9 พ.ค. 2022 เวลา 01:08 • ความคิดเห็น
คุณพระช่วยลูกด้วย! ทำไมคนเราถึงต้องเป็นสายมู
กระแสเรื่องสายมู หรือ มูเตลู ถูกพูดถึงในไทยเรามาเป็นระยะเวลาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ได้มีแบรนด์สินค้าหลากหลายแบรนด์จับประเด็นนี้มาทำการตลาดจนประสบความสำเร็จไปตามๆ กัน
ซึ่งกระแสความมูที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นมาจากวิถีชีวิตและความเชื่อของคนไทย ที่มีความหลากหลายในเชิงวัฒนธรรมจากการเป็นดินแดนที่มีการติดต่อค้าขายและเปิดรับแนวคิดจากหลายประเทศ
สิ่งเหล่านี้ก็หล่อหลอมจนกลายเป็นบรรทัดฐานทางสังคมของไทย ที่ส่งผลกระทบมาถึงการกระทำ และการบริโภคของประชาชนด้วย
แต่ผลกระทบของความเชื่อต่อการกระทำก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับสังคมไทยเท่านั้น อันที่จริง มันเกิดขึ้นกับทุกประเทศทุกวัฒนธรรมทั่วโลก “ที่ล้วนมีรูปแบบความเชื่อที่ดีและเหมาะสมในแบบของตัวเอง” นั่นเอง...
📌 ความเชื่อสายมูในไทย
1
กลับมาที่กรณีไทย แค่เริ่มต้นที่ที่มาของคำว่า “มูเตลู” ก็สะท้อนถึงการรับวัฒนธรรมที่หลากหลายของไทยจากต่างชาติแล้ว เมื่อชื่อนี้ก็มีที่มาจากเพื่อนบ้านของเรา
โดยสืบย้อนกลับไป มีการคาดการณ์กันว่า คำๆ นี้มีที่มาจากหนังของอินโดนีเซียเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ที่มีชื่อว่า “มูเตลู ศึกไสยศาสตร์” ซึ่งเนื้อหาในหนังก็จะเป็นผู้หญิงสองคนที่ชอบชายคนเดียวกัน จึงใช้พลังไสยศาสตร์ต่อสู้กัน
อย่างไรก็ดี หลังจากผ่านเวลามาพอสมควร คำว่า “มูเตลู” ในไทย ก็คงเหลือไว้แต่ความหมายเชิงบวกเสียมากกว่า ที่หมายถึง การบูชาหรือเสริมดวงชะตา ผ่านการกราบไหว้ ทำพิธี หรืออาจจะเป็นการพกเครื่องรางของขลังเพื่อความสบายใจ ส่วนในเรื่องการใช้อาคมเพื่อทำร้ายใครก็เลือนหายไปแล้ว
ซึ่งการมูของคนไทยก็พิเศษและน่าสนใจมาก เพราะว่า มันเต็มไปด้วยสีสันที่แต่งแต้จากมหลากหลายความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น พุทธ จีน คริสต์ พราหมณ์ อิสลามฯ
และมันก็ต่อยอดมาถึงแบรนด์สินค้าจำนวนมาก ที่ได้ออกแคมเปญการตลาดอิงกับกระแสมู เสริมดวงชะตา มีเลขมงคล ดูดวง ดารานักแสดงชื่อดังหลายคน ก็มีข่าวได้บูชาหรือทำพิธีเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง การงานปัง มั่งคั่งร่ำรวย
📌 ความเชื่อส่งผลต่อการบริโภคของคนทั่วโลก
ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น ที่ความเชื่อส่งผลต่อวัฒนธรรมจนนำมาสู่การบริโภคในชีวิตประจำวัน ในต่างประเทศความเชื่อก็มีผลต่อพฤติกรรมของคนเช่นกัน
หนึ่งในเทศกาลที่คนรู้จักกันดี อย่างเทศกาลคริสต์มาส ก็ได้รับอิทธิพลมาจากความเชื่อของศาสนาเช่นกัน จนกลายเป็นเหมือนวันครอบครัวของหลายประเทศ
และก็เป็นเทศกาลที่ส่งผลต่อแคมเปญการตลาดของแบรนด์สินค้าจำนวนมากทั่วโลก เป็นช่วงที่ยอดขายเพิ่มขึ้นสูงที่สุดช่วงหนึ่งของปี ซึ่งถ้ามองกันดีๆ ก็มีความคล้ายคลึงกับการตลาดสายมูที่เกิดขึ้นในไทยไม่น้อย
เพราะมันก็เป็นการตลาดที่มีรากฐานมาจากความเชื่อที่ขัดเกลาผู้คน จนกลายเป็นวัฒนธรรม และส่งผลต่อการพฤติกรรมการบริโภคในที่สุด
ซึ่งแนวคิดการบริโภคที่มีรากฐานมาจากความเชื่อแบบนี้ หลายคนอาจจะมองว่า เป็นการกระทำที่ผู้คนถูกครอบงำและไม่ได้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเองมองว่า เรื่องราวพวกนี้เป็นสิ่งที่ควรค่ากับการศึกษา เพื่อช่วยให้เราทำความเข้าใจกับความแตกต่างของผู้คนในแต่ละวัฒนธรรม
เข้าใจความเป็นไปของการก่อร่างของโครงสร้างทางสังคมในด้านหนึ่งผ่านความเชื่อและศาสนา ที่เป็นสถาบันสำคัญของมนุษย์
ซึ่งถ้าสุดท้ายความเชื่อเหล่านั้นเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นหลักของการดำเนินชีวิตของคนที่มีศรัทธา ให้ดำเนินไปในทางที่ถูกที่ควร และไม่เบียดเบียนสิทธิของผู้อื่น เราก็ควรจะเคารพซึ่งความแตกต่างในความเชื่อเหล่านั้น
ซึ่งความเคารพในความแตกต่างนี่เอง ก็จะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่สังคมที่ผู้คนอยู่กันอย่างมีความสุขมากขึ้น ตามที่แก่นหลักของความเชื่อและศาสนาเอกของโลกล้วนต้องการ
1
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Reference :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา