22 เม.ย. 2022 เวลา 02:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 22.04.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนรุนแรง ทั้ง 3 ดัชนีหลัก ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงเปิดตลาด ก่อนปิดปรับตัวลดลงแรงภายหลัง Jerome Powell พูดถึงการเริ่มหดตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งตอกย้ำการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันพฤหัสบดีที่ 21.04.2022 ดัชนี Dow Jones -368.03 จุด -1.05% S&P 500 -65.79 จุด -1.48% และ Nasdaq 100 -278.08 จุด -1.99% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่ากองทัพรัสเซียสามารถเข้ายึดเมือง Mariupol ตั้งอยู่แถบตอนใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งรับสุดท้ายของยูเครนได้เรียบร้อยแล้ว โดยได้สั่งการให้กองทัพหยุดโจมตีและห้อมล้อมโรงงานเหล็ก Azovstal ที่เหล่าผู้สนับสนุนยูเครนทั้งทหารและพลเรือนรวมกันราว 2,000 คน หลบซ่อนอยู่
ด้านรัสเซียพร้อมยื่นโอกาสให้ผู้สนับสนุนยูเครนยอมจำนนอีกครั้ง การเข้ายึด Mariupol ได้สำเร็จครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนใกล้เดินทางเข้าสู่จุดสิ้นสุดแล้ว
2. ฝั่งสหภาพยุโรป นาย Luis de Guindo รองประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB (European Central Bank) ได้ให้ความเห็นว่า QE (Quantitative Easing) หรือการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ จะสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้และจะเริ่มมีการดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ย
แต่ในระหว่างระยะเวลาที่จะไปถึงเดือนกรกฎาคมที่คาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้าน ECB จะต้องระมัดระวังการกลับเข้าลงทุนในพันธบัตรที่ครบกำหนดอายุ (Rollover spread) ที่ซื้อภายใต้โปรแกรม Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) เพื่อควบคุมให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั้งอายุสั้นและอายุยาวอยู่ภายใต้กรอบที่ทาง ECB กำหนด หรือกล่าวคือจะพยายามปรับการลดสภาพคล่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าด้าน ECB จะขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 75 basis points ภายในสิ้นปี 2022
แม้ว่าด้าน ECB จะส่งสัญญาณที่พร้อมจะดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัว หรือ Hawkish ด้านตลาดหุ้นยุโรปกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีก่อนย่อตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากรายงานผมประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่สูงกว่าคาดหลายแห่ง
Stoxx 600 ปิดบวกที่ 461.57 จุด (+0.32%)
3. ด้านสหรัฐฯประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ 2 ตัว คือ
3.1 ตัวเลขผู้มาลงทะเบียนสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์หรือ Initial Jobless Claims ที่ 184,000 ราย สูงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยที่ 180,000 ราย แต่ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 186,000 ราย
ตัวเลขผู้มาลงทะเบียนสวัสดิการว่างงานดังกล่าวยังคงต่ำกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงภาคการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าจำนวนแรงงานที่ยังคงขอสวัสดิการว่างงานโดยรวม ณ วันที่ 9 เมษายน 2022 อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านราย ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1970
3.2 ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟียหรือ Philly Fed Manufacturing Index ประจำเดือนเมษายน ที่ 17.60 จุด ต่ำกว่าคาดค่อนข้างมากที่ 21.0 จุด และหดตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 27.4 จุด
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงเป็นบวกแม้ว่าจะลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังของช่วงปีที่ผ่านมาที่เฉลี่ยสูงกว่า 20 จุด แสดงถึงภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัวต่อเนื่องแม้ว่าอาจจะมีสัญญาณการชะลอตัวบ้างก็ตาม
4. ค่ำวานที่ผ่านมา ท่ามกลางงานสวนาร่วมของ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) ด้านประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed นาย Jerome Powell ได้ตอกย้ำถึงการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ที่ 50 basis points และยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งต่อๆ ไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าทาง Fed เข้าสู่โหมด Hawkish (การดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัว) อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ U.S. Treasury yields อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นเกือบแตะ 3%
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าจะเปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงต้นตลาด แต่ภายหลังที่ นาย Jerome Powell เริ่มพูดถึงการเริ่มหดตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกตลาดหุ้นก็เริ่มปรับตัวลดลงเรื่อยมาจนปิดตลาดลบ
5. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดยังคงเป็นหุ้นกลุ่มเชิงรับอย่างหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค -0.11% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -0.63% และกลุ่มวัฎจักรอย่างกลุ่มวัสดุอุตสาหกรรม -1.00%
ด้านกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงทนทานในภาวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมร่วงแรง
P&G -0.08% Philip Morris +1.95% Mondelez +0.17% Colgate +0.70%
Coca-Cola +0.38% PepsiCo -0.36% Walmart +0.15% Costco -1.95%
American Tower -0.31% Prologis -1.09% Crown Castle -0.77% Equinix -1.37% Public Storage -1.75%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงาน -3.10% กลุ่มเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร -2.41% และกลุ่มเทคโนโลยี -1.73%
Exxon -1.06% Chevron -4.61% ConocoPhillips -3.90% Occidental -3.69% EOG Resources -2.61% Baker Hughes -6.85% APA -4.56% Devon Energy -5.36%
กลุ่มเทคโนโลยีด้านการสื่อสารได้รับแรงกดดันจากหุ้น Meta ที่ร่วงแรงดึงอุตสาหกรรม รวมถึง Netflix และหุ้นผู้ให้บริการบันเทิงในรูปแบบสตรีมมิ่งยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
Walt Disney -2.34% Warner Bros Discovery -6.78% Pinterest -3.85% Snapchat -4.36% Charter Communication -3.16% Twitter +0.77%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลดลงแรง
Apple -0.48% Alphabet -2.52% Microsoft -1.94% Amazon -3.70% Meta -6.16% Netflix -3.52% Adobe -2.48% Salesforce -4.83% Visa -0.62% Mastercard -0.23%
หุ้น Innovation ปรับตัวลดลงรุนแรงเช่นกัน มีเพียง Tesla ที่ปิดปรับตัวเป็นบวกจากการรายงานผลประกอบการที่โดดเด่น
Tesla +3.23% Lucid Group -6.32% Roku -9.14% Teladoc Health -4.28% Block (Square) -5.95% Zoom -2.65% Spotify -8.06% Twilio -4.23% Coinbase -6.67% Robinhood -2.52% Affirm Holdings -5.35% Unity Software -6.05% Shopify -8.38%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวลดลงแรง
Nvidia -6.05% AMD -4.44% Intel -1.27% Micron -3.11% Qualcomm -3.01% Broadcom -0.83%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลดลงแรง
ARK Innovation (ARKK) -4.97% ARK Fintech (ARKF) -5.37% Power Shares Wilder Hill Clean Energy (PBW) -5.54% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) -2.67% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) -2.74% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) -3.70% Global X Cybersecurity (BUG) -3.17% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) -5.20%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่อง
Alibaba -3.83% Baidu -5.18% Coupang -8.79% iQIYI -14.89% JD -5.67% Didi Global -9.04% KE holdings -7.77% Luckin Coffee -6.32% NetEase -3.68% Pinduoduo -6.86% SEA -8.93% TAL Education -2.16% TSMC -1.36% Nio -5.51% Xpeng -4.14%
10. S&P500 VIX Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรง โดยปิดที่ 22.68 จุด (+11.61%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรง ทะลุระดับ 30 จุด โดยปิดที่ 31.37 จุด (+10.19%)
ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนเล็กน้อย โดยล่าสุดทรงตัวที่ระดับ 100 จุด
ราคาทองคำทรงตัว โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 33.90 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 103.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา