11 มิ.ย. 2022 เวลา 00:00 • ดนตรี เพลง
เช็กอินที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
1
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
1
ชายคนหนึ่งขับรถไปตามทางหลวงข้ามทะเลทราย เขามองเห็นจุดไฟข้าง
หน้า เขารู้สึกเหนื่อยล้า และอยากพักผ่อน จึงตัดสินค้างคืนที่โรงแรมริมทาง ประสบการณ์ของเขาในโรงแรมแห่งนี้แปลกประหลาดพิสดาร
1
มันคือโรงแรมแคลิฟอร์เนีย
1
Hotel California เป็นเพลงที่ดีที่สุดเพลงหนึ่งของวงดนตรี Eagles
(ไม่มี The นำหน้าชื่อ) แต่เข้าใจยากที่สุดเพลงหนึ่งในโลกดนตรี มันเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เราไม่อาจแน่ใจด้วยซ้ำ ไปว่า ‘Hotel California’ เป็นโรงแรมจริงๆ มันอาจเป็นสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง
2
Hotel California เปิดประตูโรงแรมในปี 1976 และเป็นเพลงฮิตทันที ด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะ สะดุดหู และเนื้อเพลงที่ ‘ฟังไม่รู้เรื่อง’
5
เพลงนี้แต่งโดย เกลนน์ ฟราย, ดอน เฮนลีย์ และ ดอน เฟลเดอร์ ครั้งที่เพลงนี้ออกมาใหม่ๆ ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่ม ผมต้องเปิดพจนานุกรมศัพท์มากมายในเพลง เพราะเหมือนจะเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย
10
เกลนน์ ฟราย, ดอน เฮนลีย์ และ ดอน เฟลเดอร์ ตามลำดับ
ผ่านมาหลายสิบปี เมื่อเข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น ก็เห็นว่า Hotel California เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ และเป็นเพลงที่มองได้หลายมิติ ทำ ให้ชวนขบคิดให้นิวรอนทำ งานเล่น
4
มาว่ากันที่เนื้อเพลงก่อน
1
เนื้อเพลงแปลตรงตัวดังนี้ :
1
ทางหลวงสายทะเลทรายที่จมในความมืด ลมเย็นโบยพัดเส้นผมของผม
กลิ่นคอลิตาอันอบอุ่นกรุ่นในอากาศ
ไกลออกไปเบื้องหน้า ผมเห็นจุดสว่างพร่างพราย
ศีรษะผมหนักอึ้ง สายตาผมเริ่มมัว
ผมต้องหยุดพักแล้ว
ณ ตรงนั้นหล่อนยืนอยู่ที่ประตู
ผมได้ยินเสียงระฆังโบสถ์แว่วมา
แล้วผมก็คิดกับตัวเอง
“นี่อาจเป็นสวรรค์หรือนี่อาจเป็นนรก”
แล้วหล่อนก็จุดเทียนไขเล่มหนึ่ง และนำทางผมไป
มีเสียงพูดต่างๆ ตรงทางเดิน
ผมคิดว่าผมได้ยินพวกเขาบอกว่า
14
ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
สถานที่สวยงาม
ใบหน้าที่เจริญตา
มีห้องพักมากพอที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
ไม่ว่าเวลาใดของปี
คุณสามารถหาห้องได้ที่นี่
ความคิดของหล่อนเป็น ‘Tiffany-twisted’ หล่อนเป็นพวก ‘Mercedes bends’
หล่อนมีหนุ่มหน้าตาดีมากมาย ที่หล่อนเรียกว่าเพื่อน
พวกเขาเต้นรำที่ลาน เหงื่อไคลแห่งฤดูร้อน
บางเพลงเพื่อจำ บางเพลงเพื่อลืม
3
ผมเรียกกัปตัน
“ช่วยส่งไวน์มาให้หน่อย”
เขาบอกว่า “เราไม่ได้เสิร์ฟเหล้านั่นมาตั้งแต่ปี 1969”
ยังมีเสียงพูดเรียกจากที่ไกล
ปลุกคุณตื่นขึ้นกลางดึก
ให้ได้ยินเสียงพูดของพวกเขา
6
ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย
สถานที่สวยงาม
ใบหน้าที่เจริญตา
พวกเขาอยู่อย่างรื่นรมย์ในโรงแรมแคลิฟอร์เนีย
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ดี
พา ‘alibis’ ของคุณมา
กระจกเงาบนเพดาน
‘pink champagne’ ใส่น้ำแข็ง
แล้วหล่อนก็พูดว่า “เราทั้งหมดเป็นเพียงนักโทษที่นี่ ด้วยวิถีทางของเราเอง”
5
และที่ห้องโถงใหญ่
พวกเขารวมกันเพื่องานเลี้ยง
แทงมันด้วยมีดเหล็กแข็งของพวกเขา
แต่ทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าสัตว์ร้าย
สิ่งสุดท้ายที่ผมจำ ได้
ผมวิ่งไปที่ประตู
ผมต้องหาทางออกจากที่นี่
ไปสู่สถานที่ที่ผมอยู่ก่อนเข้ามา
“ใจเย็นๆ” คนโรงแรมบอก
3
“เราถูกโปรแกรมให้ต้อนรับ
คุณสามารถเช็กเอาท์ได้ทุกเมื่อ
แต่คุณไม่สามารถออกจากที่นี่ได้”
2
นี่เป็นเพลงอะไรกันแน่? เหมือนจะเข้าใจ แต่ยากจะเข้าใจ
1
ตลอดหลายสิบปีนี้ เพลง Hotel California ถูกตีความมากมายหลายทิศทาง จนนักแต่งเพลงบอกเป็นนัยว่า “คิดมากไป”
4
แต่ความสนุกของการ ‘อ่าน’ เพลงแบบนี้คือการคิดมาก มันเปิดโลกดี!
2
มาวิเคราะห์กันทีละท่อน
1
“ทางหลวงสายทะเลทรายที่จมในความมืด ลมเย็นโบยพัดเส้นผมของผม”
2
‘ผม’ ขับรถไปในทะเลทรายตอนกลางคืน มันเป็นการเดินทางจริงๆ แต่มองในอีกมุมหนึ่ง มันอาจเป็นการเดินทางเข้าไปภายในตัวของเราเอง
2
“กลิ่นคอลิตาอันอบอุ่นกรุ่นในอากาศ” (warm smell of colitas)
1
ถ้าไม่ใช้เป็นสัญลักษณ์ colitas ก็เป็นพืชทะเลทรายชนิดหนึ่งตระกูลกัญชาจึงมีการวิเคราะห์ว่า Hotel California เกี่ยวกับการเสพโคเคน การติดยาเสพติด หรืออย่างน้อยก็มียาเสพติดมาเกี่ยวข้อง
4
แต่หากตีความแบบนามธรรม ‘กลิ่นคอลิตาอันอบอุ่นกรุ่นในอากาศ’ อาจหมายถึงกลิ่นชื่อเสียง เงินทอง และตัณหาที่ลอยมาถึงจมูก ‘ผม’ และเชิญชวนให้ ‘ผม’ เข้าไปหา
2
“ไกลออกไปเบื้องหน้า ผมเห็นจุดสว่างพร่างพราย”
1
จุดสว่างอาจจะเป็นตัวเมืองใหญ่หรืออาจเป็นแสงสว่างจากโรงแรมแคลิฟอร์เนีย หรืออาจจะตีความว่า ‘ผม’ ตาลาย เห็นแสงไฟ (‘ศีรษะผมหนักอึ้ง สายตาผมเริ่มมัว’) หรืออาจหมายถึงแสงลวงแห่งโลกโลกีย์ ที่ล่อลวงแมงเม่าไปหา
4
“ผมได้ยินเสียงระฆังโบสถ์” (I heard the mission bell)
1
mission คือพวกมิชชันในศาสนาคริสต์ เสียงระฆังมิชชันอาจหมายความตรงคำ เพราะอาคารแบบมิชชันมีมากมายในแคลิฟอร์เนีย แต่อาจหมายถึงเสียงเตือนจากด้านของความดี
3
“นี่อาจเป็นสวรรค์หรือนี่อาจเป็นนรก”
1
แคลิฟอร์เนียเคยเป็นความฝันของคนจำนวนมาก (‘California dream’) แต่แคลิฟอร์เนียก็มีด้านสว่างและด้านมืด มันอาจเป็นสวรรค์หรือนรก เพราะความฝันก็มีราคาของมัน
1
“แล้วหล่อนก็จุดเทียนไขเล่มหนึ่ง และนำทางผมไป”
3
มองในมุมของการเดินทางไปสู่โลกใหม่ เทียนไขก็คือแสงนำทางสวยงาม เปี่ยมความหวัง
2
หากมองในมุมของยาเสพติด เทียนไขอาจหมายถึงอุปกรณ์ในการจุดเฮโรอีน
2
“มีห้องพักมากพอที่โรงแรมแคลิฟอร์เนีย”
2
เพลงบอกว่าโรงแรมนี้มีห้องมากมาย ห้องว่างคืออะไร?
1
‘ห้องว่าง’ อาจหมายถึงพื้นที่ว่างในโลกใหม่ ความหวัง ความฝันที่รอเราไปจับจอง
1
แต่มองอีกมุมหนึ่ง Hotel California อาจไม่ใช่โรงแรม มันอาจเป็นคุกเพราะนาม Hotel California สะท้อนชื่อ ‘โรงแรม’ อีกแห่งหนึ่งในเวียดนามที่เรียกว่า Hanoi Hilton
1
Hanoi Hilton ไม่ใช่โรงแรม มันเป็นคุก ก็คือคุกฮัวโลที่ใช้ขังนักโทษสงครามชาวอเมริกันช่วงสงครามเวียดนาม
1
ฮัวโล แปลว่าเตานรก
1
ในชีวิตจริง ดอน เฟลเดอร์ ต่อต้านสงครามเวียดนามซึ่งเป็นบาดแผลลึกของชาวอเมริกัน
2
หากความนัยของมันคือคุก ก็เป็นเรื่องขันขื่นยิ่งเมื่อบอกว่า ‘such a lovely place’!
2
“ความคิดของหล่อนเป็น ‘Tiffany-twisted’ หล่อนเป็นพวก ‘Mercedes
bends’ ”
3
‘Tiffany-twisted’ แปลว่าอะไร?
1
Tiffany คือห้าง Tiffany & Co. แห่งนิวยอร์ก สถานที่ขายเครื่องประดับราคาแพง เป็นสัญลักษณ์ของวัตถุนิยม เพลงบอกเป็นนัยว่าผู้หญิงคนนี้ชอบของแพง Tiffany-twisted จึงอาจแปลได้ว่าเป็นความหมกมุ่นกับวัตถุนิยมและสถานะทางสังคม
1
ในเนื้อเพลงมีการเล่นคำ ให้พ้องเสียง Mercedes Benz รถยนต์ราคาแพงกับ ‘Mercedes bends’
3
คำว่า bends แปลว่าการทำ ให้โค้งงอ ค้อมหัวให้ ศิโรราบให้ และยังมีความหมายของอาการป่วยจากการปรับขึ้นผิวน้ำตอนดำน้ำ
2
มันอาจแปลได้ว่าหล่อนโค้งหรือศิโรราบต่อสินค้าแพง
2
ระหว่างทางไปแสวงหาความฝันที่แคลิฟอร์เนีย พบสิ่งเย้ายวนต่างๆ มากมาย ทั้งเซ็กซ์ ยาเสพติด ชื่อเสียง และหลงทาง หลงใหลในวัตถุนิยม
2
“ช่วยส่งไวน์มาให้หน่อย” (please bring me my wine) ‘การเสิร์ฟไวน์’ ก็อาจตีความได้ว่า Hotel California เป็นโรงพยาบาลโรคจิต เพราะความจริงคือในทางการแพทย์ยุคก่อน มีการให้คนไข้ดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา หรือกล่อมประสาท
2
ส่วน “เราไม่ได้เสิร์ฟเหล้านั่นมาตั้งแต่ปี 1969” (We haven’t had that spirit here since nineteen sixty nine.)
3
spirit ในที่นี้น่าจะแปลว่าเหล้า ไม่ใช่วิญญาณ
1
แต่อีกนั่นแหละ มันอาจให้ความหมายคู่ คือเล่นคำกับเหล้า แต่ก็อาจหมายถึงความมุ่งมั่น (ที่เรามักทับศัพท์ว่า สปิริต)
1
เกิดเหตุสำคัญอะไรขึ้นในปี 1969? มีสองอย่างที่อาจเกี่ยวกับเพลงนี้
1
หนึ่ง เทศกาลดนตรีวูดสต็อค (Woodstock Music and Art Fair) ในวันที่ 15–18 สิงหาคม 1969 งานจัดขึ้นสามวัน มีบุปผาชนหนุ่มสาวไปร่วมงานสี่แสนคน มันมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ดนตรี เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนาม สงครามเย็น มันเป็นเสียงดนตรีที่เพรียกหาเสรีภาพและสันติภาพ
2
สอง 1969 เป็นปีที่ตีพิมพ์ The Satanic Bible ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับ Satanism
1
ลัทธินี้มีความเชื่อว่าพระเจ้าและซาตานก็คือภาพสะท้อนของตัวเราเอง
2
“กระจกเงาบนเพดาน
‘pink champagne’ ใส่น้ำแข็ง”
3
กระจกเงาอาจหมายถึงยามค่ำคืนเมื่อเราเข้านอนหลังจากผ่านชีวิตมาทั้งวัน ขบคิดสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งวัน กระจกเงาอาจหมายถึงภาพสะท้อนความจริง แต่มันอาจหมายถึงกระจกเงาจริงๆ ก็ได้
1
‘Pink Champagne’ หรือ Rolls Royce เป็นคำแสลงหมายถึงยาเสพติด แต่เช่นกัน มันก็อาจเป็นแชมเปญจริงๆ ก็ได้
3
“เราทั้งหมดเป็นเพียงนักโทษที่นี่ ด้วยวิถีทางของเราเอง” (We are all just
prisoners here, of our own device)
1
ท่อนนี้อาจหมายถึงคนที่เป็นนักโทษของตัวเอง อาจเป็นชื่อเสียง สถานะชั้นสูง จึงตกอยู่ในพันธนาการที่ตนเองสร้างขึ้นมา
3
“และที่ห้องโถงใหญ่
พวกเขารวมกันเพื่องานเลี้ยง
แทงมันด้วยมีดเหล็กแข็งของพวกเขา
แต่ทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าสัตว์ร้าย”
3
ท่อนนี้มีคนตีความว่าเป็นการสักการะซาตาน เพราะฉากนี้เหมือนเป็นพิธีกรรมบางอย่าง คนในโรงแรมพยายามจะฆ่า ‘the beast’ (สัตว์ร้าย)
2
อะไรคือ ‘สัตว์ร้าย’?
1
มันหมายความตรงคำ ? หรือหมายถึงสัตว์ร้ายในใจของเรา? ด้านมืดของเรา? ความอยากยาเสพติด? ความกระหายชื่อเสียงและความสำเร็จ? ซึ่งทั้งหมดนี้ฆ่าไม่ได้
1
อย่างไรก็ตามคำว่า ‘ห้องโถงใหญ่’ หรือ master’s chambers อาจหมายถึงห้องโถงในโรงแรม หรืออาจจะแปลว่าห้องทำ งานของผู้พิพากษาก็ได้
3
ในกรณีนี้ก็จะคล้องกับท่อน “พา ‘alibis’ ของคุณมา”
3
alibis แปลว่าประจักษ์พยาน หรือหลักฐานพิสูจน์
1
“เราถูกโปรแกรมให้ต้อนรับ
คุณสามารถเช็กเอาท์ได้ทุกเมื่อ
แต่คุณไม่สามารถออกจากที่นี่ได้”
(you can check out any time you like, but you can never leave)
2
มันอาจแปลว่า ‘ผม’ เข้าไปสู่โลกโลกหนึ่ง โลกที่เหมือนความฝันประหลาด และออกมาไม่ได้ Hotel California อาจเป็นเพลงเกี่ยวกับการเดินทางของจิตวิญญาณ
1
มันอาจแปลว่า คนเราไม่อาจหนีพ้นพันธนาการที่มากับการแสวงหาความฝัน
9
ถ้าเพลงนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด การเดินทางของ ‘ผม’ ก็คงเดินทางไปตามทางที่ไม่มีจุดสิ้นสุด หนีไม่พ้นวังวนของพันธนาการ
4
แล้วนักแต่งเพลงว่าอะไร?
1
เกลนน์ ฟราย ให้สัมภาษณ์ว่า “ใครๆ ก็อยากรู้ว่าเพลงนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร และเราก็ไม่รู้ เราตัดสินใจสร้างสรรค์บางสิ่งแปลกๆ เพื่อแค่ให้รู้ว่าเราทำได้ และหลังจากนั้นก็มีคนเพิ่มความหมายให้มัน มากกว่าที่มันมีอยู่ ผมคิดว่าเราได้สร้างเรื่องการอธิบายความหมายแบบสองนัยอย่างสมบูรณ์”
2
สมาชิกวงให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า Hotel California ก็คือเรื่องเกี่ยวกับสุขนิยมและความหมกมุ่นมัวเมาของอเมริกา
2
เฮนลีย์ให้สัมภาษณ์รายการ 60 Minutes ในปี 2002 ว่า “มันก็เป็นเพลงเกี่ยวกับด้านมืดที่ซ่อนอยู่ของความฝันแบบอเมริกัน และเกี่ยวกับส่วนที่เกินมาในอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้ดี”
3
ในปี 2005 ดอน เฮนลีย์ ให้สัมภาษณ์นิตยสาร Rolling Stone อธิบายความหมายของเพลงว่า “พวกเราทั้งวงเป็นเด็กชนชั้นกลางจากมิดเวสต์ เพลง Hotel California คือการตีความชีวิตชั้นสูงในแอลเอ.”
2
เฮนลีย์บอกว่า Hotel California ก็คือ “การเผชิญหน้ากับความจริงอันทารุณของชื่อเสียงและชีวิตในฮอลลีวูด”
2
เพลง Hotel California อาจสะท้อนวัตถุนิยมและบริโภคนิยมของโลกตะวันตก ทุกอย่างคือการบริโภค บริโภค บริโภค มันมีแต่วัตถุ แต่กลวงโบ๋ในจิตใจ
2
มันอาจต้องการพูดถึง ‘California Dream’ และความฝันแบบอเมริกัน แต่ความฝันนั้นก็มีราคาที่ติดมาด้วย ราคานั้นกำหนดวิถีชีวิตของเราจนเรากลายเป็นทาส นี่คล้ายๆ กับวิธีคิดต่อต้านบริโภคนิยมในหนังเรื่อง Fight Club ซึ่งมีคำ พูด เช่น
2
“The things you used to own, now they own you.”
2
“Advertising has us chasing cars and clothes, working jobs we hate so we can buy shit we don’t need.”
2
แต่บางคนจมและสำลักในความฝันนั้น
2
Hotel California เป็นเหมือนงานแอบสแตร็กท์ทางจิตรกรรม ซาลวาดอร์ ดาลี หรือปิกาสโซ ที่งานออกแนวเหนือจริง หากเทียบเพลงนี้กับงานจิตรกรรม ตัวอย่างที่สอดคล้องที่สุดน่าจะเป็นภาพ The Scream ของจิตรกรเอ็กซเพรสชันนิสต์ Edvard Munch มันแสดงถึงการแสดงออกของอารมณ์มนุษย์ในสภาวะเครียด จิตแปรปรวน เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ทนไม่ได้ ก็กรีดออกมาให้สุดเสียงซึ่งในเนื้อเพลงก็คือ 'การเช็กเอาท์'
8
ในมุมมองของผม Hotel California เป็นงานคอลลาจที่รวมเอาองค์ประกอบต่างๆ มายำ มันก็คือคอลลาจเหตุการณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นร่วมสมัย มาคละกันเป็นภาพรวม ซึ่งเป็นงานศิลปะที่คนฟังไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่าง แต่ให้สัมผัสกับความรู้สึกของแต่ละท่อนที่นำมารวมเป็นคอลลาจ
6
เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกชิ้นส่วนของโลกใบนี้ที่กลายเป็นคอลลาจ เพราะว่ามันเป็นโลกประหลาด
7

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา