15 พ.ค. 2022 เวลา 05:37 • ความคิดเห็น
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ลาออกจากงาน ก็มาจมอยู่กับบ้าน ตื่นมาก็กิน ..กินแล้วก็นอน เป็นอย่างนี้ประมาณ แปดเก้าเดือน อยู่บ้านเฉยๆ กินกับนอน เวลาผ่านไปวันๆ พอเดือนที่แปด มีเพื่อนโทรมา ว่าจะปลีกวิเวก หาถ้ำปฏิบัติธรรมสักหน่อย ก็ไปตระเวนหาถ้ำกัน ไปตรงนั้นตรงนี้ เค้าไม่ให้อยู่ จนไปเจอคนเค้าแนะว่า ไปที่นี่ซิ ก็ไปกัน ขนเตา ขนหม้อข้าว ขนข้าวสาร อาหารแห้ง จะไปอยู่ถ้ำ ขนไปเต็มรถ ..
ผ่านวัดหนึ่งที่คนเค้าแนะนำ ก็แวะเข้าไป ..ไปคุยกับพระ..ท่านบอกว่า อยู่ที่นี่แหละ วัดที่นี่ก็มีถ้ำ เหมือนที่โยมว่า ที่จริงมันเป็นความฝัน ให้ไปอยู่ที่วัดมีถ้ำ …เพื่อนมันบอกว่า ..งั้นก็อยู่ที่นี่แหละ พอปฏิบัติธรรมได้ครบ ที่ตั้งใจไว้ ครบเจ็ดวัน ..เพื่อนอีกคน ..ก็ไปตามรับถึงหน้าวัด บอกว่า เค้าตามให้ไปทำงาน ..ก็กลับเข้ามาทำงานใหม่
เคยคุย..เรื่องนีกับพระที่นับถือ ท่านบอกว่า ..เมื่อเราประพฤติปฏิบัติธรรม กำลังทำจิตทำใจได้ โลก..เค้าก็มาดึง ..โลกกับธรรม มันก็แปลก ..เหมือน คนเรา..อยู่ๆ ก็วิปริต..(วิปริต..ผิดสังเกตปกตินิสัยตน) ไปทางธรรม อยู่ทางธรรม..ก็วิปริตไปทางโลก
เหมือนความคิดของเรา เอาแน่นอนไม่ได้ บางครั้ง ก็เห็นว่า ไปทางทางธรรมดี อยู่ทางธรรมนาน ..ก็เบื่อ..ออกมาสู่ทางโลก โลกกับธรรมนั้นอยู่ใกล้ชิดกัน อยู่ที่จิตของเรา จะยึดโลกยึดโลภโกรธหลง หลงไปกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตัวตน เมื่อจะละคำว่าโลก..ก็ต้องสลัดเรื่องราวที่เรายึดถืออยู่..เมื่อเรายังสลัดทรัพย์สมบัติ ทรัพย์สินเงินทอง บ้านช่อง เรื่องกินเรื่องนอนที่เราจมปลักอยู่กับสถานที่ เราก็เปลี่ยนที่ ..ลองไปหาที่..
สถานที่ ที่เราไม่เคยชิน ..ไปหาที่สงบ..ไม่วุ่นวาย ..ที่ไม่ต้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายนัก มีที่ให้เราฝึกหัดปฏิบัติธรรม ..เดินฝึกหัดในเส้นทางธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านก็ทิ้งเวียงวัง เราก็ทดลองทำดู เพื่อดูจิตใจ..ดูสติของเรา ดูนิสัยของเรามันเป็นยังไง เมื่อไม่มีสิ่งแวดล้อม ที่เราเคยชิน ดูจิตดูใจเรา ..บางที่เราก็อาจจะได้ เหตุผลเรื่องราวที่ดี ให้เราเข้าใจ ในเรื่องราวของชีวิต
เมื่อมีการประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้น..เวลาปฏิบัติธรรมเราก็ทำจริงๆ ไม่ต้องเกรงกลัว ฝนตกแดดออก ก็นั่งตากแดดฝน อารมณ์ความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นในกายนี้ เมื่อจิตเราสามารถผ่านเรื่องเวทนาอะไรได้ จิตเราก็เหมือนผ่อนคลายทุกข์ของเราออกไปบ้าง เรื่องราวที่เรา..จมปลักมันก็หลุดลอยออกไป เรื่องราวทำนองนี้ มันก็เสี่ยงทาย เหมือนกันว่าใครจะได้ วิธีแก้ไขอารมณ์กรรมที่จิตเรายึด..ถูกอารมณ์นั้นทับถมจิต …ใครจะสลัดออกไปได้ ..
อารมณ์นั้นเค้าอยู่ข้างจิต..บางครั้งก็ทำเป็นสงบ เมื่อเสือหมอบนิ่ง จ้องตะครุบเยื่อ จิตเราเผลอ..เมื่อไหร่..อารมณ์มันก็ตะครุบเราเมื่อนั้น ต้องเป็นเยื่อเสือไป อะไรทำนองนี้ ก็จิตของเรา มันอยู่ในป่า ..ป่าของอารมณ์ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์สิงสาราสัตว์นานาชนิด เราจะแก้ไข เพื่อเอาจิตออกจากป่านี้ ที่มีแต่ความวุ่นวาย ..อารมณ์นั้นอารมณ์นี้
เราต้องทำอย่างกันบ้าง..เพื่อออกจากป่าอารมณ์ในกายนี้ ให้มันสงบชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี จิตจะได้พักมีกำลัง กายกได้พักมีกำลังไปด้วย เพราะผ่อนคลายอารมณ์วุ่นวายนั้นไป จิตใจสงบเบาขึ้น..สติของเราก็ตื่นขึ้นมา ..จะได้จับเสือ..จับอารมณ์ออกไป เหวี่ยงออกไปบ้าง..
โฆษณา