29 เม.ย. 2022 เวลา 00:33 • ประวัติศาสตร์
เปิดแฟ้มผู้สังหารทารกกว่า 100 ศพ กับเหตุผลไม่อยากให้เจอโลกโหดร้าย
ในแฟ้มประวัติอาชญากร หรือฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
ทุกคนล้วนมีเหตุผลในการก่อเหตุที่แตกต่างกันไป บ้างก็เพื่อตอบสนองส่วนลึกในจิตใจ
บ้างเป็นความบิดเบี้ยวในวัยเด็ก
และบางคนก็ทำลงไปเพราะคิดว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์?
ย้อนกลับไปในปี 1945 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นหลังพ่ายแพ้สงครามโฃก
มีฆาตกรต่อเนื่องได้ถือกำเนิดขึ้นในเวลานั้น
ข่าวนี้ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศเมื่อมีการค้นพบความจริงของเหยื่อที่มีมากกว่าส
100 ชีวิต และทุกคนล้วนแต่เป็น "เด็กทารก"
ช่วงประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม ในปี 1948
เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโตเกียวได้พบศพเด็กทารก 5
คนซึ่งหลังจากตรวจสอบพวกเขาพบว่าทุกคนไม่ได้เสียชีวิตด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ
ผู้คนในเมืองต่างหวาดวิตก
และความกลัวนี้ยิ่งกระจายตัวในวงกว้างหลังมีการพบศพเด็กทารกอีก 40
รายในบริเวณใกล้เคียง และอีกราว 30 รายที่วัดใกล้ๆ
เนื่องด้วยในเวลานั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยในการติดตามจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด1
จึงมีการรายงานว่าศพของทารกขั้นต่ำน่าจะอยู่ที่ 85 ราย และอาจมีมากถึง 169 ราย
อย่างไรก็ตามในภายหลังมีการระบุข้อมูลใหม่ว่า จำนวนที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือ 103
ราย
ผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า "Miyuki Ishikawa"
ผดุงครรภ์ผู้มีหน้าที่คือช่วยให้เด็กหลายคนคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
Miyuki Ishikawa เกิดในปี 1897 หลังจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโตเกียว
ก็ได้เข้าทำงานเป็นพยาบาลผดุงครรภ์ที่บ้านเกิดของเธอในจังหวัดมิยาซากิ
ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ที่มี
ในไม่ช้าเธอก็ได้กลายเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคโตบุกิ
สถานที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจในเวลาต่อมา
Miyuki นั้นแต่งงานแล้ว แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจหลังสงครามโลกที่ทรัพยากรขาดแคลน
คนตกงาน รวมถึงอาหารที่ต้องแย่งชิง ทำให้เธอกับสามีไม่ได้มีลูกด้วยกัน
ความปรารถนาที่ไม่ได้รับการเติมเต็ม ก่อให้เกิดความบิดเบี้ยวขึ้นในจิตใจของ Miyuki
เธอรู้สึกสงสารเด็กๆ ที่ต้องเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน
หรือแม้กระทั่งเด็กที่ถูกทอดทิ้งเนื่องจากพ่อแม่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้
ด้วยเหตุนี้ Miyuki จึงได้ตัดสินใจว่า แทนที่จะให้เด็กๆ
เหล่านั้นต้องเติบโตพร้อมชีวิตที่หิวโหยและยากลำบาก
สู้ให้เธอทำให้พวกเขาจากไปอย่างสงบไม่ดีกว่าหรือ?
นี่ไม่ใช่การทำบุญเพื่อปลดความทุกข์ยากให้กับพวกเขาหรอกหรือ?
Miyuki เริ่มลงมือก่อเหตุร่วมกับสามีและผู้ช่วยของเธอในเวลาต่อมา
วิธีการที่ใช้คือการปล่อยให้ทารกเหล่านั้นอดน้ำอดอาหาร และละเลยจนกระทั่งเสียชีวิต
เรื่องนี้พยาบาลคนอื่นๆ ต่างรู้กันดี แต่เมื่อแจ้งไปยังรัฐบาลท้องถิ่น
พวกเขากลับเพิกเฉย จนทำให้พวกเธอหลายคนทำในรับไม่ได้ และในที่สุดก็ลาออกไป
หลังสังหารทารก สามีของ Miyuki จะเรียกเก็บเงินจากพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นโดยอ้างว่า
"การตายของเด็กที่ถูกปิดเงียบ ถูกกว่าค่าเลี้ยงดูที่พวกเขาต้องจ่ายเสียอีก"
Shiro Nakayama ผู้ช่วยของ Miyuki จะทำทีเป็นตรวจหาสาเหตุของการเสียชีวิต
และกลบเกลื่อนเหตุฆาตกรรมให้อย่างแนบเนียนด้วยการปลอมใบมรณบัตรขึ้นมา
หลังมีการพบศพเด็กทารก ทางตำรวจได้เร่งทำการสืบสวนจนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมตัว
Miyuki และพรรคพวก
ระหว่างการพิจารณาคดี Miyuki ได้โต้แย้งข้อกล่าวหาว่า
สิ่งที่เธอทำนั้นไม่ใช่ความผิดแต่เป็นการช่วยเหลือ และพ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูกๆ
ควรเป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อการตายของพวกเขา
เธอกล่าวถึงอนาคตที่ไร้ความหวังของเด็กๆ
และเหตุผลที่ตัดสินใจลงมือสังหารก่อนที่เด็กเหล่านั้นจะต้องเติบโตมาพร้อมความยากลำบากื
สิ่งนี้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกเห็นใจและให้การสนับสนุน Miyuki ในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม มีนักวิจารณ์หลายคนรู้สึกไม่เห็นด้วย เนื่องจากสถานะทางการเงินของ
Miyuki นั้นเรียกได้ว่ามั่งคั่งจากการเรียกเก็บเงินจากครอบครัว
อีกทั้งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายของญี่ปุ่นไม่ได้คุ้มครองชีวิตของเด็กทารกมากเท่าที่ควร
Miyuki ถูกตัดสินให้จำคุก 8 ปี ส่วนสามีและผู้ช่วยต้องโทษจำคุก 4
ปีจากการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด อย่างไรก็ตาม
ในภายหลังพวกเขาได้ทำเรื่องยื่นอุทธรณ์และได้รับการลดโทษลงครึ่งหนึ่ง
คดีสะเทือนขวัญที่มีทารกถูกสังหารมากกว่า 100 ศพได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จึงทำให้รัฐบาลของญี่ปุ่นพิจารณาการร่างกฎหมายทำแท้ง
เพื่อลดจำนวนเด็กที่เกิดจากความไม่พร้อม
ในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี 1948 ได้มีการจัดตั้งกฎหมายคุ้มครองยูเจนิก
(ปัจจุบันคือกฎหมายคุ้มครองร่างกายของมารดา)
และระบบการตรวจสอบแห่งชาติสำหรับการผดุงครรภ์
ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน ปี 1949 ได้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการทำแท้งที่ถูกต้อง
(จากเหตุผลทางเศรษฐกิจ) ภายใต้กฎหมายคุ้มครองยูจีนิกในญี่ปุ่น
แม้ว่าจะมีหลายคนรู้สึกเห็นด้วยกับการกระทำของ Miyuki
ตามที่เธอได้กล่าวอ้างว่าทำไปเพื่อไม่ให้เด็กๆ ต้องประสบชะตากรรมที่โหดร้าย
แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ก็คือ เธอไม่มีสิทธิได้ตัดสินชีวิตแทนใคร
แม้แต่เด็กทารกที่ยังไม่รู้ประสีประสาก็ตาม
เครดิตแหล่งข้อมูล : catdumb
ที่มา:เจาะเวลาหาอดีต fb fanpage
Thanks like love comments follow all fc @min Rookie
โฆษณา