9 มี.ค. 2022 เวลา 15:37 • ปรัชญา
นิทานเซนสอนใจ ตอนที่ 11
เรื่อง “ทองคำอันน่ากลัว”
3
เครดิตภาพ: Pixabay by rmsep4
...
เมื่อนานมาแล้ว ยังมีนักพรตผู้หนึ่งวิ่งตาลีตาเหลือกออกมาจากป่า พอดีถูกคนสองคนซึ่งเป็นสหายสนิทกันมากพบเห็นเข้า คนทั้งสองจึงเอ่ยถามนักพรตรูปนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาหลบหนีสิ่งใดมา
2
นักพรตตอบว่า “ข้าพเจ้าบังเอิญขุดเจอทองคำฝังอยู่ที่โคนต้นไม้ในป่า เป็นที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!”
เมื่อคนทั้งสองได้ยินก็ตื่นเต้นมาก แอบกระซิบกระซาบต่อกันว่า “นักพรตผู้นี้ช่างโง่เขลาปัญญาอ่อนเสียจริง ขุดเจอทองนับเป็นโชคแท้ๆ แต่กลับกลัวจนตัวสั่น” จากนั้นจึงตะล่อมถามนักพรตต่อไปว่า “ท่านขุดเจอทอง ณ ที่ใด สามารถบอกพวกเราได้หรือไม่?"
...
นักพรตจึงตอบว่า “ของที่อันตรายเช่นนี้พวกท่านไม่กลัวหรืออย่างไร ไม่ทราบหรือว่าทองคำพวกนั้นมันสามารถกินคนได้!”
2
คนทั้งสองจึงรีบเอ่ยว่า “พวกเราไม่กลัวหรอก ท่านรีบบอกมาเถิดว่าทองคำอยู่ที่ใด?" สุดท้ายนักพรตจึงบอกว่า “ทองคำอยู่ที่โคนต้นไม้ต้นริมสุดทางทิศตะวันตกของป่า” เมื่อได้ยินดังนั้นคนทั้งสองก็รีบผละจากนักพรตมุ่งหน้าไปยังจุดที่พบทองคำทันที
ระหว่างนั้น สหายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “นักพรตรูปนั้นทึ่มจริงๆ ทองคำที่ทุกผู้ทุกคนต่างเฝ้าใฝ่ฝันถึงมากองอยู่ตรงหน้า กลับวิ่งหนีไปเสียได้” ซึ่งสหายอีกผู้หนึ่งก็พยักเพยิดเห็นด้วย
1
...
จากนั้นทั้งสองจึงปรึกษากันว่าจะนำทองคำกลับไปได้อย่างไร สหายผู้หนึ่งจึงเสนอว่า "หากขนทองคำกลับไปในตอนฟ้าสว่างเห็นจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ เราควรขนไปตอนฟ้ามืดจะดีกว่า เดี๋ยวข้าจะเฝ้าทองคำอยู่ที่นี้ ส่วนท่านเดินทางเข้าเมืองไปเสาะหาอาหารและน้ำดื่มมารับประทานร่วมกัน เมื่อรับประทานเรียบร้อยรอให้ค่ำมืด ค่อยลงมือขนทองคำ”
1
ดังนั้นสหายผู้หนึ่งจึงเดินทางกลับเข้าเมืองเพื่อไปหาข้าวปลาอาหาร ส่วนสหายอีกผู้หนึ่งที่อยู่เฝ้าทองคำก็ขบคิดวางแผนว่า “หากทองคำทั้งหมดตกเป็นของข้าเพียงผู้เดียวก็คงจะดีไม่น้อย เช่นนี้ดีกว่า หากเพื่อนของข้ากลับมาก็ใช้ท่อนไม้ทุบตีมันให้ตาย เท่านี้ก็ไม่ต้องแบ่งส่วนแบ่งทองคำให้กับผู้ใด”
2
ส่วนสหายที่เดินทางเข้าเมืองก็ครุ่นคิดว่า “ข้าจะเข้าเมืองไปรับประทานอาหารให้อิ่มเสียก่อน จากนั้นนำยาพิษใส่ในอาหารกลับไปให้สหายข้า เท่านี้ทองคำก็จะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
1
...
ชายที่เดินทางเข้าเมืองดำเนินการตามแผนเรียบร้อย จากนั้นนำอาหารกลับมายังชายป่าที่ซ่อนทองคำ แต่ยังไม่ทันระวังตัว เขากลับถูกสหายรักใช้ท่อนไม้ฟาดจากทางด้านหลัง จนเสียชีวิตทันที จากนั้นมือสังหารจึงแก้ห่อข้าวที่เพื่อนผู้ล่วงลับนำมาให้ รับประทานด้วยความหิวโหย แต่ไม่ทันไรก็ต้องล้มลงดิ้นทุรนทุรายเนื่องเพราะได้รับพิษที่อยู่ในอาหาร
2
ในชั่ววินาทีก่อนที่ชายผู้ถูกพิษจะสิ้นใจ เขาพลันนึกถึงคำที่นักพรตได้เตือนเอาไว้ จึงได้แต่รำพึงว่า “จริงดั่งคำที่นักพรตว่าไว้ ทองคำนั้นน่ากลัวยิ่ง เพราะมันสามารถกลืนกินมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความโลภอย่างเรา” จากนั้นจึงลาโลกไปในลักษณะนั้น
2
สรุปข้อคิดจากนิทานและถอดเป็นความคิดออกมาได้ว่า
1
  • ความโลภนำมาซึ่งความหายนะ
2
  • จริงแท้แล้วสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ความโลภที่อยู่โดยลำพัง แต่เป็นจิตใจคนต่างหากที่มีความโลภเข้ามาอยู่
4
  • มิตรภาพถูกทำลายได้เพียงชั่วเวลาสั้นๆเพียงเพราะความโลภ
2
ผู้เขียนขอยกคำคมจากหนังเมื่อประมาณ 35 ปีที่แล้ว ชื่อเรื่อง “Wall Street” ที่เกี่ยวข้องกับนิทานเรื่องนี้ ตามด้านล่าง
เครดิตภาพ: AZ Quotes
Greed, for lack of a better word, is good. Greed is right. Greed works. Greed clarifies, cuts through and captures the essence of the evolutionary spirit.”
Gordon Gekko แสดงโดย ไมเคิล ดักลาส
...
  • Wall Street (1987) เป็นหนังที่สะท้อนวงการการเงินที่ถ่ายทอดเรื่องราวการชิงไหวชิงพริบ จ้องเอาชนะกันของนักล่ากำไรรายใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เกมส์การเงินในการสร้างผลประโยชน์จากการซื้อขายหุ้นด้วยข้อมูลวงใน (insider) รวมถึงการเข้าครอบครองกิจการเพื่อชำแหละขายสินทรัพย์มีค่าของบริษัทเพื่อทำกำไร แม้แต่การหลอกล่อ หว่านล้อมให้คนอื่นยอมทำทุจริตผิดกฎหมายเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายหรือความเดือนร้อนของคนอื่นๆ
1
...
ตัวเอกของเรื่องชื่อ Gordon Gekko นำแสดงโดย ไมเคิล ดักลาส โดยมีวลีเด็ดสุดสะท้านปรากฏในเรื่องคือ “Greed is good” หรือ ความโลภนั้นดี
ซึ่งจริงๆแล้วเค้ามองอีกมุมว่าความโลภว่าเป็นแรงผลักดันให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น โดยในฉากหนึ่งของหนังเป็นเหตุการณ์ตอนที่ Gordon Gekko ไปพูดในงานประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทหนึ่ง เขากล่าวตามที่ผมยก quote ไว้ด้านบนก่อนหน้า
สรุปนัยยะคือ ความโลภ มันคือแก่น จิตวิญญาณในวิวัฒนาการของมนุษย์ ความโลภจะเป็นแรงชับดันให้เกิดการพัฒนา หาหนทางในการทำให้ดีขึ้น มีมากขึ้นไปกว่าเดิม โลภทั้งเรื่องความรัก เรื่องเงิน เรื่องธุรกิจ ไม่ยอมจำนนให้กับชะตาชีวิตเท่าที่มี และเขากล่าวว่า ความโลภจะไม่ได้ช่วยแค่การรักษากิจการของบริษัทที่กำลังล้าหลัง แต่มันช่วยรักษาประเทศอเมริกาในระบบทุนนิยมให้ก้าวต่อไป
3
ขอจบแค่นี้ครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นรีวิวหนังไปครับ
  • ที่มาของนิทาน:
หนังสือ“菩提树下听禅的故事”, 惟真 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 中国华侨出版社, 2004.08, ISBN 7-80120-851-X

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา