16 พ.ค. 2022 เวลา 02:48 • ประวัติศาสตร์
ยอร์ก วันที่ 5 (ตอนที่ 1) ไปพิพิพิธภัณฑ์ Yorkshire museum ขบคิดเงื่อนงำสงครามดอกกุหลาบ
พิพิธภัณฑ์ยอร์คไม่ได้มีความใหญ่โตมากมาย ในภาพรวมแล้วเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ของท้องถิ่นที่สะสมวัตถุหลายประเภทเพื่อให้ชาวเมืองหรือผู้คนสนในเรียนรู้สรรพวิทยาการสามารถมาพบอะไรอะไรที่น่าสนใจที่นี่ได้
ด้วยความที่รับรู้ว่าพิพิธภัณฑ์ยอร์คมีโบราณวัตถุและงานศิลปะที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่เมื่อเข้าไปก็เริ่มแปลกใจที่เจอพวกสัตว์สต๊าฟมาตั้งเรียงกันต้อนรับพวกเราอยู่ เลยทำให้สงสัยว่าเรามาผิดที่หรือเปล่า แต่ไม่ผิดหรอก นี่คือพิพิธโบราณวัตถุและธรรมชาติวิทยานำมาไว้ได้รวมกัน ซึ่งก็ดีไปอีกแบบ จะได้มีอะไรได้ดูหลายอย่าง ทั้งวัตถุโบราณและสัตว์โบราณและอื่นๆ
แต่ตอนนี้ขอชมโบราณวัตถุก่อน อ่านประวัติศาสตร์ของยอร์กแล้วพอจะนึกภาพออกว่าน่าจะมีอะไรสะสมอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ
สิ่งแรกสุดที่จะขอแนะนำ ก็คือที่เราได้กล่าวถึงในครั้งก่อนแล้ว ว่ามีการขุดค้นประติมากรรมนักบุญ 4 องค์ที่ซากปรักหักพังของโบสถ์เซนต์แมรี้ และก็ได้นำมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสี่ท่านมาปรากฏตัวอยู่ได้อย่างไร อาจเป็นการฝังเพื่อหลบซ่อนภัยอันตราย หรือเป็นการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง (แบบฝังลูกนิมิตรของเราไง) และท่านเหล่านี้มีอายุตั้ง 800 ปีมาแล้ว นับว่าเก่าแก่มากที่เดียว
อย่างไรก็ตาม เราสามารถระบุได้ว่าใครเป็นใครเพียงสององค์ องค์หนึ่งคือโมเสส (ทราบได้จากการถือพระคัมภีร์) และเซนต์จอห์น (ทราบได้เพราะมีผมสั้น) ที่เหลือยังไม่ทราบ นับได้ว่าเป็นสิ่งมีค่าทางโบราณคดีอย่างหนึ่งที่ได้พบเจอในยอร์ก
นอกจากนี้ ส่วนของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มีโบราณวัตถุที่นี่มีหลายยุคมาก ตั้งแต่ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคเหล็ก งานชิ้นสำคัญคือกำไลข้อมือทองคำ ซึ่งถือว่าเป็นชิ้นเก่าแก่ที่สุดที่พบในอังกฤษตอนเหนือเลยทีเดียว
และในทำนองเดียวกันกับลอนดอน ชาวโรมันเป็นพวกที่มาถึงและตั้งฐานทัพที่นี่ สร้างป้อมปราการและเกิดเมืองขึ้นมา มีกษัตริย์มาอยู่แบบถาวร เกิดการค้าขาย ทำให้ชนชาติอื่นๆเข้ามาทำมาหากินตรงนี้ แน่นอนว่าเราต้องเห็นโบราณวัตถุโรมันยอดฮิตอย่างเช่นกระเบื้องโมเสด หม้อดิน ถ้วยชาม ท่อน้ำประปา โลงศพหิน และหินสลักบนหลุม เทวรูป และอื่นๆ
ซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้รู้ได้ว่าชนชาติต่างๆที่มาอยู่นี้มีอะไรบ้างและเขามาทำอะไรกัน ที่นี่มีการวิเคราะห์ข้อมูลจากคนตายไว้มากและชวนให้คนที่เข้ามาช่วยทำความรู้จักกับพวกเขาด้วย โดยส่วนที่แสดงการวิเคราะห์จากโครงกระดูกในหัวข้อ “มารู้จักกับผู้คนของจักรวรรดิโรมันกันเถอะ” (Meet the people of the empire) แสดงให้เห็นได้ว่าโครงกระดูกนี้สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง ทั้งอายุ สาเหตุการตาย ความเชื่อต่างๆ
วัตถุจัดแสดงชิ้นสำคัญอีกหนึ่งก็คือ หนึ่งน้อยปอยผมหญิงสาวในยุคโรมัน สีน้ำตาลเข้ม มัดเป็นมวย มีปิ่นปักผมอยู่ ซึ่งยังคงสภาพดีมาจนทุกวันนี้ ชวนให้คิดถึงเจ้าของเส้นผม ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะตายจากไปนานนับพันปีมาแล้ว อันนี้ได้มาจากสุสานโรมันขณะกำลังก่อสร้างสถานีรถไฟยอร์กในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2418 อยู่ในโลงศพหินที่ปูด้วยแผ่นตะกั่วและมีวัสดุคล้ายปูนปลาสเตอร์เททั่วร่างกาย
หนึ่งน้อยปอยผม ของเด็กสาวโรมันคนหนึ่ง
วัตถุชิ้นเอกอีกอย่างคือดาบไวกิ้ง (เขาเรียกว่า Gilling Sword) ที่ถูกพบโดยบังเอิญขณะที่เด็กชายคนหนึ่งที่ไปเล่นอยู่ที่สายน้ำ อาจเป็นได้ว่าเจ้าของทำตกน้ำหรือสาเหตุอื่นๆก็ไม่รู้
ดาวไวกิ้ง จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Gilling_sword
หมวกโลหะ (Helmet) สำหรับทหารในยุค Anglo-Saxon Britain สวยงาม ดูเท่มากหากใครได้สวมใส่ (ยิ่งถ้ามาพร้อมเซตกับดาวไวกิ้งยิ่งดูดี)
https://www.yorkshiremuseum.org.uk/
หมวกเขากวางน้อย ดูเท่มากหากใครได้สวมใส่ มีชื่อว่า star carr frontlets เป็นหมวกเขากวาง ทำจากหัวกวางจริงๆมีหนังหัวติดไว้เป็นหมวกให้มาสวม อันนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ใช้สวมใส่ น่ารักดีมาก ใครที่คาดว่าเอาไว้ใช้เวลาอยากเป็นตุ๊กตากวางน้อยขอบอกว่าผิด จริงๆแล้วเขาไว้ใช้ในพิธีกรรมต่างหาก
เขากวางถูกนำมาใส่เป็น headdress ในงานพิธีกรรม (https://www.yorkshiremuseum.org.uk)
นอกจากนั้นมีชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมแบบยุคกลาง ซึ่งในพิพิธภัณฑ์ได้ตัดเอาเสาที่มีกรอบวงโค้งแหลมแบบโกธิคของจริงมารวมไว้ ร่วมกับสิ่งของต่างๆซึ่งมีของสมัยไวกิ้งพวกนอร์มัน อีกทั้งกระจกสีสวยๆมากมาย มาจากหลายประเทศ สมกับที่ยอร์คเป็นแหล่งอนุรักษ์งานกระจกสีจากทั่วยุโรป เห็นไหมล่ะว่าพิพิธภัณฑ์ York น่าสนใจเก็บสมบัติไว้มากมายแค่ไหน และมีสมบัติหลายยุค หลายสมัย หลายประเภทให้ใครดูชมอีกด้วย
ส่วนเรื่องราวที่พิเศษสุดของพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 (Richard III) แห่งยอร์ก ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในประวัติศาสตร์ช่วงยุคสงครามดอกกุหลาย (ยังจำกันได้ไหมครับตอนเราไปอยู่ที่สวนสวยในวังแฮมป์ตันคอร์ต) ในช่วงสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์กสวรรคตลง โดยพระโอรสยังมีอายุน้อย พระปิตุลาของพระองค์ทำการยึดอำนาจมาเป็นกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 ได้
ส่วนประโอรสองค์ที่ 2 ของกษัตริย์องค์ก่อนก็ได้ถูกเก็บไว้ที่หอคอยแห่งลอนลอนและสาบสูญไป นี่ทำให้พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 มีบทบาทเป็นตัวร้ายในประวัติศาสตร์ที่คนจดจำ จุดจบของพระองค์เกิดขึ้นเมื่องต้องสู้รบกับฝ่ายกุหลาบแดงอีกครั้งและพ่ายแพ้ในสนามรบที่ทุ่งบอสเวิร์ธ พระศพของพระองค์สาบสูญไป คาดว่าคงจะถูกฝังในที่แห่งใดแห่งหนึ่งในสนามรบนั้น
สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นและน่าสนใจมากคือมุมหนึ่งเขาได้จัดนิทรรศการไว้ โดยมีเรื่องราวชวนให้คิดว่าพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 เป็นอย่างไร เป็นคนชั่ว หรือเป็นวีรบุรุษ (Villain or hero?)
เรื่องราวในนี้จะเล่าถึงด้านต่างๆของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 และให้ผู้ชมมาตัดสิน สรุปว่าเขาเป็นพระเอกหรือผู้ร้าย (Hero or Villain)
แผ่นป้ายที่ตั้งคำถามไว้ ว่า King Richard III เป็นคนดี หรือไม่ดี ตามที่ประวัติศาสตร์ เขียนไว้หรือไม่ เป็นการกระตุ้นให้ผู้ชม นำเอาข้อมูลต่างๆมาประมวลดูแล้วพิจารณา ไม่ใช่เชื่อจากข้อมูลที่ถูกตัดสินจากคนเขียนรุ่นก่อนนั้นแล้ว
ที่ต้องถามแบบนี้เพราะว่าในหน้าประวัติศาสตร์ หนังสือ และสื่อต่างๆ รวมถึงละครเช็คสเปียร์สร้างภาพพระองค์ไว้ว่าร้ายนักหนา มีการวางแผนประหารผู้คนแบบโหดเหี้ยมต่างๆนานา ทว่าก็มีบางคน ซึ่งเป็นส่วนน้อยที่ศึกษประวัติของพระองค์แล้วพบว่า ได้ทำคุณงามความดีไว้ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้ทบทวนในสิ่งที่รุ่นก่อนๆไว้วางเอาไว้ในอดีตว่าใช่หรือไม่ใช่
สิ่งทีน่าสนใจคือแทนที่พิพิธภัณฑ์จะเล่าเรื่องของคนในด้านเดียวแต่เขาก็มีอะไรให้คิดแย้งกันด้วย จะได้ทำให้หัวสมองของเด็กๆโลดแล่นสร้างสรรค์ความคิดโต้เถียงกัน โดยบอร์ดเล่าเรื่องราวอธิบายประวัติของท่านจะชวนให้คิดว่าเราเลือกข้างไหน มีกระดานไว้ให้เขียนความคิดเห็นลงไป
อันนี้เป็นการศึกษาประวัติศาสตร์อีกแบบที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคย เด็กไทยเรามีความคิดว่าประวัติศาสตร์ คือเรื่องของการท่องจำ แต่ไม่ค่อยวิเคราะห์และถกเถียงและชวนให้คนคิดต่างกัน (สงสารเด็กไทยจังเลยนะ)
จบจากการชมโบราณวัตถุแล้วยังเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ไม่ได้นะ ไม่ใช่ว่าเขาจับตัวเราไว้หรอก แต่เราจับใจกับคอลเลคชั่นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มธรรมชาติวิทยาซึ่งจะได้เห็นหุ่นจำลอง สัตว์สต๊าฟ โครงกระดูก ของสรรพสัตว์ต่างๆที่สูญพนัธ์ไปแล้ว อย่างเช่นสุนัขทัสมาเนีย นกโมอา(moa) นกอ๊อคใหญ่ (Great auk)
และฟอสซิลไดโนเสาว์ ทั้งแบบที่เดิน ว่ายน้ำ และแบบบิน (ชิ้นสำคัญคือโครงกระดูก Ichthyosaur เป็นไดโนเสาร์ในทะเลที่มีลูกตาใหญ่โตมากๆ) แถมด้วยวัตถุทางธรณีวิทยาที่มีหินแร่ฟอสซิล หินมีค่า รัตนชาติ
และชิ้นที่น่าสนใจมากคืออุกกาบาต ที่ชื่อว่า Middlesbrough Meteorite พุ่งกระทบตกมายังโลกในปี 1881 พิสูจน์แล้วว่ามีอายุเก่าแก่มาก และถือกำเนิดมาแล้วยาวนานพร้อมกับกำเนิดของสุริยจักรวาลเลยทีเดียว ตอนที่ตกลงมาสร้างเสียงสนันหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงตุ๊บอันดัง เป็นของประทานจากฟากฟ้าที่ชาวเมืองยอร์คภูมิใจและหวงแหนมาก
เห็นไหม ว่ามาแล้วคุ้มค่า แม้จะเล็ก แต่ก็มีความหลากหลาย มีของดีๆไว้ให้ดูชมน่าสนใจทีเดียว
ลืมบอกไป ว่าของเหล่านี้ ถ้าไปแล้วท่านไม่ได้เห็นเหมือนผม ก็ไม่ต้องคิดว่ามันโดนขโมยหรือหายไปหรอกนะ เพราะเขามักจะซ่อนของมีค่าบางอย่างเอาไว้ในคลังแล้วหมุนเวียนกันมาแสดงตอนจัดนิทรรศการแต่ละครั้ง
โฆษณา