16 เม.ย. 2022 เวลา 15:59 • ท่องเที่ยว
ยอร์ก วันที่ 2 (ตอนที่ 1) หอคอยน้อยน่ารัก (แต่แอบโหด)
ถ้าคุณได้พบคนที่เคยไปเที่ยวยอร์คมาแล้วและถามว่าเวลาคิดถึงยอร์คจะนึกถึงอะไร หลายคนอาจตอบว่า ก็ York Abbey นะสิ ซึ่งก็ไม่แปลกที่มหาวิหารยุคกลางขนาดใหญ่หน้าต่างสวยแสนโรแมนติคจะเป็นที่จดจำ ทว่าสิ่งไหนอื่นใดในยอร์คไม่มีอะไรที่เหมาะสมจะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเทียบเท่ากับ หอคอยคลิฟฟอร์ด (Clifford s Tower) ซึ่งเป็นหอคอยเตี้ยๆและร้างหักพัง ดูเรียบง่ายแต่มีลักษณะซึ่งไม่มีใครเหมือน มันจึงถูกจดจำและเป็นสัญลักษณ์ที่เราได้เห็นอยู่หลายที่ ทั้งในรูปวาด รูปถ่าย ของที่ระลึกต่างๆ
หอคอยคลิฟฟอร์ด เป็นเพียงซากหอคอยร้างที่เคยเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปราสาทแห่งยอร์ค (York Castle) ที่พังสลายไปแล้ว เหลือแต่ผนังโค้งๆที่ดูคล้ายทรงกระบอกเตี้ยๆไร้หลังคาตั้งอยู่บนเนินหญ้าสูง ไม่มีลวดลายตกแต่งมากมายให้ดู ผู้ใดที่เข้าไปในข้างในนั้นก็จะพบเจอกับพี้นที่ว่างเปล่ากลวง ดูเผินๆไกลๆอาจเห็นหอคอยนี้เป็นทรงกระบอก แต่อันที่จริงนั้นหากสังเกตจะพบว่าส่วนผนังมีวงโค้งประกอบกัน 4 รูปทรงเตี้ยแทนที่จะเป็นหอคอยสูงกำแพงหนาหนักอย่างที่เราค้นเคย จึงเป็นเอกลักษณ์ที่หายาก ทำให้หอคอยคลิฟฟอร์ดมีความแตกต่าง เป็นสไตล์ของหอคอยในยุคพระเจ้า Henry 3 และ Edward 1 ซึ่งมีอยู่ไม่กี่แห่งแล้ว
โมเดลจำลองหอคอย ดูเล็กๆน่ารัก
แม้ว่าหอคอยคลิฟฟอร์ดจะหลงเหลืออยู่เพียงเท่านี้ แต่ก็เป็นความเรียบง่ายที่จดจำเตะตา และเมื่ออยู่บนเนินหญ้าเขียวโดดเดี่ยวอยู่บนลานกว้าง ทำให้มันกลายเป็นอนุสาวรีย์ที่มีมนต์ขลัง แลดูสงบเงียบเชียบ ชวนให้นึกถึงบรรพบุรุษที่ตั้งมั่นยืนหยัดต่อการดำรงอยู่ของที่แห่งนี้ แต่ในอีกทางหนึ่ง หอคอยนี้ก็มีอดีตสีดำ เป็นที่ซึ่งผู้คนนับร้อยมาตายอยู่อย่างสยดสยองและโหดเหี้ยมอยู่ด้วย
หอคอยคลิฟฟอร์ดเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของปราสาทราชวังที่ตั้งอยู่เคียงข้าง ทว่าได้หายไปเตียนโล่งหมดแล้ว และไม่ได้ร้างลาไปเพราะสงครามแต่เกิดจากการถูกละทิ้ง ไม่ได้ถูกใช้เป็นที่พำนักของราชสำนักทางกษัตริย์อังกฤษเท่าใดนัก ทำให้ไม่ค่อยได้รับการดูแลและเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ อีกทั้งอัคคีภัยครั้งสำคัญได้เผาผลาญลงไปจนเหลือแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งก็นับว่าดีทีเดียว ทำให้เราได้ประติมากรรมขนาดใหญ่เป็น Land Mark ของเมืองไป
ผู้สร้างปราสาทขึ้นที่นี่คือพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต ในปี 1068 เพื่อใช้ปราบปรามการก่อจลาจลต่อต้านการปกครองและการโจมตีโดยผู้บุกรุกชาวเดนมาร์ก โดยตอนแรกได้สร้างเนินที่ตรงหอคอยตั้งอยู่ ต่อมาก็มีการสร้างปราสาทจากไม้ และหลังจากโดนไฟเผาจึงให้สร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ผังบรรยายส่วนต่างๆบริเวณหอคอยในยุคกลาง
ภาพวาดหอคอยในยุครุ่งเรื่อง
เหตุการณ์เศร้าที่เกิดขึ้นที่นี่คือการฆ่าตัวตายและการสังหารหมู่ในปี 1190 เนื่องจากเกิดความขัดแย้งระหว่างชาวยิวกับชาวเมือง เมื่อชาวเมืองหลายคนมีความรู้สึกว่าโดนขูดรีดจากการกู้เงิน ทำให้เกลียดชังพวกยิวมากจนกลายเป็นการจลาจลไป ชาวยิวนับร้อยได้ใช้หอคอยเป็นที่ป้องกันตัวตั้งแต่ก็โดนโจมตีโดยชาวเมืองและอัศวิน เมื่อตระหนักว่าไม่มีทางรอดพ้นไปได้ก็ได้ตัดสินใจกระทำการที่ไม่ให้ตนต้องถูกจับเป็นเชลย พวกเข้าได้จุดไฟเผาหอคอยจนตัวตาย ส่วนที่ยังคงรอดชีวิตอยู่ก็โดนฆ่าตายภายหลัง
หอคอยที่ถูกไฟไหม้ในเหตุการณ์ครั้งนั้นถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 3 โดยนำ Henry of Reyns (สถาปนิกคนเดียวกับที่สร้าง Westminster Abbey นั่นแหล่ะ) มาสร้างปราสาทและหอคอยสไตล์ฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นมันก็ไม่เคยถูกโจมตีเลย ความตกต่ำของปราสาทแห่งยอร์กจึงเกิดขึ้นอย่างไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะมันไม่ได้ถูกใช้งานจริงจังตามที่คาดไว้ก็เลยผุพังไปตามเวลา มีการใช้งานบ้างเล็กน้อยในช่วงสงครามการเมือง โดยเป็นที่ตั้งปืนใหญ่บนหลังคา แล้วใช้ในการป้องกันเมือง
ข้างในหอคอยจะกลวงโบ๋อย่างนี้แหละ
หลังจากนั้นหอคอยยังคงถูกครอบครองโดยทหารรักษาการณ์ระหว่าง 40 ถึง 80 คน และอาจใช้เป็นคุกเป็นครั้งคราว จนกระทั่งเกิดไฟไหม้ขึ้นในช่วงการยิงสลุต เพดานไม้และกำแพงไม้ข้างในก็ล้มพังลงมา เหลือแต่เป็นโครงหอคอยดังที่เห็น
ในช่วงนี้หอคอยถูกทิ้งร้างปกคลุมโดยสุมพุมทุ่มไม้ หลายคนจึงมองว่าเป็นสถานที่โรแมนติคเหมาะกับการปิกนิก ซึ่งก็เป็นที่นิยมพอสมควร
ยุคสมัยที่หอคอยร้าง กลายเป็นสถานที่โรแมนติค
จนถึงศตวรรษที่ 18 หอคอยคลิฟฟอร์ดาจถูกดัดแปลงไปเป็นป็นคอกม้าหรือโรงเลี้ยงปศุสัตว์ คฤหาสน์หลังเก่าของปราสาทถูกใช้เป็นที่คุมขัง มีศาลและอาคารเรือนจำสร้างขึ้นในบริเวณนี้ นี่ทำให้ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์คุกอยู่ด้วย และเราจะได้ไปเยือนต่อไป แต่ในปี พศ. 2458 มีการบูรณะใหม่ รื้อถอนของอาคารบางส่วนออกไปและพยายามทำให้หอคอยกลับคืนสู่สภาพเดิมในยุคกลาง
ส่วนหอคอยคลิฟฟอร์ดที่เห็นอยู่นี้ เป็นหอคอย 2 ชั้น มีบันไดเกลียวที่ไต่ขึ้นไปตามผนังปราสาท และเนื่องจากเคยมีการนำหอคอยมาใช้เป็นโบสถ์ด้วย เราจะเห็นได้จากร่องรอยประดับบนผนังเป็นโค้งแหลมแบบโกธิค โดยส่วนประกอบที่ใช้งานอื่นๆก็ยังคงเห็นได้อยู่ เช่น เตาผิง ช่องยิงธนู ห้องส้วม โดยพระราชากับราชินีจะอยู่ที่ชั้นบน (แต่เอาเข้าจริงเนื่องจากเจ้าของปราสาทมักจะไม่ได้มาประทับ ก็เลยกลายเป็นห้องเก็บของไป) บนชั้นสองของหอคอยมักนักท่องเที่ยวอาจเดินไต่ไปบนบันไดขึ้นไปบนยอด แล้วดูเมืองที่นี่จากมุมสูงซึ่งเป็นวิวที่สวยมากๆ นอกจากนั้นหากคุณมาชมหอคอยหรือได้เดินผ่านในช่วงกลางคืน จะได้พบกับภาพงามจับใจซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งหลายไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ร่องรอยของโบสถ์ยุคโกธิคยังคงเหลืออยู่
วิวเมืองยอร์ก มองจากหอคอย
ยอร์กนี่น่ารักเป็นนักหนา
หอคอยคลิฟฟอร์ดยามค่ำ สวยจริงๆ สมเป็นแลนด์มาร์คของเมือง
โฆษณา