24 มี.ค. 2022 เวลา 11:34 • หนังสือ
ชีวิตเราใครใช้ เคยถามคำถามนี้ให้กับตัวเองบ้างมั้ยคะ
ที่ผ่านมา เรามีเวลาในชีวิต24 ชั่วโมงต่อวัน เฉกเช่นคนอื่น รวยจนดำขาว เราก็รู้ดีกันอยู่แล้ว เรามีเท่ากัน
ตอนเด็กๆจำได้พอรู้ความก็ทำตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์บอกหรือสั่งสอน ว่าเชื่ออะไร อะไรควรไม่ควร รวมทั้ง เห็นตัวอย่างที่พ่อแม่และสังคม ทำ ก็ยึดมั่นปฏิบัติตามเพราะว่าไม่รู้ว่าแบบอื่น มีอะไรบ้าง หากทำตามอยู่ในกฎระเบียบ เราก็เป็นคนดีในสังคม ง่ายดีไม่มีปัญหาให้ผู้ใหญ่คอยแก้
วัยรุ่นมาเอ๊ะชักขี้เกียจทำตามกรอบ หรือทำตามที่พ่อแม่สั่ง เพราะว่า อยากมีชีวิตที่แตกต่าง เริ่มแหกกฎหรือ ปฏิเสธ ข้อห้าม ทั้งเริ่มหาประสบการณ์ใหม่ๆให้ตัวเอง ผิดบ้างถูกบ้าง แต่ว่า ใครคือคนตัดสินว่าถูกหรือผิด?! ก็ สังคม และความคิดความเชื่อเก่าๆของเรานั่นแหละ
ทีนี้พอวัยทำงาน เมื่อก่อนเราถูกสอนให้มีงานทำที่มั่นคง มีเงินเดือน เป็นเจ้าคนนายคนมีคนยกมือไหว้ มีเกียรติยศศักดิ์ศรี ดูดีให้วงค์ตระกูล ใครทำได้ คือดี ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ
(แต่เอ๊ะ อันนี้ความฝันเป็นของพ่อแม่สมัยก่อนหรือเปล่า) ใครทำไม่ได้ ก็ไร้ตัวตน จนกว่าจะมี รถมีบ้านโชว์ก่อน ถึง จะถือว่าสำเร็จ
การดิ้นรนหาเงินเรียนเพื่อคิดว่า จะหางานหาเงินมั่นคงได้ ต้องมีความรู้ ยิ่งสูงยิ่งดี แต่ ทำไมยิ่งสูงยิ่ง หนาว ยิ่งห่างใกลความจริงว่า เรียนรู้ไปทุกเรื่อง แต่สิ่งที่ใช้ได้ในชีวิตจริงกลับเป็นสิ่งที่เผชิญนอกห้องเรียนนั่นเอง
อดทนหางาน หาเงิน เก็บเงินจัดระเบียบความคิด การใช้ชีวิต ให้อยู่รอด เหล่านี้ กลับเป็นวิชาที่ใช้ได้จริงแต่ไม่เคยได้รับความใส่ใจ คนใส่ใจจริงจัง จึงได้ดีกว่า เสียเวลาในชีวิต น้อยกว่า
ไม่ใช่การเรียนรู้สูงวุฒิดีๆ นั้นไม่ดี แต่หมายถึงว่า เราต้องรู้จุดประสงค์เราเองให้ได้ ก่อนจริงมั้ยคะไม่งั้นจะตกไปอยู่ในจุดประสงค์ของคนอื่น
ปี 2002 ย้ายตามสามีชาวออสเตรียมายุโรปใหม่ๆ สามปีแรก มีชีวิตอยู่กับการปรับตัวครั้งใหญ่หลวง สิ่งที่ต้องใช้ไม่ใช่การศึกษาระดับอะไร แต่เป็นการเข้าใจว่า เราจะมีชีวิตรอด ในสังคมนี้ได้ ด้วยการ มีอะไร ที่เป็นคุณสมบัตินั้นๆบ้างต่างหาก
ยี่สิบปีผ่านไป ยิ่งมองเห็นชัดว่า ความคิดความเชื่อของเราตั้งแต่เด็กๆที่พ่อแม่ปลูกฝังเรานั้น มันมีส่วนช่วยในการ ตัดสินใจ และการปฏิบัติตัว ให้อยู่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสังคม
แต่ ทั้งการศึกษาและการเรียนรู้เองตั้งแต่วัยรุ่น นั้นก็คือการสั่งสม เลือกสรร และ ปรับขัดเกลาเราให้เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจว่า หากเวลาในชีวิตเรา เราใช้เองอย่างรู้ตัว มีสติ มี จุดประสงค์ แน่ชัด
ไม่ว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ เพื่อน สังคม สามีภรรยา ลูก อาจใช้เวลาของเราเกือบจะทั้งหมด ผ่านความคิด ความอยาก ความรับผิดชอบ
เราจะเหนื่อยล้า ได้ง่าย โหยหา เวลาความรักความใส่ใจ คืน จากคนเหล่านั้น อย่างรอคอย คอยให้เขาทำตามที่เราเคยไฝ่ฝัน มันเป็นไปไม่ได้
เวลาของเขา ก็ต้องทำเพื่อชีวิตเขาสิ ถึงจะถูก เด็กรุ่นใหม่ใช้เวลา ใช้ความคิดได้เร็วกว่า เพราะ พวกเขา มีเวลาหาสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างใส่ใจมากกว่านั่นเอง
มันไม่สนุกเลยนะ หากเป็นผู้ใหญ่คอยรอรับ เวลาเหล่านั้น มันคือการเห็นแก่ตัว โดยเอาสิ่งที่ตัวเองเป็นมาวัด แบบนั้น….ไม่มีความสุขหรอก
ลองใหม่ดูน่าไม่เสียหายอะไร คือ ให้เวลาที่เหลือ ในชีวิตเรา เป็นของเราร้อยเปอร์เซ็นต์บ้าง ทำอะไรที่เราอยากทำ อะไรที่คั่งค้าง ความฝันที่หลงลืม ที่ๆอยากไป หนังสือที่อยากเขียน เพลงที่อยากแต่งหรือร้อง ให้เวลตัวเอง บ้าง
สิ่งที่เอาเวลาในชีวิตเราไปถ้าคิดแยกแยะดีๆ อาจ มีที่เป็นประโยชน์จริงๆไม่มากที่เหลือ ก็ ทำเป็นสวมรอยไปอย่างนั้นแหละ ก็คนมันเคยทำ 😅
หากเรามีอายุ 70ปี ปีนี้ 50 อย่างน้อยๆ อีก20ปี เราก็ได้ใช้เวลาในชีวิตตัวเอง อย่างรู้ตัวจริงมั้ยคะ ทีนี้จะได้รู้ว่า เราเป็นได้มากกว่าที่เราคิด ความสุขจะมาจากตัวเราเองทั้งหมดเลย
แต่!!! เราไม่รู้ได้จริงมั้ยคะว่า เวลาเรามีเหลืออีกเท่าไหร่กันแน่ น่ะสิ …..
เราเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องชีวิตเราใครใช้เอาไว้เล่มหนึ่ง มันทำให้เราเข้าใจและสำรวจเวลาในชีวิตที่ใช้ไปได้ดีทีเดียว และทำให้เราใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออย่างสนุกสนาน และมีค่าดีต่อใจเรามากทุกวินาทีเลยค่ะ
ภาพจากผู้เขียน
ไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องที่นอกเหนือจาก ที่จะทำให้ชีวิต ได้มีชีวิตชีวา เลยค่ะ เพราะความฝันวัยเด็กบางอย่าง จะไม่เป็นแค่ความฝันและตายไปกับเรา มันจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเราให้เวลาให้เขากำเนิดเท่านั้น
หาอ่านได้ มีเป็นเล่มพร้อมค่ะ
#ชีวิตเราใครใช้
#หนังสือชีวิตเราใครใช้
เพจ ชีวิตเราใครใช้byครูยุ
เขียนและขายหนังสือชีวิตเราใครใช้
เพจชีวิตเราใครใช้byครูยุ
คนชอบพัฒนาตัวเอง กับชอบ วาดรูป ลองตามลิ้งค์ดูค่ะ👇
ชอบเขียน ได้นิยาย ก็แต่งนิยายเลยไปอ่านดูค่ะ นิยายแฝงข้อคิดของแม่ค้าต่างแดนกับความรัก ที่ไม่ง่ายนัก👇
#รับปรึกษาปัญหาความรักตัวเอง
#เป็นไลฟ์โค้ชเรื่องชีวิตและความรัก
#เป็นเชฟร้านกาแฟ
#กำลังฝึกเป็นนักเขียน
โฆษณา