24 มี.ค. 2022 เวลา 13:34 • ศิลปะ & ออกแบบ
พิพิธภัณฑ์ และลั่นถันในวัด
มีโอกาสเพราะอยากชมภาพหาดูยากหนึ่งเดียวในไทย เพราะไม่มีคนเขียนจิตรกรรมฝาผนังจีน เรื่อง ห้องสิน ชุดสี ลายเส้น ดั้งเดิมแบบนี้ คล้ายงานใน สิมอีสาน(อยากไปชมของจริงเช่นกัน เห็นแต่รูป) พวกงานลายเส้นลงสีบางๆ กลุ่มสีสกุลน้ำเงินนี้หาชมยาก เพราะเป็นสีราคาสูงในอดีต
เราเริ่มจากนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาสถานีสนามไชย แล้วเดินเลาะริมทางมาวัดโพธิ์ ที่ตอนนี้ซ่อมแซมหลายจุด เปลี่ยนทางเข้าจากติดถนนเป็นในซอยที่จอดรถหลังวัด
ความน่ารักของงานแกะสลัก ช่างฝีมือชาวบ้านไม่น่าใช่ชาววัง งานกนักขนาดนี้ แต่อาจมีอม่กองคุมงานที่แกะหินที่ขนส่งมาใต้ท้อง ในห้องอับเฉา แต่ตุ๊กตานี้เรียก ลั่นถัน (วัดโพธิ์มีเอกสารเล่มโตให้ดาวน์โหลดอ่านฟรี เขียนดีมาก เราอ่านแล้วเขาเชื่อมโยงทั้งที่มา และแยกย่อยลักษณะตุ๊กตาแต่ละชนิด เล่าตำนานต่างๆแทรก)
หรือมีบางคนมาเดินตามแมวไทย แมวจร วัดแถวนี้มีเยอะ สีแปลก หน้าตลก เสน่ห์อีกแบบ นอกจากความร้อนและเท้าระบม (ที่รับไม่ได้สุดคือ กลิ่นปลาเค็มวัดพระแก้ว ที่เราคงไม่เข้าไปบ่อยๆ ปลาเค็มนานาชาติ) หรือมิจฉาชีพรอบวัด ระวังกันด้วยนะ
สิงโตที่นี่มีความคล้ายกัน แต่บางตำแหน่งของรายละเอียดต่างกัน มีจังหวะหน้าตาฮาๆ เห็นแล้วขำ หรือท่าทางแปลก
เราชอบแก๊งนี้ ลองตามหาดูนะ เดาว่าเป็นนักกายกรรม ชุด หน้าตา เคราหนวด ไม่เหมือนกันเลย เคยค้นที่มามาจากอินเดียที่รับจากกรีกอีกทีคล้ายพุทธรูป ตำนานแอตลาสแบกโลก ไททันที่โดนคณะไททันโอลิมปัส ลงโทษเพราะแพ้สงคราม แถมมีเกร็ดเกี่ยวกับ เฮอร์คิวลิสสิบสองภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ แล้วแพร่มาอินเดียเพราะ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ จากนั้นเข้าสู่ไทยจากทางสายไหมทะเล มาเป็นยักษ์ลิง แต่ผสมจีนไปอีกที
ขุนนางบุ๋น ที่นี่กับที่อื่น หน้าไม่ซ้ำ เราชอบดูสิ่งที่เขาถือ มีหลายแบบ แถมบางตัวเล็บยาวแบบขุนนางจีน(โดยเฉพาะราชวงศ์ชิงหรือเชง) แบบในหนังผีดิบโดดดึ๋งๆ เป็นค่านิยมการแต่งกาย หมวก หนวดเครา แม้แต่ความหมายของสิ่งของที่ถือ ป้ายตราตั้ง กระบี่ คฑาหยก เข็มขัด หมวกยศ บางตัวมีอุปกรณ์พิเศษพวกขวดกระเป๋าแปลกไป อาจเป็นยานัตหรือฝิ่น หมาก เดามั่วไปหมด
ขุนนางฝรั่ง ยุคนั้นล่าอาณานิคม ติดต่อการค้า บางตัวเคราแหลม บางตัวเคราบางเป็นเส้น หรืออาจเป็นนักสอนศาสนามาพร้อมการรักษาหรือความรู้ การแต่งกายคล้ายกันถ้าไม่ใช่ทหาร แต่หน้าตาไม่ซ้ำ บางตัวใจดี หน้าตลก
ขุนนางบู๊ มีหลายแบบมาก ท่าทาง อาวุธ การแต่งกาย ธงหรือผ้าแพร เกราะ ดาบ ส่วนมากมาจากงิ้ว แบ่งเรื่องสีทาหน้า ในเล่มที่ดาวน์โหลดมา เล่าว่า ถ้าหน้าแดง ตัวดี มาจากสามก๊ก กวนอู ส่วนตัวร้ายหน้าขาว หน้าดำจำไม่ได้ว่าดีไหม นอกนั้นคือการแต่งกายกับธง ธงคือทิศที่ชนะหรือสังกัด พวกแมนจูมีหน่วยทหารแบ่งเป็นแปดกองธง
ตุ๊กตาตัวใหญ่ มีอาวุธต่างกันนะ นอกจากง้าวคือตะบองลูกตุ้ม ในซีรีย์ ฉางอันสิบสองชั่วยาม เราเห็นคนใช้ลูกตุ้มด้วย เรื่องนี้ยกให้เป็นอันดับหนึ่งในดวงใจ ความรู้ทางประวัติศาสตร์มาจากเรื่องนี้เยอะ ชุดผ้าหน้าผม เขาทำการบ้านมาดีมาก ถ้าอ่านหนังสือคงรู้อะไรเพิ่มอีกมาก เพราะปี 2019 ต้นปีก่อนการระบาด เราไปจีน ไกด์จีนอ่านเรื่องนี้แล้วเล่าเกร็ดให้ฟังจากที่เขาอ่าน เช่น คำว่าตลาดของจีน เป็นคำสองคำว่า ตะวันตกตะวันออก หรือถนนมีความกว้างเท่าทหารอารักขาขี่ม้าเรียงกันสองฝากด้านละห้า ตรงกลางคือเจ้านาย เพื่อระยะธนูยิงไม่ถึง
ที่มาเรื่องท่าเตียน ยักษ์วัดโพธิ์ คือแก๊งในตู้กระจกนี้ ที่ตีกับทางวัดแจ้ง สหัสเดชะ(ตัวขาว อันนี้พลังในรามเกียรติ์นี่โอเวอร์มาก พังกำแพงเข้ากรุงลงกา แต่ก็แพ้ฝ่ายพระเอก เห้อ...สมัยเรียนชอบวรรณแค่ กาพย์เห่เรือ มัทนะพาธา และโองการแช่งน้ำ) กับ ทศกัณฐ์(ชื่อนี้จำได้แม่น เพราะบ้านเราละแวกนี้ ครูภาษามัธยมบอกว่ามาจากฐานเสียงที่คอ กัณฐะชะ ให้เขียนให้ถูก)
ในตู้วัดโพธิ์มีชื่อเขียน จำได้แต่ ไมยราพ กับ แสงอาทิตย์ มีอาร์ททอยเอามาทำสวยมาก ราคาแพงโดยคนไทย แบรนด์ kaiju smuggler
เราแอบชอบงานกระเบื้องเกร็ดหน้าบัน ที่ทำเป็นเรื่องราว หรือดอกไม้ อนาคตอาจทำอะไรบางอย่างกับสิ่งเหล่านี้ เขาตัดกระเบื้องเป็นชิ้นคล้ายโมเสคแบบตะวันตก แต่เป็นแบบไทยผสมจีน ยุครัชกาลที่สาม สำหรับเราเป็นหลุมมืดที่วงการวิชาการกับศิลปะมีคนเขียนน้อย ทั้งที่มีความเฉพาะ สามารถทำการปรับให้เข้ากับยุคสมัยนี้ได้
สำหรับเรา ไฮไลท์วัดนี้คือ มณฑป นอกจากคนทั่วไปจะชอบเจดีย์สี่สีสี่รัชกาล ดูเฟื่องอุบะห้อยตัดสีขาว
ความเละของขยะ หรือตลาดท่าเตียนที่มีการดูแลตามมีตามเกิด
เราข้ามฝากกับท่าเรือที่คุ้นเคยตั้งแต่สมัยเรียน ตุ๊กตาทหารฝรั่งมีที่นี่ นอกจากกินรีและครุฑประหลาดๆ
ตราเฉลิมฉลองการครองราชย์ของ ร.5 เป็นสองเท่าของร.2 เลยชื่อ ทวีธาภิเศก (เพราะสมัยก่อนคนอายุขัยไม่มาก การมีอายุยืนจึงน่ายินดี) อาคารไม้ แต่ก่อนมีแบบสวยงาม แต่โดนรื้อลงไป
ตึกแถวยุคเก่าน่าจะช่วง ร.6-7 เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีดาดฟ้า กันสาดหล่อ
(ช่วงนี้ร้านนายอินทร์ สาขาแรกแห่งนี้จะปิดกิจการจากท่าพระจันทร์)
มาถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร
รีบตามหาอาคารที่ตั้งใจมาดูจิตรกรรมฝาผนัง แต่มาถึงอาคารนี้ก่อน เลยเห็นบางงานน่าสนใจ
อยู่ในซอกหลืบที่มาการก่อสร้างซ่อมแซม
ชอบสเปซ และการจัดแสดง มีวีดิทัศน์ข้อมูลแบบระบบสัมผัสจอ เพื่อเล่าเรื่องแต่ละโซนของภาพ
ห้องสิน เป็นตำนานการ สถาปนาเทพ เทวสมภพของจีน ในท้องเรื่องอิงยุคประวัติศาสตร์ราชวงศ์ ตัวละครเด่นเช่น เจียงจื่อหยา นาจา หลี่จิ้งืกับแก๊งเทพสามตา นกสายฟ้า และเซียนหลายองค์ มีเซียนเท้าเปล่าด้วยนะ กระทืบดินเพื่อเรียกเทพ หรือการทำค่ายกลนตรา ก่อนยุคกวาดล้างวรรณกรรมของคอมมิวนิสต์จะแช่แข็ง แต่ทุกวันนี้ก็เป็นเนื้อหาให้สื่อบันเทิงหยิบมาสร้าง ทั้งตรงตามเนื้อหา ดัดแปลงเป็นนาจากไซเบอร์ หรือแนวเทพยุคใหม่ เซียนต่างไป หรือเทพมารชายชาย
ดูองค์ประกอบ ความพริัวของเส้น ที่ลงสีแบบบางๆ หรือใช้เส้นดำตัดขอบ เว้นพื้นที่ไม่ลงสีมีการคำนึงหลักการอาคารเหลี่ยมแต่ยังไม่เข้ากับกลัดทัศนียภาพจากตะวันตกมาก น่าจะยุคต้นไปของแนวสมัยใหม่ ขรัวอินโข่งท่านกรุยทางไปแล้ว
การคลุมและคุมโทนสีที่ใช้ในงาน กระจายไปตามส่วนต่างไป เป็นทั้งประดับและเล่าเรื่อง แน่นแต่มีช่องว่าง ไม่แน่ใจว่าความชื้นทำลายจนสีหายหรือเว้นจริง แต่คาดว่าเว้นจริงเพราะมีบางส่วนแค่ตัดเส้นร่สงในตัวงานที่ไม่ใช่ตัวสำคัญ
ความบางเบาและล่องลอยของเมฆ กองทัพเทพสวรรค์ ที่ตีความมาในยุคที่สื่ออาจไม่มีมาก แต่ชุด การแต่งหน้าแบบงิ้ว คงได้รับอิทธิพลมา
แก๊งปีกนก ไม่แน่ใจว่ารับมาจากศาสนาตะวันตกอีกด้วยไหม หรือมีก่อนหน้า
ชอบส่วนนี้เพราะสีน้อย ขาวดำ ส่วนที่หาย ส่วนที่แน่น มันนัวๆ เบาๆ ยุ่งเหยิงเหมือนควันและบางเบาแบบภาพกลืนหายไปกับผนัง ทั้งมีและไม่มีอยู่ในห้องนี้ ต่างจากภาพในศาลเจ้ายุคนี้ที่แข็งๆแบ่งเป็นช่องๆ อัดสีเข้าไปให้สดใส
ความพริ้วของเส้นที่ตวัด มวลอากาศ ความเคลื่อนไหว อิสระ เวลาจ่องมีไม่มากกับแสงน้อยแม้จะมีไฟฟ้า ถ้ายุคที่ใช้แสงจากแหล่งธรรมชาติหรือดวงไฟจุด คงวูบไหว แม้ไม่เปล่งเท่าทองคำตัดชาดสีแดง แต่คิดว่าคงได้บรรยากาศแปลก ทั้งน่ากลัวกับขลัง เคลื่อนไหวไปกับแสงและลมพัด
หน้าขาว เดาว่าตัวร้ายไว้ก่อน แถมเขียนแถบดำอีก
ส่วนนี้มีตัวใหญ่เน้นให้เด่น และสีแดงตัดกับขาวดำตัวอื่น เทคนิคองค์ประกอบจุดเด่นจุดรอง แบ่งน้ำหนักการจัดวางในภาพ
ชุดนี้เล่าตินนาจาแน่ๆ มีหลายตัวในกรอบเดียว กระจายสี ช่องไฟ ยากมากที่จะวางองค์ประกอบที่ยุ่งเหยิงให้ลงตัว ไม่น่าเบื่ออึดอัด ลองส่ายสายตาไปตามจุดต่างไป จะเห็นช่องให้พักตา สีที่มีกลุ่มก้อนกระจายเพื่อพักตา เน้นพื้นขาวที่มีอมเหลืองจากกาลเวลาและคราบ ต่างจากงานไทยที่ใช้สีพื้นกับสีฉาก ต้นไม้ก้อนหิน เว้นเป็นสีขาวไปเลย กำแพง เมฆ สายลม แล้วขับด้วยสีดำหลังตัวละคร
ค่ายกลต่างๆตามชื่อ แอบเดาตัวละคร
ชอบการเน้นด้วยเส้นและสีที่ทั้งปล่อยและจี้บางจุด มีความอึกทึกและให้พัก ไม่อย่างนั้นคงลายตามึนด้วยสี เส้น ความปั่นป่วนของพลัง นี่ชอบเทพที่ทรงนกหรือหงส์ภาพใกล้จั่ว อาจเป็นโพธิสัตว์บางองค์
ออกมาพบตู้นี้ คิดถึงยาย หม้ออวยเจียวน้ำมันหมูที่แกว่า สีเขียว ... เขียวตรงไหน เคยอ่านที่มาว่า แท้จริงสีเขียวสมัยก่อนไม่มี แถมบางเผ่าในบางที่ไม่มีคำว่า น้ำเงิน เป็นงานวิจัยจริงจัง เฉดเรียกจากคำมีจำกัด ลองหาดู ประวัติเรื่องสี น่าสนใจนะ
กระจกทะลุมิติ ที่ปีนัง บ้านเศรษฐีำว้ส่องคนลอบทำร้ายหรือวางยาพิษ
ทับหลังที่ได้ส่งคืนจาก อเมริกา
หุ่นหลวงวังหน้า สมัยเด็กที่นี่จะเป็นห้องที่มีตู้ไม้เก็บงานเหล่านี้ พอแสงส่องตัดความมืดทึมบางส่วน ให้ความน่ามอง ศิลปินบางท่านจับช่วงเวลานี้มาเขียนภาพสีน้ำมันสะท้อนอารมณ์แสงนั้นช่างงดงาม จำชื่อไม่ได้ แต่งานระดับสากล
เสียดายถ้าจัดแบบเพิ่มการเรียนรู้ อนาโตมี่ กายวิภาคหุ่น อาจทำเป็นของที่ระลึกหรือให้เรียนรู้จากงานพื้นฐานแบบของญี่ปุ่นที่มีหุ่นกายวิภาคให้สะสม
งานที่เราสนใจ มีพระที่แสดงเทคนิคการต่อชิ้นโลหะที่ตีเพื่อหุ้ม คล้ายการทำบาตร ตะเข็บหรือการสร้าง ถ้าแสดงขั้นตอนให้เราศึกษา จะได้เข้าใจที่มา เห็นคุณค่ามากกว่าจุดหมายความสำเร็จ เพราะระหว่างทางมีเรื่องราว
สำรวจของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา