3 พ.ค. 2022 เวลา 02:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 03.05.2022
🇺🇸🇪🇺ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนรุนแรงระหว่างวัน S&P 500 ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดเกือบ -1.6% ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาปิดบวกในช่วงท้ายตลาด ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก โดย Nasdaq 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ +1.72%
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเยอรมันต่ำกว่าคาด
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตสหรัฐฯต่ำกว่าคาด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.00% ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนวันจันทร์ที่ 02.05.2022 ดัชนี Dow Jones +84.30 จุด +0.26% S&P 500 +23.45จุด +0.57% และ Nasdaq 100 +221.05 จุด +1.72% โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านเยอรมันประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่สำรวจโดย Markit หรือ German Manufacturing PMI ประจำเดือนเมษายนครั้งที่ 2 (ฉบับปรับปรุง) ที่ 54.6 จุด มากกว่าคาดเล็กน้อยที่ 54.1 จุด แต่ลดลงจากเดือนมีนาคมที่ 56.9 จุด
ความกังวลด้านภาคการผลิตในประเทศเยอรมนีเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยกดดันยังคงเป็นความกังวลเรื่องห่วงโซ่อุปทานจากการปิดเมืองของประเทศจีน ความต้องการสินค้าที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องซึ่งเป็นตัวเร่งให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น
2. ด้านตลาดการเงินของสหราชอาณาจักรปิดทำการเนื่องในวันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติ
ด้านตลาดหุ้นยุโรปเกิด Flash Crash หรือการปรับตัวลดลงรุนแรงในระยะเวลาสั้นๆ ทั่วยุโรป โดย CAC40 ของฝรั่งเศสร่วงกว่า -3% Stockholm OMX ของสวีเดน ร่วงกว่า -8% เบื้องต้นคาดการณ์ว่ามาจากยอดคำสั่งขายในจำนวนที่ค่อนข้างเยอะจาก Citi Group ขณะที่ตลาดมีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปยังคงหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติ
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นยุโรปสามารถฟื้นตัวได้แต่ยังคงปิดในแดนลบ โดย Stoxx 600 ปิดลบ ที่ 443.83 (-1.46%)
3. ด้านสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่สำรวจโดย ISM หรือ ISM Manufacturing PMI ประจำเดือนเมษายนขยายตัวที่ 55.4% แย่กว่าคาดที่ 57.6%
ตัวเลขดังกล่าวคาดสาเหตุหลักยังคงเป็นปัจจัยกดดัน รัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น / ราราสินค้าที่สูงขึ้น และการปิดเมืองของประเทศจีน ซึ่งส่งผลให้การส่งมอบสินค้ามีระเวลาที่นานขึ้น
4. หุ้น Berkshire Hathaway (Class A) ประกาศผลประกอบการรายได้รวม 7.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าคาดเล็กน้อยที่ 7.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรต่อหุ้นที่ 4,774 ดอลลาร์สหรัฐฯ ดีกว่าคาดที่ 4,310 ดอลลาร์สหรัฐฯ
หุ้น Activision Blizzard ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่า 3% ภายหลัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชี้แจงว่า Berkshire Hathaway เข้าถือครองกว่า 9.5% ในปัจจุบัน
ระหว่างวันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หรือ Bond Yield 10 ปี พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.00% ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 โดยเกิดจากตลาดเก็งการประชุม FOMC (The Federal Open Market Committee) ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายทางการเงิน ส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯ เกิดความผันผวนรุนแรงระหว่างวัน
อย่างไรก็ตามช่วงท้ายตลาด Bond Yield 10 ปี ปรับตัวลดลงโดยล่าสุดอยู่ที่ 2.97%
5. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุดได้แก่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสื่อสาร +2.42% กลุ่มเทคโนโลยี +1.56% และกลุ่มพลังงาน +1.37%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสื่อสารฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยมี Meta เป็นตัวหนุนตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า +5%
Twitter +0.24% Pinterest +7.99% Snapchat +3.72% Charter Communication +0.95% Walt Disney +1.68% Warner Bros Discovery +6.06%
Exxon +1.36% Chevron +1.97% ConocoPhillips +0.42% Occidental +5.83% EOG Resources -0.39% APA -0.78% Baker Hughes -0.35% Schlumberger +0.26%
6. หุ้นที่ underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -2.55% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค -1.29% และกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณูปโภค -1.04%
American Tower -1.69% Prologis -4.47% Crown Castle -2.37% Equinix -2.32% Public Storage -3.08% Simon Property -0.98%
P&G -1.35% Philip Morris -1.43% Mondelez -1.07% Colgate -2.43% Coca-Cola -1.81% PepsiCo -2.30% Walmart -0.66% Costco -0.52%
7. หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ผันผวนระหว่างวันก่อนปรับตัวปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี
Apple +0.20% Alphabet +2.17% Microsoft +2.50% Amazon +0.18% Meta +5.32% Netflix +4.78% Adobe +2.86% Salesforce +0.93% Visa -0.75% Mastercard -1.19%
หุ้น Innovation ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
Tesla +3.70% Lucid +5.42% Roku +11.01% Teladoc Health +10.01% Block (Square) +6.35% Zoom +5.24% Spotify +7.09% Twilio +5.55% Coinbase +7.66% Robinhood +6.88% Affirm Holdings +5.78% Unity Software +3.37% Shopify +6.13%
หุ้น Semiconductor ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
Nvidia +5.32% AMD +5.05% Intel +3.14% Micron +3.53% Qualcomm +3.99% Broadcom +3.96%
8. ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ARK Innovation (ARKK) +6.37% ARK Fintech (ARKF) +4.48% Power Shares Wilder Hill Clean Energy (PBW) +2.26% iShares PHLX Semiconductor (SOXX) +3.34% SPDR S&P Kensho Smart Mobility (HAIL) +1.94% VanEck Vectors Video Gaming and eSports (ESPO) +1.68% Global X Cybersecurity (BUG) +1.34% และ KraneShares CSI China Internet (KWEB) +1.98%
9. หุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น
Alibaba +4.24% Baidu +2.97% Coupang +8.00% iQIYI +3.65% JD +2.77% Didi Global +5.85% KE holdings +2.33% Luckin Coffee -2.32% NetEase -1.09% Pinduoduo +3.64% SEA +7.17% TAL Education +9.14% TSMC +0.89% Nio +4.79% Xpeng +3.17%
10. S&P500 VIX Index ผันผวนรุนแรงระหว่างวันก่อนปิดปรับตัวลดลงช่วงบ่ายของตลาด โดยปิดที่ 32.34 จุด (-3.17%)
ด้าน Nasdaq 100 VIX ผันผวนรุนแรงระหว่างวันเช่นกันโดยดัชนีขึ้นไปแตะระดับ 40 จุดก่อนปิดปรับตัวลดลงในช่วงบ่าย โดยปิดที่ 37.81 จุด (-1.15%)
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง โดยเป็นการเข้าสู่เดือนที่ 7 ที่ดัชนีสกุลเงินดอลลาร์หรือ DXY index เป็นขาขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 103.60 จุด
ราคาทองคำปรับตัวลดลงแรง โดยร่วงไปต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,862 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 34.47 บาทต่อดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนเล็กน้อย โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา