รู้หรือไม่?
ผู้หญิง 70% มีปัญหา Emotional Eating
หรือ สภาวะกินตามอารมณ์
เครียด, เบื่อ, เศร้า, กังวล ... ก็กิน!!
(จะบอกว่า ผู้ชายจำนวนไม่น้อยก็เป็นเหมือนกัน 😆)
ซึ่งสภาวะ Emotional Eating เป็นตัวการที่ทำให้เกิดสภาวะการกินแบบอื่นๆ ตามมา เช่น
Binge Eating
สภาวะกินแหลก ตบะแตก
มักเกิดขึ้นกับคนที่หมกมุ่นกับ Diet มากเกินไป /
คุมอาหารเป๊ะเกินไป จนเกิดความเครียดสะสม
Compulsive Eating
สภาวะหยุดกินไม่ได้ ถึงแม้อิ่มแล้วก็ไม่หยุด
Food Induced Happiness
ความสุขที่เกิดขึ้นมาจากการกิน
ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะ เพราะเป็นกลไกตามธรรมชาติ
แต่ต้องมี "สติ" คิดก่อนกิน เพื่อไม่ให้เกินเลย
ทำไมคนเราถึงกินตามอารมณ์?
หลักๆ เกิดจาก 2 สาเหตุนี้ คือ
1. มีความเครียด ความกังวล
(ใครที่อ่านเรื่อง Type of Stress มาแล้ว จะเข้าใจมากขึ้น https://www.blockdit.com/posts/622816ce3f2e404ab8521f98 )
2. วางความสุขไว้ที่การกิน / เสพติดความสุขจากการกิน
เวลาที่เรามีความสุข เช่น ได้กินของอร่อย สาร Dopamine จะหลั่งออกมา ทำให้เรารู้สึกดี เป็นเหมือนการให้รางวัลตัวเอง
[เพราะร่างกายมนุษย์ ต้องการให้เราทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำบ่อยๆ
เพื่อเอาชีวิตรอด เช่น การกิน, ขยับตัว, เรียนรู้, สืบพันธุ์
มันจึงต้องมีกลไกให้เรา "รู้สึกดี" เพื่อที่จะได้ทำสิ่งเหล่านั้นบ่อยๆ
ซึ่งกลไกนั้นก็คือ Dopamine นั่นเอง]
ซึ่งถ้าเราวางความสุขไว้ที่การกินมากเกินไป
หรือเวลาที่เราทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ แล้วให้รางวัลตัวเองด้วยการกินบ่อยเกินไป (Cheat Meal, Cheat Day ก็เข้าข่ายนะ)
สมองก็จะเคยชินจนเสพติด ถ้าวันไหนไม่ได้ตบรางวัลตัวเองด้วยการกินก็จะเกิดความเครียด ทำให้เราต้องคอยให้รางวัลตัวเองเป็นการกิน อยู่เรื่อยๆ
ทำยังไงถึงแก้ Emotional Eating ได้?
1. ใช้ความเข้าใจเรื่อง Dopamine ให้เป็นประโยชน์
แนะนำว่าให้เปลี่ยนการให้รางวัลตัวเองเป็นกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง สลับๆ กันไป เพราะแท้จริงแล้ว สมองเสพติด Dopamine ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นอาหารเท่านั้น ฉันถึงมีความสุข
ดังนั้น ถ้าเราให้รางวัลตัวเองเป็น "สิ่งอื่นที่เราชอบ" (แทนที่จะเป็นการตบรางวัลด้วยเมนูโปรดแบบถี่ๆ) สมองก็แฮปปี้ได้เหมือนกัน แล้วเราจะแก้ปัญหา "การเสพติดความสุขจากการกิน" ได้
**ไม่ได้บอกว่ากินของอร่อยไม่ได้นะ แต่ให้วางแผนอย่างเป็นระบบ**
2. มีสติ คิดก่อนกิน ทุกครั้ง
อย่ามัวแต่ Track Calories หลังจากกิน เพราะเป็นเหมือนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ให้เราวางแผนล่วงหน้าไปเลย ว่าจะไปที่ไหน, มีเวลากินอาหารตอนไหนบ้าง, แถวนั้นมีอะไรให้กินบ้าง (กรณีที่ไม่ได้เตรียมไปเอง) ให้คิดดักไว้เลย
แล้วก่อนที่จะกิน ก็ใช้ "สติ" เป็นตัวกรองอีกชั้นนึง
ว่าอะไรควรกินบ้าง และควรกินเท่าไหร่
อะไรควรเพิ่ม และอะไรควรลด
3. หาวิธีรับมือกับความเครียด
มองไปที่ต้นตอของปัญหาที่เกิด แล้วเข้าไปแก้ (ถ้าทำได้)
เพราะการ "หาอะไรทำแก้เครียด" ไม่ใช่การแก้ปัญหา
และมันทำให้หายเครียดได้แค่ชั่วคราว
ปัญหาไหนที่แก้ไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ ให้ปล่อยมัน
แล้วไปลงมือทำสิ่งที่เราพอจะทำได้
พอจัดการเสร็จค่อยไป "หาอะไรทำแก้เครียด" ทีเดียว
แล้วรอบนี้มันจะแก้เครียดได้จริงๆ
แถมสบายใจ เพราะปัญหาได้ถูกแก้มาอยู่ในจุดที่ดีที่สุด ที่เราทำได้แล้ว
ปัญหา Emotional Eating เกิดขึ้นได้กับทุกคน
และกลับมาใหม่ได้เรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้วิธีแก้
แล้วทำให้เป็นนิสัย ทีนี้เจออีกกี่รอบก็รับมือได้
แล้วพบกันใหม่ที่บทความหน้าครับ
Be Fit,
Be Esteem.
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
