10 มี.ค. 2022 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
CEO Talk Work-Life Balance สไตล์ผู้บริหาร XO
บอสหนุ่มสุดหล่อของ XO ที่สาวๆ กรี๊ด! จากรอยยิ้มและท่าส่ง mini heart ให้ภรรยาผ่านไลฟ์ในงานมอบรางวัล SET Awards 2021 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กับ Best CEO Awards และ Best Company Performance Awards ที่คว้ามา ยังมีเคล็ดลับอะไรที่คว้าใจพนักงาน ครอบครัว และภรรยาสุดที่รักไปครอง…
2
ถ้าอยากดีที่สุด ผมว่ามันก็ต้องไปให้สุดในทุกๆ ด้าน
การที่แบรนด์ Exotic Food ได้นำพาความเป็นไทย ก้าวออกไปสู่ตลาดโลกตลอดระยะเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นสำคัญคือเรากล้าที่จะก้าวออกไปทำในสิ่งที่ใครๆ คิดว่าเป็นไปไม่ได้ กล้าที่จะเชื่อมั่นในพาสชั่น กล้าที่จะตั้งเป้าหมายไกลๆ ให้องค์กร พนักงาน คนที่เรารัก กล้าที่จะบอกว่าเราจะเป็นคนที่มีความสุข ซึ่งผมมองว่าการจะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ มันต้องไปให้สุดทั้ง 2 ด้าน คือต้องเต็มที่ทั้งเรื่องงาน และเต็มที่กับชีวิต
1
เต็มที่กับงาน..ใส่สุดแบบเวิร์คสมาร์ท
1
ภาพกว้างที่มองเห็น XO ในอนาคต ก็คือเรายังคงเป็นแบรนด์ไทยที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในและต่างประเทศ เป็นองค์กรที่เน้นความสำเร็จแบบ Long Term เราจึงกล้าที่จะลงทุนเยอะ แม้ว่าจะได้กำไรน้อยลง แต่เพื่อคุณภาพของสินค้า มันคุ้มที่จะแลกกับความสำเร็จแบบยั่งยืน คุ้มค่ากว่าหากแบรนด์ของเราจะไปนั่งอยู่ในใจของผู้บริโภคตลอดไป
ภาพต่อมาคือภายในบ้านของ XO ผมในฐานะผู้นำซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ จึงให้ความสำคัญกับแนวคิดเต็มที่กับงานในแบบ Work Smart คือมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ ผมจึงเป็นคนวางกลยุทธ์ เน้นแผนการขาย และดูแลภาพรวมของบริษัท ทำงานให้ได้สัปดาห์ละ 3 วันเท่านั้น แต่เป็น 3 วันที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพและใส่สุดในแบบของผม
1
แต่ถึงแม้ว่าเรื่องใหญ่ๆ เราจะเป็นคนตัดสินใจ เจรจาต่อรองกับลูกค้ารายใหญ่ๆ เป็นคนกำหนด และรู้ทิศทางของบริษัท แต่งานด้านอื่นๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ผมมีคนที่ไว้วางใจมากที่สุดก็คือน้องสาวที่ทำงานเก่ง สามารถทำงานแทนผม ดูแลฝั่ง operation ทั้งหมดและด้านอื่นๆ ได้ อีกทั้งพนักงานที่ผมเชื่อมั่นให้พวกเขาดูแลโปรเจ็คที่ได้รับมอบหมาย และเชื่อว่าพวกเขาจะทำอย่างเต็มที่ที่สุดเช่นกัน
ดังนั้น นิยามการเวิร์คสมาร์ทในแบบของผม ก็คือต้องรู้ก่อนว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้ดี ส่วนที่ทำไม่ได้ก็จะให้คนอื่นทำ ไว้ใจให้คนที่เก่งด้านนั้นๆ เป็นผู้ดูแลแทนเรา นอกจากจะได้ตัวงานที่มีคุณค่าแล้ว คนทำงานยังได้รู้สึกว่าตนมีคุณค่า และภาคภูมิใจในตัวเอง
เต็มที่กับชีวิต..ครอบครัว ความรัก และไลฟ์สไตล์
ผมแบ่งเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน ถ้าหากมีเวลาว่างก็จะทุ่มให้กับคนที่เรารักอย่างเต็มที่ เช่น ไปรับลูกที่โรงเรียน ทานข้าวกับครอบครัวทุกเย็น ท่องเที่ยวกับภรรยา อย่างช่วงก่อนโควิดก็จะต้องมีทริปอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเติมความหวาน ส่วนเที่ยวกับครอบครัวที่มีลูกไปด้วย ปีละ 4-5 ทริป
ผมมองว่าการได้ใช้ชีวิตส่วนตัว เหมือนเป็นการได้พักผ่อน และหา inspiration ในการทำงานไปในตัว เมื่อมี KPI ในที่ทำงานแล้ว ก็ต้องมี KPI ให้ชีวิตส่วนตัวด้วย เช่น หาเวลาว่างทำอาหารให้ภรรยาและลูกทาน หรือออกไปปาร์ตี้ให้ใจกระชุ่มกระชวยบ้าง Work-Life Balance ของผมจึงหมายถึงชีวิตที่มีความสุข และเต็มที่ที่สุดในทุกด้านครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา