมาเป็นรากฐานที่สำคัญของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวสลาฟสืบมา
1
แม้จะมีความขัดแย้งภายในและการต่อสู้กับอาณาจักรข้างเคียงบ้าง ราชวงศ์ Piast ก็ยังสามารถรักษาดินแดนของอาณาจักรมาได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป้องกันการรุกรานจากจักรวรรดิมองโกลได้
1
จนมาถึงยุคของ King Casimir the Great ที่สวรรคต โดยที่ไม่มีทายาททำให้ดินแดนของโปแลนด์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพระราชนัดดา(หลานชาย) ที่เป็นกษัตริย์ของฮังการีนามว่า Lewis
2
ซึ่งต่อมากษัตริย์ Lewis ก็ได้ส่งพระราชธิดาของพระองค์ไปปกครอง Poland นั่นเอง
4
📌 ยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของ Poland-Lithuania
Jadwiga คือ พระนามของกษัตริย์ที่ส่งมาปกครองดินแดน โดยในตอนแรกนั้นเพื่อสร้างความมั่งคงให้กับดินแดน มีการวางแผนว่า ท่านจะอภิเษกกับ William Habsburg แห่งดินแดนฮังการี
แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยการไตร่ตรองประโยชน์ของดินแดนที่น่าจะมั่นคงมากกว่า ท่านก็ได้ไปอภิเษกกับ Grand Duke Jogaila แห่งลิทัวเนียแทน ในปี ค.ศ. 1385 เป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักร Poland-Lithuania
1
ในยุคสมัยของ Poland-Lithuania เป็นอาณาจักรที่มีพื้นที่มหาศาล มีส่วนที่เชื่อมตั้งแต่ทะเลบอลติกทางตะวันตกเฉียงเหนือ ไปจนถึงทะเลดำทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นอาณาจักรในทวีปยุโรปที่ใหญ่ที่สุดที่ปกครองโดยราชวงศ์เดียว
2
อย่างไรก็ดี แม้จะมีทางเชื่อมกับทะเลสองฝั่ง แต่อาณาจักรก็ไม่สามารถทำการค้าออกทะเลใหญ่ได้อย่างง่ายดาย เพราะ การเดินเรือออกไปทั้งสองฝั่ง ต้องผ่านช่องแคบที่ถูกคุมโดยอาณาจักรอื่น ซึ่งคือ ชาวสแกนดิโนเวียทางทะเลบอลติก และชาวออตโตมันทางทะเลดำ ซึ่งก็เป็นปัญหาต่อการค้าของอาณาจักรพอสมควร
2
อาณาจักร Poland-Lithuania มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ขึ้นมาหลายร้อยปี อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลานี้ก็มีอาณาจักรอื่นที่เติบโตและสั่งสมอิทธิพลขึ้นมาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งเป็นดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักร Poland-Lithuania
ซึ่งก็ทำให้เกิดสงครามระหว่างสองดินแดน และก็เป็นหนึ่งครั้ง ในแทบทุกครั้งของหน้าประวัติศาสตร์ ที่อาณาจักรที่โจมตีรัสเซียจะพ่ายแพ้และอ่อนแอลง หลังจากนั้น Poland-Lithuania ก็เข้าสู่ช่วงขาลงของอาณาจักร
📌 Poland ในฐานะก้อนเค้กที่ตัดแบ่งกันโดยมหาอำนาจอื่น
หลังจากเข้าสู่ช่วงยุคขาลง ดินแดนของประเทศโปแลนด์ก็เดินทางเข้าสู่ยุคที่กลายพื้นที่ ที่ถูกแบ่งกันปกครองโดยมหาอำนาจอื่นเป็นระยะเวลายาวนาน
เหตุการณ์การถูกแบ่งแยกดินแดนโดยอาณาจักรต่างๆ เกิดขึ้นครั้งแรก ในปีค.ศ. 1772 โดยในตอนนั้น มีสามมหาอำนาจที่เป็นดินแดน ที่มีชายแดนติดต่ออยู่กับโปแลนด์ ได้แก่ รัสเซีย (ทางตะวันออก) ออสเตรีย (ทางตะวันตกเฉียงใต้) และ ปรัสเซีย (ทางตะวันตกเฉียงเหนือ)
2
โดยทั้งสามมหาอำนาจได้ตัดสินใจโจมตีโปแลนด์พร้อมๆ กันทั้งสามทาง โปแลนด์ที่ในขณะนั้นมีกำลังและอิทธิพลอ่อนแอลงมาอย่างต่อเนื่อง ก็ค่อยๆ ถูกแบ่งแยกดินแดนไปให้มหาอำนาจทั้งสามบางส่วน เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า “The First Partition of Poland”
2
จนกระทั่งในปีค.ศ. 1795 หลังจากถูกโจมตีจากทั้งสามมหาอำนาจอีกครั้ง ดินแดนของโปแลนด์ในปัจจุบันก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นสามส่วนตามมหาอำนาจที่เข้ามาปกครอง
1
ชีวิตของชาวโปแลนด์ภายใต้การปกครองของสามอาณาจักร เป็นไปอย่างพลเมืองชั้นสอง ประชาชนชาวโปแลนด์ที่อพยพออกไป ก็เข้าไปขอความช่วยเหลือจากพระเจ้านโปเลียนของฝรั่งเศสให้เข้ามาช่วยเหลือคืนความเป็นชาติให้กับพวกเขา แต่สุดท้ายนโปเลียนก็พ่ายแพ้ในสงครามกับรัสเซีย
1
ดินแดนของโปแลนด์ถูกปกครองโดยสามมหาอำนาจต่อมา จนอัตลักษณ์ของโปแลนด์เกือบจะเลือนหายไป
1
จนกระทั่งถึงยุคที่จักรวรรดิเยอรมันเรืองอำนาจขึ้นมา และเจ้าควบคุมดินแดนของปรัสเซียได้ คานอำนาจที่ถูกถ่วงดุลอย่างเหมาะสมในทวีปยุโรปเริ่มเอนเอียง
และเมื่อคานมันหักลงไป สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ปะทุขึ้นมา หลังสงครามโลกจบลงไป โปแลนด์ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ได้รับอิสรภาพและดินแดนของตัวเองคืนอีกครั้ง หลังจากต้องถูกปกครองโดยชาวต่างชาติยาวนานถึง 123 ปี
1
แต่หลังจากมีการปฏิวัติบอลเชวิกในรัสเซีย กองทัพแดง (Red Army) ก็ได้ตาทัพเข้ามาบุกโปแลนด์อีกครั้ง แต่ด้วยความกล้าหาญในการต่อสู้ พวกเขาก็สามารถรักษาดินแดนของตัวเองไว้ได้ในครั้งนี้
2
แต่ความสงบสุขในดินแดนโปแลนด์ ก็คงอยู่ได้ไม่นาน บาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 1 พาให้เยอรมนีเจอกันความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ท้ายที่สุด ก็กลายมาเป็นความไม่พอใจและเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
1
ในตอนนั้น เยอรมนีได้ทำการเซ็นสนธิสัญญา Molotov-Ribbentrop ทำการญาติดีกับสหภาพโซเวียตในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่ 2 และก็ได้ทำการแบ่งดินแดนของโปแลนด์กันปกครอง เป็นอีกครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ที่โปแลนด์ต้องเจ็บปวดจากการตกลงกันของมหาอำนาจ
1
หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 โปแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรุนแรงที่สุด และก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตหนี่งในผู้ชนะสงคราม รัฐบาลที่ไม่สนับสนุนโซเวียตในตอนแรกก็ต้องลี้ภัยไปอยู่ในประเทศอื่น
ในยุคของโซเวียต โปแลนด์กลายมาเป็นรัฐกันชนทางด้านตะวันตกที่สำคัญ รวมถึงมีการเซ็นสัญญาความร่วมมือทางการทหารครั้งสำคัญที่วอร์ซอ (Warsaw) เมืองหลวงของโปแลนด์ด้วย สนธิสัญญานั้นก็คือ “Warsaw Pact” ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามของความร่วมมือทางทหาร NATO นั่นเอง
2
แต่การต่อสู้ทางทหารโดยตรงก็ไม่เคยเกิดระหว่างกันอย่างแท้จริง เพราะการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา ได้เปลี่ยนต้นทุนของการทำสงครามระหว่างมหาอำนาจไปอย่างสิ้นเชิง จากต้นทุนที่มหาศาลกลายเป็นความล่มสลายของชาติหรืออาจจะทั้งมนุษยชาติ
4
📌 ได้รับเอกราชและเข้ามาร่วมกับ EU และ NATO
2
สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ และโซเวียตดำเนินต่อมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ในระหว่างนี้ก็มีการเคลื่อนไหวประท้วงในประเทศโปแลนด์ เพื่อเรียกร้องความเป็นชาติเรื่อยมาด้วย
จนกระทั่งใน ปี ค.ศ. 1989 ในยุคที่อำนาจของผู้สนับสนุนการรวมศูนย์จากโซเวียตเสื่อมลงไป และสหภาพโซเวียตใกล้ถึงจุดล่มสลาย รัฐบาลโปแลนด์ที่เคยถูกขับไล่ออกไปในยุคของโซเวียต ก็สามารถเดินทางกลับเข้ามาในประเทศได้อีกครั้ง
และในปี ค.ศ. 1999 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้ง เมื่อโปแลนด์ได้เข้าร่วมกับ NATO เป็นการเปลี่ยนฝั่งทางการทูตอย่างสิ้นเชิง และเป็นการสร้างความมั่นคงทางการทหารให้กับตัวเอง
2
และในปี ค.ศ. 2004 ทางโปแลนด์ก็ได้เข้าร่วมกับสหภาพยุโรป เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นกับพันธมิตรตะวันตกอีกระดับหนึ่ง ผ่านการค้าเสรีและสกุลเงินกลาง
1
ถึงแม้ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของชาวโปแลนด์จะยกระดับขึ้นมาอย่างมากแล้ว แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่า ประวัติศาสตร์ที่มีบาดแผลจากการถูกแย่งชิงผ่านสงครามของมหาอำนาจมาตลอด ยังไม่ถูกลบเลือนไปหมดสิ้น
1
และชาวโปแลนด์ก็คงจะเห็นอกเห็นใจชาวยูเครนไม่น้อย โดยในตอนนี้ พวกเขาเป็นประเทศสำคัญที่รับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมากที่สุด โดยมีชาวยูเครนอย่างน้อย 337,400 คนเดินทางไปหลบภัยในโปแลนด์ และตัวเลขก็ยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
1
แต่อย่างที่เราเห็นในประวัติศาสตร์ของโปแลนด์เช่นกันว่า ต่อให้จะถูกแบ่งแยกและเข้าไปอยู่ในเกมของมหาอำนาจกี่ครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงตัวตนของตัวเอง พยายามต่อสู้จนกลับมายืนหยัดในฐานะของประเทศเอกราชได้อีกครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เราได้เห็นจาก ประชาชนชาวยูเครนจำนวนมาก ที่ออกมายืนหยัดในตัวตนของตนเอง
และแท้จริงแล้ว สิ่งที่เราต้องการจากการเมืองระหว่างประเทศของทั่วโลก อาจจะไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลย นอกเสียจาก การเปิดพื้นที่ให้ทุกคนทั่วทุกมุมโลกสามารถใช้ชีวิตในแบบที่ไม่ต้องสูญเสียตัวตนของตัวเอง...
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ :
จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Reference :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา