12 มี.ค. 2022 เวลา 11:51 • การศึกษา
#เลือกอะไรก็เลือกไปเถอะ ไม่ชอบก็เปลี่ยนเลย อย่าคิดมาก#
ที่มาภาพ: Photo by Aaron Burden on Unsplash
ไปเห็นประเด็นเรื่อง เด็กๆ ควรจะเลือกเรียนที่ชอบ หรือที่คาดว่าน่าจะรุ่ง หรือทำเงินให้มากกว่า ... น่าจะดีกว่า
ถามผมตอนนี้ ผมตอบว่า ... อยากเลือกอะไร ก็เลือกไปเถอะครับ
ประเด็นสำคัญคือ มีคนน้อยมากที่อายุถึง ม.ปลาย ต้องเลือกว่าจะเรียนอะไรดี แล้วรู้แน่ชัดว่า ตัวเองชอบหรืออยากเรียนอะไร
ผมเองตอนนั้นก็รู้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่หรอกครับ สอบเทียม ม.5 ได้ ตอนนั้นสอบเอนทรานซ์ เลือกได้ 5 อันดับ ก็เลือกแพทย์ไป 3 อันดับ ในกรุงเทพทั้งนั้น แล้วก็ไม่ได้ ซึงก็ดี ... เพราะดูจากนิสัยตอนนี้แล้ว เป็นหมอคงเครียดน่าดู ไม่น่าจะเป็นหมอที่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่
สิ่งที่เราจะช่วยเด็กๆ ของเราได้ก็คือ พาไปพบเจอคน ไปหาข้อมูลวิชาชีพต่างๆ เวลามหาวิทยาลัย Open House หน่วยงานต่างๆ Open Lab ก็พาไปดู พาไปพิพิธภัณฑ์ต่างๆ พาไปเข้าค่ายแปลกๆ ที่เด็กสนใจ ฯลฯ
ยิ่งอายุมากขึ้น ผมยิ่งมองโลกแบบภาพรวม ไม่ค่อยอยากลงรายละเอียด ขนาดไปร่ำเรียนวิชาวิเศษอย่าง genetic engineering กับ molecular biology มา ก็ยังเลิกทำวิจัย หันมาทำ science communication
อย่าลืมนะครับ เรื่องการสื่อสารวิทย์นี่ สำคัญมากขนาดที่ฝรั่งอนุญาตให้ ศาสตราจาย์ในมหาวิทยาลัย ลาสอนมานั่งแต่งหนังสือได้อย่างเดียวได้ (นาน 6 เดือนหรือ 1 ปี ไม่แน่ใจว่ามีนานกว่านั้นไหม) โดยได้รับเงินเดือนเต็มตามปกติ เพราะเขาเห็นความสำคัญของการเผยแพร่ความรู้วิทย์ในวงกว้าง
การเปลี่ยนสาขา ไม่ว่าจะหลังจากเรียนจบ ป.ตรี, ป.โท หรือ ป.เอก ไม่ใช่เรื่องแปลกสักนิด ทุกคนมีปัจจัยแวดล้อม ณ ช่วงเวลาต่างๆ ไม่เหมือนกัน
ถ้าใครไบรท์ๆ สักหน่อย และชอบเรียนสายวิทย์ ผมแนะนำให้เรียนจบ ป.เอก, ทำ post-doc แล้วหาตำแหน่งอยู่ในต่างประเทศไปเลย
เงินเดือนก็ดี ระบบก็ดี เครื่องมือก็พร้อม ปั๊มงานง่ายกว่า
ระบบวิชาการบ้านเรา ยังบริหารจัดการห่วยอยู่มาก ทำเรื่องไม่ควรทำมาก เรื่องควรทำไม่ยอมทำ อ้างคำสั่งสูงสุดจากกระทรวงบ้าง จากรัฐบาลที่มาแล้วไป ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบอะไรบ้าง
ไร้สาระเป็นบ้า !!!
แล้วอยู่ต่างประเทศ ก็ช่วยประเทศได้นะครับ ด้วยการร่วมมือกับคนในไทย ส่งเด็ก ป.โท ป.เอก ไปทำวิจัยระยะสั้นด้วย หรือทำวิจัยร่วมกันเท่าที่ทำได้ ด้วยวิธีการแบบนี้ ก็วิน-วิน กันทุกฝ่าย
Photo by Yuhan Du on Unsplash
ชีวิตมันต่างกัน ตั้งแต่เกิดมามีนามสกุลอะไร สีผิวอะไร อยู่ในวงสังคมอะไรแล้วล่ะครับ แน่นอนระดับสติปัญญาก็ด้วย
แทนที่จะมานั่งเถียงกันว่า เรียนอะไรดี ผมว่ามาดูกันว่า "เรียนอย่างไรดี" จะดีกว่าเป็นร้อยเท่า
ถ้าเราเรียนเป็น เรียนถูกวิธี เราจะไม่มีปัญหาเรื่องหางานทำ หรือหาเงินสักเท่าไหร่หรอกครับ
ปัญหาใหญ่ ผมว่าเด็กๆ ของเรายังไม่รู้วิธีเรียนให้ดี หมายถึง....เรียนให้ได้เนื้อได้หนัง แล้วตัวเองสนุก ไม่เครียดบ้าบอไปกับการแข่งขันจนหมดไฟ
เพราะสิ่งแวดล้อมดีๆ มันหายาก และช่องว่างทางการศึกษาบ้านเรา มันกว้างมากจริงๆ
ยังไงก็ตาม อยากให้กำลังใจทั้งเด็กๆ และผู้ปกครองนะครับ เราควบคุมและ "เลือก" เส้นทางชีวิตได้ไม่น้อยทีเดียว
แม้ว่าหลายอย่างจะบังคับกะเกณฑ์ไม่ได้
ขอให้โชคดี สมหวังในสิ่งที่หวังอย่างสมเหตุสมผลครับ
โฆษณา