16 เม.ย. 2022 เวลา 12:25 • ท่องเที่ยว
ยอร์ก วันที่ 1 (ตอนที่ 2) เตร็ดเตร่ชมเมืองยอร์ก ไปสุดทางที่โรงแรมหน้ากากขาว กายฟอกส์
1
เช้านี่มาเดินเล่นกันดีกว่า วันนี้ขอมองดูยอร์คจากการเดินเลาะกำแพงก่อน แนวกำแพงที่นี่มีมาตั้งแต่สมัยโรมันและต่อเติมเพิ่มไปในช่วงยุคกลางโอบล้อมเมืองเก่าเล็กๆนี้เอาไว้ ใช้เวลาไม่นานก็จะเดินได้รอบ
สำหรับคนที่เพิ่งมาเมืองยอร์คใหม่ๆอาจจะสับสนเมื่อเดินไปตามแผนที่จะไม่เจอสิ่งที่บอกไว้ อย่างเช่นมองหาประตูเมืองที่ชื่อว่า Perter Gate ก็ไม่พบสักที มองหาบาร์เหล้าที่ชื่อว่าบาร์พระ (Monk Bar) ก็ไม่เห็นเจอ นี่เป็นปัญหาจากเกิดจากความไม่รู้ในศัพท์แสงของที่นี่ เพราะคนอังกฤษทางเหนือแต่ก่อนนี้เวลาพูดคำว่า gate จะหมายถึงถนน ส่วนคำว่า bar หมายถึงประตูเมือง จนมีคนแนะนำให้ท่องจำไว้ว่า “เมืองยอร์คเป็นเมืองที่ถนนเรียกว่าเกท ประตูถูกเรียกว่าบาร์ และบาร์ถูกเรียกว่าผับ” แล้วจะได้ไม่หลงทางอีก
ถนน ประตู ป้อมปราการที่นี่มีอายุเก่าแก่ แต่ละประตูมีชื่อและลักษณะเฉพาะ แต่ละป้อมจะบอกเล่าประวัติศาสตร์ว่าเริ่มสร้างปีไหน ใช้ทำอะไร มีความโดดเด่นใดบ้าง ตัวอย่างเช่นป้อม Lendal สร้างมาตั้งแต่ปี 1315 ใช้ป้องกันเมืองและควบคุมการเดินเรือ ป้อม Robinhood มีสร้างใหม่ในปี 1888 เพื่อจำลองป้อมยุคกลางไว้ ป้อม Tofte ถูกบูรณใหม่หลังถูกทำลายในปี 1644 แต่ละป้อมมีการออกแบบสวยงาม รูปทรงหน้าต่างประตูไม่ซ้ำแบบ
ประโยชน์อีกอย่างของประตูเมืองและป้อมต่างๆคือเป็นแหล่งที่บอกพิกัดทิศทางได้อย่างดี (แต่นั่นหมายความว่าคุณท่องจำคำศัพท์ที่บอกไว้ได้แล้วนะ) หากเราอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหนหรือจะเดินไปทางไหนดี สามารถใช้ประตูเมืองเป็นตัวบ่งชี้ได้ แต่ละ Gate ก็มีจุดสนใจต่างกัน อย่างเช่นถนน Peter Gate มีประตูใหญ่ซึ่งมีป้อม Bootham bar ด้านบน มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เป็นทางเดินผ่านของทหารโรมันที่จะขึ้นไปสก๊อตแลนด์เดินทัพไป ส่วนป้อม Monk Bar ที่อยู่บนถนน Monk Gate ภายในมีถึง 9 ชั้น ส่วนป้อม Micklegate Bar เป็นป้อมที่สำคัญสุดเพราะดูหรูหราสุด จึงถูกใช้ในงานสำคัญของเมือง และที่สำคัญคือเคยใช้เป็นที่เสียบศีรษะของศัตรูที่ถูกฆ่าอีกด้วย
กิจกรรมเดินชมกำแพงเมืองยามเช้าช่วยให้สบายใจได้ดี และที่สำคัญคือใครอยากจะรู้เรื่องเมืองยอร์ค อย่างเจาะลึกก็มีทัวร์นำชมเมืองซึ่งจะผ่านกำแพง ป้อม ถนน ซอกซอย สารพันที่มีเรื่องราวเบื้องหลังอยู่เยอะและไกด์ก็จะเล่าเรื่องต่างๆสนุกๆให้ฟังกัน
ที่เมืองนี้มีคนดังมาเกิด เจ็บ ตาย รุ่งโรจน์ หรือตกอับอยู่หลายคน บางกรณีอาจรู้ได้จากป้ายที่แปะบอกไว้บนตึกและตรอกต่างๆว่าตรงนี้เคยเกิดอะไรขึ้น ใครคนไหนเคยมาทำอะไร ตรงนี้เคยเป็นที่แขวนคอใคร โรงแรมนี้มีใครเคยมานอน ฯลฯ แม้ว่าจะผ่านมานานแต่ยอร์คยังคงเก็บความทรงจำเอาไว้ และจารึกลงไปโดยไม่ต้องเสียเงินทำอนุสาวรีย์ ตรงที่เลื่องลือมากคือตรอก Mad Alice Lane ตั้งตามชื่อนางอลิส หญิงโชคร้ายที่ถูกสามีข่มเหงทุบตีเป็นประจำจนเธอสติวิปลาศและฆ่าสามีทิ้ง ในที่สุดก็ลงโทษโดยการประหารและได้มาหลอกหลอนผู้คนเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม ยังมีถนนสายหนึ่งในยอร์กที่โด่งดังโดยไม่มีประวัติอะไรที่ชัดเจนเป็นเรื่องราวสักเท่าไร แต่ที่ดังได้ก็เพราะชื่อของมัน ถนนนี้มีชื่อว่า WHIP-MA-WHOP-MA-GATE (ลองอ่านออกเสียงดูนะ จะพบว่ามันฟังดูตลกดี) แค่ชื่อก็ชวนสงสัยแล้วว่ามันคืออะไร
ป้ายชื่อถนน พร้อมคำบรรยายที่มาที่ไปของชื่อ
ซึ่งคนยอร์คเองก็งงเหมือนกันเพราะเรียกกันมานานปีดีดักจนจำไม่ได้ว่าทำไมถึงเรียกอย่างนั้น ได้แต่สันนิษฐานกันไปต่างๆนานา มีให้ความเห็นว่าแต่เดิมคงจะชื่อว่า Whitnourwhatnourgate แปลว่า "what a street!" ซึ่งไม่อยากจะแปลเลย แต่ถ้าจะให้แปลอาจได้ชื่อว่า “นี่มันถนนอะไรกันเนี่ย?” อย่างไรก็ตาม มีคนที่ศึกษาแล้วพบว่ามันแปลได้อีกอย่างหนึ่งคือ "nothing at all" (ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น) หรืออาจแปลได้อีกอย่างว่า "neither one thing nor the other" (ไม่ใช่สิ่งนี้หรือสิ่งอื่นใด) ซึ่งข้อค้นพบพวกนี้ก็จะไม่ช่วยให้เรารู้อะไรมากขึ้นเลย แต่กลับทำให้งงมากขึ้นอีก
งงก็ดีแล้ว ยิ่งงงยิ่งดัง ในที่สุดตรงนี้ก็ได้กลายมาเป็นถนนที่นักท่องเที่ยวชอบมาชมที่สุด ทั้งที่ไม่มีอะไรให้ชมมากไปกว่าป้ายชื่อถนน แถมยังมีเรื่องราวที่ไม่เป็นเรื่องมาช่วยสร้างมูลค่าอีก อยากแนะนำให้ ททท. มาช่วยเอาไอเดียไปใช้ตั้งชื่อถนนในไทยจังเลย แต่จะใช้ชื่ออะไรดีหนอ
อีกป้ายที่แปะอยู่แถวนั้น
นอกจากถนนชื่อแปลกๆนี้แล้ว ยังมีชื่อของบุคคลหนึ่งซึ่งปรากฏอยู่ตามป้ายที่แปะไว้ในสถานที่บางแห่งของเมือง ถูกใช้เป็นชื่อโรงแรม และมีคนนำสัญลักษณ์ของเขามาทำของที่ระลึกต่างๆ คนนั้นมีชื่อว่ากายฟอร์ก (Guy Fox) (คุ้นๆไหม) ชื่อนี้เป็นที่รู้จักในไทยจากหน้ากากขาวที่มีหนวดโค้งยาวงามซึ่งหลายคนก็เรียกมันว่าหน้ากากกายฟอร์กซึ่งแท้จริงแล้วคือบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ยอร์ค
ภาพวาด กาย ฟอกส์ (จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Guy_Fawkes)
ภาพกลุ่มของกาย ฟอกส์ ที่สมคบคิดวางแผนกัน (ฟอกส์อยู่คนที่สาม จากขวา)     ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Guy_Fawkes
กาย ฟอกส์เป็นชาวยอร์คที่ต่อต้านพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ซึ่งไม่ให้อิสระในการนับถือศาสนาและทำการปราบปรามคาธอลิคอย่างโหดเหี้ยม จึงมีกลุ่มคนที่ทำการวางแผนสังหารซึ่งเรียกกันว่าแผน Gunpowder Plot เป็นการวางระเบิดใต้สภาขุนนางในพระราชวังเวสต์มินส์เตอร์ซึ่งพระเจ้าเจมส์และคณะรัฐมนตรีจะมาเข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากกาย ฟอกส์มีความชำนาญด้านวัตถุระเบิดจึงได้รับหน้าที่สำคัญนี้ แต่โชคร้ายที่ข่าวรั่วและมีคนล่วงรู้แผนการณ์ทำให้เขาถูกจับกุมพร้อมหลักฐานและถูกทรมานเพื่อให้สารภาพ
ฟอกส์ ถูกจับได้ ว่าวางแผนจุดระเบิด (ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Guy_Fawkes)
หลังจากนั้นฟอกส์ก็ได้รับโทษประหาร ซึ่งตามธรรมเนียมนั้นผู้ที่เป็นกบฏจะต้องถูกแขวนคอ ลากประจาน ถูกตัดอวัยวะเพศ ผ่าท้องและตัดร่างกายเป็นสี่ส่วน แต่ฟอกส์เลือกที่จะกระโดดจากแท่นประหารจนคอหักตายไปเสียก่อนเพื่อเลี่ยงความทรมานนั้นไป
ภาพวาดการประหาร ฟอกซ์ และพรรคพวก (https://en.wikipedia.org/wiki/Guy_Fawkes)
นับแต่นั้นมา กาย ฟอกส์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและภาพตัวแทนของชาวคาทอลิกหัวรุนแรง โดยในวันที่ 5 พฤศจิกายนของทุกปี (วันที่ฟอกส์จะทำการสังหารพระเจ้าเจมส์ในปี1605) อังกฤษจะฉลองความล้มเหลวของฟอกส์ด้วยการเอาตุ๊กตาฟางที่เป็นตัวแทนของเขามาเผาบนกองไฟ ในงานที่เรียกว่า Guy Fawkes Day, Guy Fawkes Night และ Bonfire Night
(ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Guy_Fawkes)
ฟังดูเหมือนฟอกส์จะเป็นตัวร้ายที่คนอังกฤษเกลียดใช่ไหมครับ แม้ว่าคนจำนวนหนึ่งมองภาพร้ายของเขาแต่ก็อีกฝ่ายที่มองว่าเขาพยายามต่อสู้กับความอยุติธรรมและการกดขี่ในการนับถือศาสนา ก็เลยทำให้เขาเป็นตำนานและเป็นฮีโร่ในอีกแบบหนึ่งไป
ด้วยเหตุที่ฟอกส์ มักสวมหน้ากากเพื่ออำพรางตนเองในการปฏิบัติการ การเผาหุ่นจึงมีการนำหน้ากากขาวมาไว้ใส่บนหุ่นจำลอง ซึ่งต่อมาก็เลยรู้จักกันว่าหน้ากากขาวของ กาย ฟอกส์ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านผู้มีอำนาจของรัฐ และเมื่อภาพยนตร์เรื่อง V for Vendetta ตัวละครเอกใช้หน้ากากขาวหรือหน้ากาก กาย ฟอกส์ ในการชุมนุมหลายครั้ง ทำให้หน้ากากขาวเป็นสัญลักษณ์ของการชุมนุมประท้วงรัฐบาลไป อย่างที่เมืองไทยเราก็เคยมีคนนำมาใช้อยู่ช่วงหนึ่ง
(ขวา) โรงแรมแห่งหนึ่งอยู่ใกล้กับโบสถ์ที่ กาย ฟอกส์ เคยมาทำพิธีแบบติส (ซ้าย) ก็เลยตั้งชื่อ ว่าโรงแรม กาย ฟอกส์ ซะเลย
โบสถ์ที่ กาย ฟอกส์ ได้มาทำพิธีแบบติส
ที่สำคัญก็คือ กาย ฟอกส์ ได้เป็นจุดขายของเมืองที่ขายได้ตลอดกาล หากเรามาเดินถนนก็จะเจอโรงแรมชื่อ กาย ฟอกส์ มีโลโก้หน้ากากขาวอยู่ เป็นการขายหน้า (กาก) จากทุนทางประวัติศาสตร์ที่น่าชื่นชม นอกจากนั้นเรายังคงได้เห็นโบสก์ St Michael le Belfrey ซึ่งเขามาทำพิธีแบ๊ปติสและยังคงจารึกชื่อเขาอยู่ รวมถึงกาย ฟอกส์ในของที่ระลึกต่างๆ นอกจากนั้นก็มีคนเอาประวัติไปเขียนเป็นนิยายรวมถึงนำมาเล่าในหนังสือเด็ก นี่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าบุคคลหนึ่งอาจถูกสถาปนาให้เป็นตัวร้าย ตัวดี เป็นสัญลักษณ์ของอะไรก็แล้วแต่ ตามแต่เรื่องเล่าและมุมมองที่คนรุ่นต่างๆสวมใส่มันเข้าไป
Logo ของโรงแรม กาย ฟอกส์
สำหรับผม มุมมองต่อกาย ฟอกส์ ก็คือ เขาเป็นฮีโร่ในการโปรโมตเมืองยอร์คให้มีความหมายน่าสนุกและมีสีสันยิ่งขึ้น หลายคนคงคิดเช่นนั้นเหมือนกันนะครับ
โฆษณา