27 มี.ค. 2022 เวลา 11:02
“เวสสันดรชาดก”
“การบริจาคนั้น เป็นกุศล เป็นคุณ เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ทั้งแก่ผู้รับและผู้ให้ ผู้รับก็จะพ้นจากความเดือดร้อน ผู้ให้ก็จะอิ่มเอิบสุขใจ ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นและยังทำให้พ้นจากความโลภในทรัพย์ของผู้อื่น พ้นจากความตระหนี่ถี่เหนียวในทรัพย์สมบัติของตนอีกด้วย”
2
พระเวสสันดรชาดก เป็นชาติที่ 10 ชาติสุดท้ายก่อนที่จะเกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เหตุที่เล่าชาดกเรื่องนี้มาจากว่า
ในครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จโปรดประยูรญาติในพรรษาที่ 2 หลังจากตรัสรู้ บรรดาศากยวงศ์ที่เย่อหยิ่งไม่แสดงอาการเคารพ เพราะไม่เชื่อว่าพระองค์เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จึงบันดาลให้ฝนสีแดงตกลงมา เรียกว่า “ฝนโบกขรพรรษ” ใครที่ไม่ต้องการให้เปียก ก็ไม่เปียก ใครที่คิดว่าเปียก ก็เปียกครับ
ชนทั้งหลายที่ได้เห็นฝนสีแดงนี้จึงสรรเสริญในความอัศจรรย์
กาลต่อมาพระภิกษุได้พูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อพระพุทธองค์มาได้ยินจึงถามว่าสนทนาเรื่องอะไรกัน เมื่อพระภิกษุเล่าถึงความอัศจรรย์ครั้งนั้น พระพุทธองค์ก็เล่าว่า ไม่ใช่แค่เพียงกาลนี้เท่านั้น ที่ตถาคตได้บันดาลฝนโบกขรพรรษ ในชาติก่อนก็เคยทำเช่นกัน จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่อง เวสสันดรชาดก ดังนี้
พระเจ้าสญชัย ทรงครองราชสมบัติเมืองสีพี มีพระมเหสีทรงพระนามว่า พระนางผุสดี ธิดาพระเจ้ากรุงมัททราช พระนางผุสดีนี้ในชาติก่อนๆ ได้เคยถวายแก่นจันทน์หอมเป็นพุทธบูชาและอธิษฐาน ขอให้ได้เป็นพุทธมารดาพระพุทธเจ้าในกาลอนาคต
ครั้นเมื่อนางสิ้นชีวิตก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เมื่อถึงวาระที่จะต้องจุติมาเกิดในโลกมนุษย์ พระอินทร์ได้ประทานพรสิบประการแก่นาง
ครั้นเมื่อพระนางผุสดีทรงครรภ์ใกล้กำหนดประสูติ พระนางปรารถนาไปเที่ยวชมตลาด ร้านค้า บังเอิญในขณะเสด็จประพาสนั้น พระนางทรงเจ็บครรภ์และประสูติพระโอรสในบริเวณย่านนั้น จึงทรงพระนามว่า เวสสันดร หมายถึง ผู้ที่เกิดในย่านของเวส หรือพีอค้า พร้อมกับที่พระโอรสประสูติ ช้างต้นของพระเจ้าสญชัยก็ตกลูกเป็นช้างเผือกเพศผู้ได้รับชื่อว่า ปัจจัยนาค เป็นช้างต้นคู่บุญพระเวสสันดร
1
เมื่อพระกุมารเวสสันดรทรงเจริญวัยขึ้น ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการบริจาคทาน มักขอพระราชทานทรัพย์จากพระบิดามารดาอยู่เป็นนิจ ด้วยทรงเห็นว่า การบริจาคนั้นเป็นกุศลเป็นคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ทั้งแก่ผู้รับและผู้ให้ ผู้รับก็จะพ้นความเดือดร้อน ผู้ให้ก็จะอิ่มเอิบเป็นสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น และยังทำให้พ้นจากความโลภความตระหนี่ถี่เหนียวในทรัพย์สมบัติของตนอีกด้วย
อยู่มาครั้งหนึ่งในเมืองกลิงคราษฏร์เกิดข้าวยากหมายแพงเพราะฝนแล้งทำให้เพาะปลูกไม่ได้ ประชาชนชาวกลิงคราษฏร์พากันไปเฝ้าพระราชา ทูลว่าในเมืองสีพีนั้นมีช้างเผือกคู่บุญพระเวสสันดรชื่อว่า ช้างปัจจัยนาค เป็นช้างมีอำนาจพิเศษ ถ้าอยู่เมืองใดจะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ขอให้พระเจ้ากลิงคราษฏร์ส่งทูตเพื่อไปทูลขอช้างจากพระเวสสันดร
พระเจ้ากลิงคราษฏร์จึงส่งพราหมณ์แปดคนไปเมืองสีพี ครั้นเมื่อพราหมณ์ได้พบพระเวสสันดรขณะเสด็จประพาสพระนคร ประทับบนหลังช้างปัจจัยนาค พราหมณ์จึงทูลขอช้างคู่บุญเพื่อดับทุกข์ชาวกลิงคราษฏร์ พระเวสสันดรก็โปรดประทานให้ตามที่ขอ
ชาวสีพีเห็นพระเวสสันดรบริจาคช้างปัจจัยนาคคู่บ้านคู่เมืองไป ก็ไม่พอใจพากันโกรธเคืองจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระเจ้าสญชัย ทูลกล่าวโทษพระเวสสันดรว่าบริจาคช้างคู่บ้านคู่เมืองแก่ชาวเมืองอื่นไป ขอให้ขับพระเวสสันดรไปเสียจากเมืองสีพี พระเจ้าสญชัยไม่อาจขัดราษฏรได้ จึงจำพระทัยมีพระราชโองการให้ขับพระเวสสันดรออกจากเมืองไป
แสตมป์วันวิสาขบูชา 2541 ชนิดราคา 4 บาท ภาพเวสสันดรชาดก (กัณฑ์ทานกันณฑ์) ตอนที่พระเวสสันดรทูลลาพระบิดา พระมารดา ก่อนออกเดินทางพระองค์ได้ขอบริจาคทานใหญ่ เรียกว่า สัตตสดกมหาทาน ประกอบด้วย ช้าง ม้า รถม้า นารี โคนม ทาส ทาสี อย่างละ 700 เพื่อให้กับคนทั่วไป และระหว่างการเดินด้วยราชรถทองนั้น ได้มีพราหมณ์ 4 คน มาทูลขอม้าและราชรถ พระองค์ได้พระราชทานให้จนหมดสิ้น
พระเวสสันดรไม่ทรงขัดข้อง แต่ทูลขอพระราชทานโอกาสบริจาคทานครั้งใหญ่ก่อนเสด็จออกจากพระนคร พระบิดาก็ทรงอนุญาตให้พระเวสสันดรทรงบริจาค สัตตสดกมหาทาน คือ บริจาคทานเจ็ดสิ่ง สิ่งละเจ็ดร้อยแก่ประชาชนชาวสีพี
เมื่อพระนางมัทรี พระมเหสีของพระเวสสันดรทราบว่าประชาชนขอให้ขับพระเวสสันดรออกจากเมือง ก็กราบทูลจะขอติดตามไปด้วย แต่พระเวสสันดรไม่ทรงประสงค์ให้พระนางมัทรีติดตามไป เพราะการเดินทางไปจากพระนครย่อมมีแต่ความยากลำบาก ทั้งพระองค์เองก็ทรงปรารถนาจะเสด็จไปประทับบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ในป่า แต่พระนางก็ทรงยืนกรานว่าจะติดตามพระราชสวามีไปด้วย
ไม่ว่าผู้ใดจะห้ามปรามอย่างไร พระนางมัทรีก็จะตามเสด็จพระเวสสันดรไปให้จงได้ พระเจ้าสญชัยและพระนางผุสดีจึงขอเอา พระชาลี พระกัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรไว้ แต่พระนางมัทรีก็ไม่ยินยอม
ในที่สุดพระเวสสันดร พร้อมด้วยพระมเหสีและโอรสธิดาก็ออกจากเมืองสีพีไป แม้ในขณะนั้นชาวเมืองยังตามมาทูลขอรถพระที่นั่ง ทั้งสี่พระองค์จึงต้องทรงดำเนินด้วยพระบาทออกจากเมืองสีพีมุ่งไปสู่ป่า เพื่อบำเพ็ญพรตภาวนา
ครั้นเสด็จมาถึงเมืองมาตุลนคร บรรดากษัตริย์เจตราชทรงทราบข่าวจึงพากันมาต้อนรับ พระเวสสันดรทรงถามถึงทางไปสู่เขาวงกต กษัตริย์เจตราชก็ทรงบอกทางให้และเล่าว่า เขาวงกตนั้นต้องเดินทางผ่านป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยอันตราย แต่เมื่อไปถึงสระโบกขรณีแล้วก็จะเป็นบริเวณร่มรื่นสะดวกสบายมีต้นไม้ผลที่จะใช้เป็นอาหารได้
นอกจากนี้กษัตริย์เจตราช ยังได้สั่งให้พรานป่าเจตบุตร ซึ่งเป็นผู้ชำนาญป่าแถบนั้นให้คอยเฝ้าระแวดระวังรักษาต้นทางที่จะไปสู่เขาวงกต เพื่อมิให้ผู้ใดไปรบกวนพระเวสสันตรในการบำเพ็ญพรต เว้นแต่ทูตจากเมืองสีพีที่จะมาทูลเชิญเสด็จกลับนครเท่านั้น ที่จะยอมให้ผ่านเข้าไปได้
เมื่อเสด็จไปถึงบริเวณสระโบกขรณีอันเป็นที่ร่มรื่นสบาย พระเวสสันดร พระนางมัทรี ตลอดจนพระโอรสธิดาก็ผนวชเป็นฤาษี บำเพ็ญพรตภาวนาอยู่ ณ ที่นั้น โดยมีพรานป่าเจตบุตรคอยรักษาต้นทาง
ณ ตำบลบ้านทุนนวิฐ เขตเมืองกลิงคราษฏร์ มีพราหมณ์เฒ่าชื่อ ชูชก หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน ชูชกขอทานจนได้เงินมามาก จะเก็บไว้เองก็กลัวสูญหาย จึงเอาไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้
อยู่มาวันหนึ่ง ชูชกไปหาพราหมณ์ที่ตนฝากเงินได้ จะขอเงินกลับไป ปรากฎว่าพราหมณ์นั้นนำเงินไปใช้หมดแล้ว จะหามาใช้ให้ชูชกก็หาไม่ทัน จึงเอาลูกสาวชื่อ อมิตตดา มายกให้แก่ชูชก พราหมณ์กล่าวแก่ชูชกว่า
"ท่านจงรับเอาอมิตตดาลูกสาวเราไปเถิด จะเอาไปเลี้ยงเป็นลูกหรือภรรยา หรือจะเอาไปเป็นทาสรับใช้ปรนนิบัติก็สุด แล้วแต่ท่านจะเมตตา"
ชูชกเห็นนางอมิตตดาหน้าตาสะสวย งดงามก็หลงรัก จึงพานางไปบ้าน เลี้ยงดูนางในฐานะภรรยา นางอมิตตดาอายุยังน้อย หน้าตางดงามและมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ นางจึงยอมเป็นภรรยาชูชกผู้แก่เฒ่า รูปร่างหน้าตาน่ารังเกียจ
อมิตตดา ปรนนิบัติชูชกอย่างภรรยาที่ดีจะพึงกระทำทุกประการ นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง ชูชกไม่เคยต้องบ่นว่าหรือตักเตือนสั่งสอนแต่ อย่างใดทั้งสิ้น
ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนาง อมิตตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดาพราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น เป็นเหตุให้บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตนที่มิได้ประพฤติตนเป็น แม่บ้านแม่เรือนอย่างอมิตตดา บางบ้านก็ถึงกับทุบตีภรรยาเพื่อให้รู้จักเอาอย่างนาง เหล่านางพราหมณีทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนก็พากันโกรธแค้นนางอมิตตดาว่าเป็นต้นเหตุ
วันหนึ่งขณะที่นางไปตักน้ำ บรรดานางพราหมณีก็รุมกันเย้ยหยันที่นางมีสามีแก่ หน้าตาน่าเกลียดอย่างชูชก นางพราหมณีพากันกล่าวว่า
"นางก็อายุน้อย หน้าตางดงาม ทำไมมายอมอยู่กับเฒ่าชรา น่ารังเกียจอย่างชูชก หรือว่ากลัวจะหาสามีไม่ได้ มิหนำซ้ำยังทำ ตนเป็นกาลกิณี พอเข้ามาในหมู่บ้านก็ทำให้ ชาวบ้านสิ้นความสงบสุข เขาเคยอยู่กันมาดีๆ พอนางเข้ามาก็เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า หาความสงบไม่ได้ นางอย่าอยู่ในหมู่บ้านนี้เลย จะไปไหนก็ไปเสียเถิด"
นางอมิตตดาร้องไห้หนักมาก แล้วกลับมาเล่าให้ชูชกฟัง แล้วบอกว่าให้หาทาสมาปรนนิบัติ ชูชกได้ฟังดังนั้นก็อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะไปหาข้าทาสหญิงชายมาจากไหน นางอมิตตดา จึงแนะว่า
"ขณะนี้ พระเวสสันดรเสด็จออกมาจากเมืองสีพี มาทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าเขาวงกต พระองค์เป็นผู้ใฝ่ในการบริจาคทาน ท่านจงเดินทางไปขอบริจาคพระชาลีกัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสของเราเถิด"
1
ชูชกไม่อยากเดินทางไปเลยเพราะกลัวอันตรายในป่า แต่ครั้นจะไม่ไปก็กลัวนางอมิตตดาจะทอดทิ้งไม่ยอมอยู่กับตน ในที่สุดชูชกจึงตัดสินใจเดินทางไปเขาวงกตเพื่อทูลขอพระชาลีกัณหา
เมื่อไปถึงบริเวณปากทางเข้าสู่เขาวงกต ชูชกก็ได้พบพรานเจตบุตรผู้รักษาปากทาง หมาไล่เนื้อที่พรานเลี้ยงไว้พากันรุมไล่ต้อนชูชกขึ้นไปจนมุมอยู่บนต้นไม้ เจตบุตรก็เข้าไปตะคอกขู่
ชูชกนั้นเป็นคนมีไหวพริบ สังเกตดูเจตบุตรก็รู้ว่าเป็นคนซื่อสัตย์ มีฝีมือเข้มแข็ง แต่ขาดไหวพริบ จึงคิดจะใช้วาจาลวงเจตบุตรให้หลงเชื่อ พาตนเข้าไปพบพระเวสสันดรให้ได้ ชูชกจึงกล่าวแก่เจตบุตรว่า
"นี่แนะ เจ้าพรานป่าหน้าโง่ เจ้าหารู้ไม่ว่าเราเป็นใคร ผู้อื่นเขาจะเดินทางมาให้ยากลำบากทำไมจนถึงนี่ เรามาในฐานะทูตของพระเจ้าสัญชัย เจ้าเมืองสีวีพ จะมาทูลพระเวสสันดรว่า บัดนี้ชาวเมืองสีพีได้คิดแล้วจะมาทูลเชิญเสด็จกลับพระนคร เราเป็นผู้มาทูลพระองค์ไว้ก่อน เจ้ามัวมาขัดขวางเราอยู่อย่างนี้ เมื่อไรพระเวสสันดรจะได้เสด็จคืนเมือง"
เจตบุตรได้ยินก็หลงเชื่อ🙄🙄 เพราะมีความจงรักภักดี🫡 อยากให้พระเวสสันดรเสด็จกลับเมืองอยู่แล้ว จึงขอโทษชูชก จัดการหาอาหารมาเลี้ยงดู แล้วชี้ทางให้เข้าไปสู่อาศรมที่พระเวสสันดรบำเพ็ญพรตภาวนาอยู่
เมื่อชูชกมาถึงอาศรมก็คิดได้ว่า หากเข้าไปทูลขอพระโอรสธิดาในขณะพระนางมัทรีอยู่ด้วย พระนางคงจะไม่ยินยอมยกให้เพราะความรักอาลัยพระโอรสธิดา จึงควรจะรอจนพระนางเสด็จไปหาผลไม้ในป่าเสียก่อน จึงค่อยเข้าไปทูลขอต่อพระเวสสันดรเพียงลำพัง
ในวันนั้น พระนางมัทรีทรงรู้สึกไม่สบายพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะในตอนกลางคืนพระนางทรงฝันร้าย พระนางจึงจูงโอรสธิดาไปทรงฝากฝังกับพระเวสสันดรขอให้ทรงดูแล ให้เล่นอยู่ใกล้ๆ บรรณศาลา พร้อมกับเล่าความฝันให้พระเวสสันดรทรงทราบ
พระเวสสันดรหยั่งรู้ว่าจะมีผู้มาทูลขอพระโอรสธิดา แต่ครั้นจะบอกความตามตรง พระนางมัทรีก็คงจะทนไม่ได้ พระองค์เองนั้นตั้งพระทัยมั่นว่าจะบริจาคทรัพย์สมบัติทุกสิ่งทุกประการในกายนอกกาย แม้แต่ชีวิตและ เลือดเนื้อของพระองค์ หากมีผู้มาทูลขอก็จะ ทรงบริจาคให้โดยมิได้ทรงเสียดายหรือหวาดหวั่น
พระเวสสันดรจึงตรัสกับพระนางมัทรีว่าจะดูแลพระโอรสธิดาให้ พระนางมัทรีจึงเสด็จไปหาผลไม้ในป่าแต่ลำพัง
ครั้นชูชกเห็นได้เวลาแล้ว จึงมุ่งมาที่อาศรม ได้พบพระชาลีพระกัณหาทรงเล่นอยู่หน้าอาศรมก็แกล้งขู่ ให้สองพระองค์ตกพระทัยเพื่อข่มขวัญไว้ก่อน แล้วชูชกพราหมณ์เฒ่าก็เข้าไปเฝ้า พระเวสสันดรกล่าววาจากราบทูลด้วยโวหาร อ้อมค้อมลดเลี้ยว ชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อทูลขอพระโอรสธิดาไปเป็นข้าใช้ของตน
พระเวสสันดรทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำบุตรทาน คือ การบริจาคบุตรเป็นทาน อันหมายถึงว่า พระองค์เป็นผู้สละกิเลสในทรัพย์สมบัติทั้งปวง แม้กระทั่งบุคคลอันเป็นที่รัก ก็สามารถสละเป็นทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้
แสตมป์วันวิสาขบูชา 2541 ชนิดราคา 6 บาท ภาพเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมาร) ตอนที่เฒ่าชูชกเดินทางไปถึงอาศรมของพระเวสสันดร เป็นช่วงที่พระนางมัทรีไปป่าหาผลไม้ จึงรีบเข้าไปขอพระชาลีและพระกัณหา ทั้ง 2 กุมารได้ยินแล้วพากันตกใจกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในสระบัวบังกายไว้ พระองค์ได้ขอร้องให้ทั้งสองออกมา แล้วเฒ่าชูชกก็นำทั้งสองพระองค์ไป
🫣🫣🫣
พระเวสสันดรเรียกหาพระโอรสธิดา แต่พระชาลีกัณหาซึ่งแอบฟังความอยู่ใกล้ๆ ได้ทราบว่า พระบิดาจะยกตน ให้แก่ชูชก ก็ทรงหวาดกลัวจึงพากันไปหลบซ่อน โดยเดินถอยหลังลงสู่สระบัว เอาใบบัวบังเศียรไว้ ชูชกเห็นสองกุมารหายไป จึงทูลประชดประชันพระเวสสันดรว่าไม่เต็มพระทัยบริจาคจริง ทรงให้สัญญาณสองกุมารหนีไปซ่อนตัวเสียที่อื่น พระเวสสันดรจึงทรงต้องออกมาตามหาพระชาลีกัณหา
ครั้นทอดพระเนตรเห็นรอยเท้าเดินขึ้นมาจากสระจึงตรัสเรียกพระโอรสธิดาว่า
"ชาลีกัณหา เจ้าจงขึ้นมาหาพ่อเถิด หากเจ้านิ่งเฉยอยู่ พราหมณ์เฒ่าก็จะเยาะเย้ยว่าพ่อนี้ไร้วาจาสัตย์ พ่อตั้งใจจะบำเพ็ญทานบารมีเพื่อสละละกิเลสให้บรรลุพระโพธิญาณ จะได้เป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลกทั้งหลายในภายภาคหน้าให้พ้นจากทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด เจ้าจงมาช่วยพ่อประกอบการบุญเพื่อบรรลุผล คือ พระโพธิญาณนั้นเถิด"
ทั้งสองกุมารทรงได้ยินพระบิดาตรัสเรียก ก็ทรงรำลึกได้ถึงหน้าที่ของบุตรที่ดีที่ต้องเชื่อฟังบิดามารดา รำลึกได้ถึงความพากเพียรของพระบิดาที่จะประกอบบารมีเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลส ทั้งยังรำลึกถึงขัตติยมานะว่าทรงเป็นโอรสธิดากษัตริย์ไม่สมควรจะหวาดกลัวต่อสิ่งใด จึงเสด็จขึ้นมาจากสระบัว พระบิดาก็จูงทั้งสองพระองค์มาทรงบริจาคเป็นทานแก่ชูชก
ชูชกครั้นได้ตัวพระชาลีกัณหาเป็นสิทธิขาดแล้ว ก็แสดงอำนาจฉุดลากเอาสองกุมารเข้าป่าไปเพื่อจะให้เกิดความยำเกรงตน พระเวสสันดรทรงสงสารพระโอรสธิดา แต่ก็ไม่อาจทำประการใดได้เพราะทรงถือว่าได้บริจาคเป็นสิทธิแก่ชูชกไปแล้ว
1
ครั้นพระนางมัทรีทรงกลับมาจากป่าในเวลาพลบค่ำ เที่ยวตามหาโอรสธิดาไม่พบ ก็มาเฝ้าทูลถามจากพระเวสสันดร พระเวสสันดรจะตอบความจริงก็เกรงว่า นางจะทนความเศร้าโศกมิได้ จึงทรงแกล้งตำหนิว่านางไปป่าหาผลไม้กลับมาจนเย็นค่ำ คงจะรื่นรมย์มากจนลืมนึกถึงโอรสธิดาและสวามีที่คอยอยู่
พระนางมัทรี ได้ทรงฟังก็เสียพระทัยทูลตอบว่า
"เมื่อหม่อมฉันจะกลับอาศรม มีสัตว์ร้ายวนเวียนดักทางอยู่ หม่อมฉันจะมาก็มามิได้จนเย็นค่ำ สัตว์ร้ายเหล่านั้นจึงจากไป หม่อมฉันมีแต่ความสัตย์ซื่อ มิได้เคยนึกถึงความสุขสบายส่วนตัวเลยแม้แต่น้อยนิด บัดนี้ลูกของหม่อมฉันหายไป จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็มิทราบ หม่อมฉันจะเที่ยวติดตามหาจนกว่าจะพบลูก"
พระนางมัทรีออกตามหาพระชาลีกัณหาตามรอบบริเวณศาลาเท่าไรก็ไม่พบ จนในที่สุดพระนางก็สิ้นแรงถึงกับสลบไป พระเวสสันดรทรงเวทนา จึงทรงนำน้ำเย็นมาประพรมจนนางฟื้นขึ้น ก็ตรัสเล่าว่าได้บริจาค โอรสธิดาแก่พราหมณ์เฒ่าไปแล้ว ขอให้พระนางอนุโมทนาในทานบารมีที่ทรงกระทำไปด้วย
แสตมป์วันวิสาขบูชา 2541 ภาพเวสสันดรชาดก (กัณฑ์สักกบรรพ) พระอินทร์เกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรีไปอีก จักไม่มีผู้ปรนนิบัติพระเวสสันดร พระโพธิญาณจักเป็นอันตราย จึงได้แปลงเป็นพราหมณ์ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่เอาไป กลับถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดยห้ามประทานนางแก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้แก่พระเวสสันดร แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตร่างเป็นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไปทันที
ฝ่ายท้าวสักกะเทวราชทรงเล็งเห็นว่า หากมีผู้มาทูลขอพระนางมัทรีไป พระเวสสันดรก็จะทรงลำบากไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้เต็มความปรารถนา เพราะต้องทรงแสวงหาอาหารประทังชีวิต ท้าวสักกะจึงแปลงองค์เป็นพราหมณ์ มาขอรับบริจาคพระนางมัทรี พระเวสสันดรก็ปิติยินดีที่จะได้ประกอบ “ทารทาน” คือ การบริจาคภรรยาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น พระนางมัทรีก็ทรงเต็มพระทัยที่จะได้ทรงมีส่วนในการบำเพ็ญทานบารมีตามที่พระเวสสันดรทรงตั้งพระทัยไว้ (ทารทาน🫣)
เมื่อได้รับบริจาคแล้ว ท้าวสักกะก็ทรงกลับคืนร่างดังเดิม และตรัสสรรเสริญอนุโมทนาในกุศลแห่งทานบารมีของพระเวสสันดร แล้วถวายพระนางมัทรีกลับคืนแด่พระเวสสันดร และได้บอกให้พระเวสสันดรขอพรได้ 8 ข้อ (มากกว่ายักษ์จินนี่ที่ได้แค่ 3 ข้อ)
พระเวสสันดรจึงขอพรดังนี้
1
  • 1.
    ขอให้บิดาพาตนกลับไปครองราชย์
  • 2.
    ขอให้ช่วยนักโทษรอดจากโทษประหารได้
  • 3.
    ขอให้คนแก่คนหนุ้มมาอาศัยพระองค์เลี้ยงชีพได้
  • 4.
    ขอให้ไม่ล่วงเกินภรรยาคนอื่น พอใจเมียตนเอง และไม่ตกอยู่ในอำนาจของอิสตรี
  • 5.
    ขอให้ลูกที่พลัดพรากไป มีอายุยืนจนได้ครองราชสมบัติ
  • 6.
    ขอให้หาอาหารได้โดยไม่ลำบากทุกวัน
  • 7.
    ขอให้บริจาคทานได้แบบอินฟินิตี้ อย่าได้เดือดร้อนภายหลัง
  • 8.
    เมื่อตายแล้วขอให้เกิดที่ดุสิต และเมื่อจุติมาเป็นมนุษย์แล้ว ขออย่าได้มาเกิดอีก
เมื่อพระอินทร์ได้ฟังพรทั้ง 8 ก็บอกว่าให้เป็นไปตามนั้น จากนั้นก็วาร์ปกชับสวรรค์
1
ฝ่ายชูชกพาสองกุมารเดินทางมาในป่า ระหกระเหินได้รับความลำบากเป็นอันมาก และหลงทางไปจนถึงเมืองสีพี บังเอิญผ่านไปหน้าที่ประทับพระเจ้าสญชัยทรงทอดพระเนตรเห็นพระนัดดาทั้งสองก็ทรงจำได้จึงให้เสนาไปพาเข้ามาเฝ้า ชูชกทูลว่าพระเวสสันดรทรงบริจาคพระชาลีกัณหาให้เป็นข้าทาสของตนแล้ว บรรดาเสนาอำมาตย์และประชาชนทั้งหลาย ต่างก็พากันสงสารพระกุมารทั้งสอง และตำหนิพระเวสสันดรที่มิได้ทรงห่วงใยพระโอรสธิดา
พระชาลีเห็นผู้อื่นพากันตำหนิติเตียนพระบิดาจึงทรงกล่าวว่า
"เมื่อพระบิดาเสด็จไปผนวชอยู่ในป่า มิได้ทรงมีสมบัติใดติดพระองค์ไป แต่ทรงมีพระทัยแน่วแน่ที่จะสละกิเลส ไม่หลงใหลหวงแหนในสมบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใด แม้บุคคลอันเป็นที่รักก็ย่อมสละได้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เพราะทรงมีพระทัยมั่นในพระโพธิญาณในภายหน้า ความรัก ความหลง ความโลภ ความโกรธ เป็นกิเลสที่ขวางกั้นหนทางไปสู่พระโพธิญาณ พระบิดาของหม่อมฉันสละกิเลสได้ดังนี้ จะมาตำหนิติเตียนพระองค์หาควรไม่"
พระเจ้าสญชัยได้ทรงฟังดังนั้นก็ยินดี จึงตรัสเรียกพระชาลีให้เข้าไปหา แต่พระชาลียังคงประทับอยู่กับชูชก และทูลว่า พระองค์ยังเป็นทาสของชูชกอยู่ พระเจ้าสญชัยจึงขอไถ่สองกุมารจากชูชก
พระชาลีตรัสว่าพระบิดาตีค่าพระองค์ไว้พันตำลึงทอง แต่พระกัณหานั้นเป็นหญิง พระบิดาจึงตีค่าตัวไว้สูง เพื่อมิให้ผู้ใดมาไถ่ตัวหรือซื้อขายไปได้ง่ายๆ พระกัณหา นั้นมีค่าตัวเท่ากับทรัพย์เจ็ดชีวิต เจ็ดสิ่ง เช่น ข้าทาส หญิงชาย เป็นต้น สิ่งละเจ็ดร้อย กับทองคำอีกร้อยตำลึง
พระเจ้าสญชัยก็โปรดให้เบิกสมบัติท้องพระคลังมาไถ่ตัวพระนัดดาจากชูชกและโปรดให้จัดข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูชูชกเพื่อตอบแทนที่พาพระนัดดากลับมาถึงเมือง
ชูชกพราหมณ์เฒ่าขอทานไม่เคยได้บริโภคอาหารดีๆ ก็ไม่รู้จักยับยั้ง บริโภคมาจนทนไม่ไหวถึงแก่ความตายในที่สุด
พระเจ้าสญชัยโปรดให้จัดการศพแล้วประกาศหาผู้รับมรดกก็หามีผู้ใดมาขอรับไม่ หลังจากนั้นพระเจ้าสญชัย จึงตรัสสั่งให้จัดกระบวนเสด็จเพื่อไปรับพระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับคืนสู่เมืองสีพี เพราะบรรดาประชาชนก็พากันได้คิดว่า พระเวสสันดรได้ทรงประกอบทานบารมีอันยิ่งใหญ่กว่าทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อประโยชน์แห่งผู้คนทั้งหลายหาใช่เพื่อพระองค์เองไม่
เมื่อกระบวนไปถึงอาศรมริมสระโบกขรณี กษัตริย์ทั้งหกได้พบกันด้วยความโสมนัส ต่างร้องไห้ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งจนทั้งหมดได้สลบไป
ท้าวสักกะเห็นทั้งหกสลบไป จึงบันดาลฝนโบกขรพรรษ🌧🌧 ลงมาใส่ทั้งหกพระองค์และฝูงชนที่อยู่บริเวณนั้น มหาชนต่างตกตะลึกในความมัศจรรย์ของฝนแดงนี้ จากนั้นทั้งหมดได้เสด็จกลับเมือง พระเจ้าสญชัยทรงอภิเษกพระเวสสันดรขึ้นครองเมืองสืบต่อไป
ครั้นได้เป็นพระราชาแห่งสีพี พระเวสสันดรก็ทรงยึดมั่นในการประกอบทานบารมี ทรงตั้งโรงทานบริจาคเป็นประจำทุกวัน หลังจากสวรรคตแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นสันดุสิตเทพบุตรก่อนที่จะเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย
เมื่อเล่าจบ พระพุทธเจ้าได้ปิดท้ายว่า
ชูกชกในชาตินั้น คือ เทวทัต
นางอมิตตดา คือ นางจินจมาวิกา ผู้ถูกธรณีสูบ
พรานเจตบุตร คือ นายฉันนะ
อัจจุตดาบส คือ พระสารีบุตร
ท้าวสักกะ คือ พระอนุรุทธะ
พระเจ้าสญชัย คือ พระเจ้าสุทโธทนะ
พระนางผุสดี คือ พระนางสิริมหามายา
พระนางมัทรี คือ พระนางยโสธรา
ชาลี คือ พระราหุล
กัณหา คือ พระนางอุบลวรรณาเถรี
และพระเวสสันดร คือ พระสัมมาสัมพุทธ ด้วยประการฉะนี้
แสตมป์วันวิสาขบูชา 2541 นี้ เป็น 2 ชาติสุดท้าย คือ วิธุรชาดก (ชนิดราคา 3 บาท) และเวสสันดรชาดก แต่เนื่องจากแสตมป์ครบชุดมี 4 ดวง จึงนำเรื่องเวสสันดรชาดกมาพิมพ์แยกเป็น 3 ดวง คือ ชนิดราคา 4, 6, 7 บาท ตามลำดับ
วิธุรชาดก เวสสันดรชาดก (กัณฑ์ทานกันณฑ์) เวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมาร) เวสสันดรชาดก (กัณฑ์สักกบรรพ)
เตมีย์ชาดก ชนกชาดก สุวรรณสามชาดก เนมิราชชาดก
มโหสถชาดก ภูริทัตชาดก จันทชาดก นารทชาดก
ขอจบเรื่องของทศชาติชาดก ไว้เพียงเท่านี้ครับ 🙏🙏🙏
เนื้อเรื่อง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา