6 มี.ค. 2022 เวลา 12:54 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Batman (2022) - ย้อนคืนสู่รากเหง้าของ "Batman" และการระเบิดความโกรธเกรี้ยวของ Robert Pattinson
" การตีความแบทแมนในเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งหวนกลับไปสู่ความเป็นแบทแมนในเวอร์ชั่นออริจินัล พร้อมทิศทางที่น่าประทับใจ "
สวัสดีครับทุกคน เนื่องจากในเดือนนี้ มีหนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Batman (2022) เข้าฉาย ล่าสุดผมมีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าเป็นหนังที่น่าสนใจ และทำให้เราได้เห็นทิศทางใหม่ของฮีโร่จากฝั่ง DC (ซึ่งปกติก็คุมทิศทางไม่ค่อยได้อยู่แล้ว 😂) ดังนั้นจึงอยากจะมาแชร์มุมมองให้กับทุก ๆ ท่าน เผื่อว่าใครสนใจนะครับ
[ เรื่องย่อ ]
The Batman (2022) ได้รับการกำกับโดย Matt Reeves ที่มีผลงานล่าสุดอย่าง Dawn of the Planet of the Apes (2014) และ War for the Planet of the Apes (2017)
สำหรับเนื้อเรื่อง Batman ในเวอร์ชั่นนี้ ได้พูดถึงชีวิตของ Bruce Wayne (Robert Pattinson) ในปีที่ 2 ของการเป็นแบทแมน...
แม้ว่าจะผ่านมา 1 ปีในการเป็นแบทแมน เพื่อกำจัดอธรรมในเมือง Gotham แต่ตัวเขาก็ยังต้องเรียนรู้ และหาที่ทางในการเป็นแบทแมนที่ดีให้ได้
ขณะเดียวกัน แบทแมนในฐานะนักสืบ (อิสระ) ก็ได้ร่วมมือกับ James Gordon (Jeffrey Wright) ร้อยตำรวจโทแห่งเมือง Gotham เพื่อไขคดีฆาตกรรมปริศนาที่กำลังเกิดขึ้นกับเหล่าคนมีชื่อเสียงในเมือง ซึ่งการฆาตกรรมครั้งนี้เป็นฝีมือของวายร้ายอัจริยะ "มนุษย์เจ้าปัญหา The Ridler (Paul Dano)"
The Ridler (Paul Dano) วายร้ายหลักของเรื่อง
[ ความรู้สึกหลังรับชม ]
The Batman ในเวอร์ชั่นนี้มาในมาดหนังสืบสวน Film noir เต็มรูปแบบ (Film noir: หนังอาชญากรรมที่เน้นนำเสนอความหมองหม่นของสังคมด้วยบรรยากาศอึมครึม / ทึบมืด) เรียกได้ว่า เป็น "การย้อนรอยถึงรากเหง้าอันแท้จริงของ Batman" ที่มีเนื้อเรื่องเป็น Comic นักสืบ...
จากจุดนี้ ถือว่าหนังมีทิศทางที่น่าสนใจและแปลกตา ในเวอร์ชั่นก่อน ๆ ไม่ได้มีโทนที่เป็น Film noir หนักขนาดนี้ แม้แต่ในเวอร์ชั่นของ Nolan ก็มาในมาดหนังแอคชั่น - อาชญากรรม (แต่ไม่ได้หนักในพาร์ทสืบสวนเท่ากับเวอร์ชั่นนี้)
ในแง่เนื้อเรื่องและกลิ่นอาย The Batman ได้รับอิทธิพลจากหนังของ David Fincher มาพอสมควร โดยเฉพาะ Se7en (1995) และ Zodiac (2007) เช่น ความหม่นในเนื้อเรื่อง ความเข้มในการดำเนินเรื่อง รวมถึงแนวทางการไขปริศนา มีฟีลลิ่งคล้ายกับสองเรื่องที่ว่ามา... ทางทีมผู้สร้างเลือกหยิบส่วนดี ๆ มาดัดแปลงเข้ากับเรื่องราวของแบทแมนที่มีความแฟนตาซี
ดังนั้นแม้ว่า Batman เวอร์ชั่นนี้ จะไม่ได้เนี้ยบและเรียลอย่างงานของ David Fincher แต่ว่าก็เป็นหนังที่มีโครงสร้างแข็งแรง คลาสสิค น่าติดตาม
Se7en (1995) และ Zodiac (2007) - ภาพยนตร์ที่มีอิทธิพลต่อ The Batman (2022)
หนังมีโทนดราม่า / Emotion หนัก ๆ พรรณนาความรู้สึก - จิตใจของ Batman เพื่อให้เราสัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อ / ความเป็นมนุษย์ภายใต้หน้ากาก เพราะ จริง ๆ แล้ว Batman ก็เป็นแค่หนุ่มคนหนึ่งที่ใจสลาย อาจเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สับสน และหลงทางได้ แต่ก็มุ่งหวัง พร้อมจะทำทุกอย่างให้สังคมที่เป็นอยู่ดีขึ้น ชีวิตการเป็นแบทแมนของเขาเพิ่งขึ้นแค่ปีที่ 2 ยังต้องเก็บชั่วโมงบินอีกมาก เพื่อเป็นแบทแมนที่สมบูรณ์
ถือเป็นการตีความ Batman ที่ต่างไปจากเวอร์ชั่นก่อน ๆ แบทแมนในเวอร์ชั่นนี้อ่อนเยาว์ มีแง่มุมเปราะบาง แต่ก็ดิบเถื่อน พร้อมจะระเบิดออกมา... เป็นมิติที่เหมาะกับแนวทางดราม่า Film noir เป็นอย่างยิ่ง !
แบทแมน (Robert Pattinson) และร้อยตำรวจโท กอร์ดอน (Jeffrey Wright)
สำหรับสิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษ คือ "การสร้างบรรยากาศของเรื่อง" รู้สึกชอบในการถ่ายทอดบรรยากาศหลายอย่าง ผ่านโครงเรื่อง ภาพ แสง เสียง... ฝนตกตลอดเวลา เงามืดภายในเมือง ทำให้ภาพเมือง Gotham ดูสมจริง สมกับเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยอาชญากรรม
อีกซีนที่ถ่ายทอดได้อย่างสวยงาม / สร้างสรรค์
นอกจากนี้บางซีนระหว่างดูก็นึกว่าดูหนัง Thriller ผสม Horror (เครียดเหมือนดูหนังผี 😂) องค์ประกอบต่าง ๆ ถูกผสมกัน กดอัดคนดูไว้ตลอดเวลา ละสายตาไม่ได้เลย
อย่างซีนสตาร์ทรถ Batmobile และขับไล่ล่าเพนกวิน ฟีลลิ่งนึกว่าผีกำลังไล่ฆ่าหักคอ
มุมกล้องและแสง เป็นอีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะ นำเสนอได้น่าสนใจจริง ๆ ในส่วนนี้ ได้รับการควบคุมโดย Greig Fraser ที่เป็น Cinematographer ให้กับ Rogue One (2016) และ Dune: Part One (2021) [ Dune ได้เข้าชิงออสการ์สาขา Cinematography ด้วย ]
Batman และ Catwoman - มุมกล้องและโทนสีสวยมาก
งานภาพใน The Batman มีลูกเล่นที่แพรวพราวมากมาย ที่เด่นที่สุดคงเป็นการเล่นแสงสีส้ม กับเงามืดอย่างสวยงาม และช็อต Closeup ในแต่ละซีนที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมาก
ซีนที่ติดตาสุด ผมยกให้เป็น "ซีนแบทแมนต่อสู้กับศัตรู และโดนปืนกลรัวยิงในความมืด" ซีนนี้เอาคะแนนไปเลย 100% มุมกล้องและแสงน่าตราตรึงจริง
ดนตรีประกอบภาพยนตร์: อีกส่วนที่ทำให้หนังสมบูรณ์ เพราะ Batman ในเวอร์ชั่นนี้ ใช้ดนตรีในการบิ้วบรรยากาศ... ดนตรีประกอบได้รับการประพันธ์โดย Michael Giacchino ที่เคยเคยคว้าออสการ์จาก Up (2009)
ธีมดนตรีในเรื่องโดดเด่นที่อาศัยโน๊ตไม่กี่ตัว เล่นย้ำ ๆ จนซึมเข้าไปในหัว
  • 1.
    บางธีมใช้เสียงกลองรัวทึม ๆ ให้ความรู้สึกคล้ายหนังนักสืบยุคเก่า
  • 2.
    บางธีมมีเสียงระฆังให้ความรู้สึกเวลากลางคืน เหมือนผีออกล่า
  • 3.
    ดนตรีเสียงหวีด ๆ แบบหนัง Horror สมัยก่อน ก็เพิ่มความผวาให้คนดูได้ดี
  • 4.
    บางซีนใส่ดนตรีย้ำ ๆ เหมือนสื่อถึงระเบิดที่อยู่ภายในใจของแบทแมน (คล้ายธีมของ Darth Vader)
โดยรวมถือว่ามีรายละเอียดที่โดดเด่น พร้อมลูกเล่นที่น่าประทับใจ
ส่วน Sound Effect ก็โคตรดี เสียงเครื่องยนต์ เสียงปืน กระหึ่มหูสุด ๆ
บทเพลง "Something in the Way" ของ Nirvana ที่ปรากฏในหนัง เพราะมาก !
สิ่งสุดท้ายที่ไม่พูดไม่ได้คงเป็น การแสดงของ Robert Pattinson (The Batman) ที่มอบอรรถรสอันยอดเยี่ยมให้แก่คนดู มิติอันซับซ้อนของ Batman ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวภายใต้ฉายา Vengeance (ผู้ล้างแค้น) เป็นอีกองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้
Robert Pattinson ในบท The Batman
ส่วนนักแสดงอีกสองท่านที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือ Colin Farrell ในบท The Penguin และ Paul Dano ในบท The Riddler แสดงได้เยี่ยมจริง ๆ
Colin Farrell ในบท The Penguin
[ สรุป ]
The Batman (2022) เป็นหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญ / สืบสวนที่ดูดุดัน คลาสสิค มีส่วนประกอบน่าสนใจ และผสมกันอย่างลงตัว หนังมีทิศทางที่ดีและไปได้สุดทางอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่า Batman จะถูกทำมาแล้วหลายเวอร์ชั่นก็ตาม แต่ในเวอร์ชั่นนี้ก็เฉิดฉาย และน่าจดจำในฉบับของตัวเอง...
ดูทรงแล้วยังอาจมีแววไปถึงเวทีออสการ์ในสาขา Best Picture อีกด้วย ส่วนในเรื่อง Cinematography กับดนตรี อันนี้คงไม่น่าพลาดเข้าชิง แถมน่าคว้ารางวัลด้วยซ้ำไป
The Batman อาจจะไม่ใช่หนังที่เคี้ยวง่าย ย่อยง่ายสักทีเดียว (อย่างการไขปริศนาที่อาจมีมึนงงบ้าง) ผสมกับสไตล์สืบสวนที่เน้นสนทนาเป็นหลัก แต่ในเรื่อง Emotion และฉาก Action (ที่มีไม่เยอะ แต่ดุดัน) อันนี้ทำได้เยี่ยม 100%
ทั้งนี้ด้วยสไตล์ของหนัง ผมมองว่า The Batman มีความเป็นหนังนอกกระแส (หรือหนังรางวัล) แต่ได้ทุนและ Production ในระดับ Blockbuster จึงไม่มั่นใจว่าทุกคนจะชอบหรือเปล่า...
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงแนะนำอยู่ดี... สำหรับผม ก็คงเป็นหนังอีกเรื่องที่น่าจดจำในปีนี้เลยครับ !
ป.ล. หนังเรต PG-13 แต่หลายฉากมีอารมณ์ที่รุนแรง ดังนั้นใครที่มีความเครียดหรือ Sensitive กับความกดดัน ก็ต้องรับชมด้วยความระมัดระวังนะครับ
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา