16 พ.ค. 2022 เวลา 16:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
## TASCO ##
16 May 2022
งบ Q1/2022 ออกแล้ว โดยสรุปคือกำไร ปี 65 ลดน้อยลงเหลือ 0.14 เทียบกับของ Q1 ปีที่แล้วที่ 0.27 บาท กำไรหายไปเกือบครึ่ง
ยอดขายรายได้เพิ่มขึ้นนะ แต่กำไรลดลง เนื่องจากมาตรการทางการเงินอะไรสองสามอย่างที่ลุงสารภาพว่าอ่านไม่ค่อยเข้าใจ รายละเอียดสั้นกุด
แต่โดยรวมคือค่าใช้จ่ายต้นทุนมันก็เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้กำไรลดลง
อันนี้คิดว่าคงมีคำถามและคำอธิบายใน Oppday เราค่อยไปฟังกันอีกที
ทั้งนี้ถ้ามองถึงอนาคตในตอนที่น้ำมันยังอยู่ที่ราคาสูง หลัก 100$ แต่ stock น้ำมันดิบที่บ.มีและจะเอามากลั่นให้ได้ยางมะตอยก็ใกล้หมดแล้ว จากที่แจ้งคาดว่าน่าจะใช้ได้ได้แค่ Q2 ซึ่ง Q1 นี้ยังได้อานิสงค์จาก stock อยู่ยังทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก
ที่นี้น้ำมันดิบนี่ส่งผลต่อกำไรของ บ. อย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นต้นทุนหลักเลย ถ้าน้ำมันราคาสูง แต่ราคายางมะตอยยังไม่ได้ขึ้นตาม ต้องซื้อของแพงมากลั่นขายผลผลิตได้ในราคาถูก ก็ทำให้บ.กำไรหดหาย หรือถึงกับขาดทุนได้
ลองเทียบราคาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันตรงๆ อย่าง PTTEP ซึ่งราคาน้ำมันแพงคือกำไรที่เพิ่มขึ้นชัดเจน เทียบกับ TASCO ที่ต้นทุนสูงขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน ลองดูกราฟราคาจะเห็นได้ว่ามันผกผันกันอย่างเห็นได้ชัด ตอน PTTEP low คือ TASCO high
คำถามคือ ถ้าน้ำมันดิบหมดแล้วจะยังไงต่อ ผบห มีคำตอบเรื่องนี้ใน Oppday ตอนเดือน กพ. ที่ผ่านมา ตามลิงค์
สรุปความว่า กรณีเลวร้ายที่สุด คือไม่สามารถซื้อน้ำมันดิบได้ หมายความน้ำมันดิบที่มีก็จะถูกใช้จนหมดในปีนี้ ถ้าไม่มีน้ำมันดิบ ก็จะต้องไปพิจารณาตัวโรงกลั่นที่มาเลเซีย (ว่าจะทำอย่างไร หาอย่างอื่นกลั่นไป หรือขาย หรืออะไรไม่ได้ให้ข้อมูลไว้) และกลับไปสู่โหมดธุรกิจเก่าก่อนหน้าก่อนช่วงมีโรงกลั่น เช่นช่วงปี 2008-2014 ที่เป็นธุรกิจเทรดดิ้งซื้อมาขายไป หลังปี 2014 บ. ถึงมีโรงกลั่นและน้ำมันดิบได้เป็นชิ้นเป็นอัน
สรุปในสรุป ปีนี้กำไรหายแน่ๆ แต่อย่างเลวร้ายที่สุดก็ไม่น่าแย่ไปกว่าช่วงก่อนปี 2014 ที่เป็นซื้อมา ขายไป
ในส่วนของก่อสร้าง คาดว่าน่าจะได้รายได้ 3000 ลบ ถ้าคิดน้อยๆที่ 2000 กำไรสัก 10% ก็ 200 ลบ. ก็ประมาณ 10% ของกำไรปี 64 ยังห่างไกลที่จะ cover ส่วนของยางมะตอยได้
สรุประยะสั้น ปีนี้กำไรลดลงแน่ราคาก็ลงมาตาม แต่ถ้าปีหน้าราคาน้ำมันลงมา ก็ผกผันกันทำให้ราคาขึ้นคืนแน่นอน
หลังจากฟัง Oppday Q1 นี้ คงจะมีข้อมูลแผนในอนาคตที่ชัดเจนขึ้น ไว้มาอัพเดทกันอีกที
อัพเดท อันนี้ Oppday เขา สรุปเร็วๆ ขออนุญาตเอามาทั้งคำพูดเลยดีกว่า ลุงยังไม่ค่อยเข้าใจ กลัวจะถอดความมาผิดๆ
ไตรมาสที่ 1 เราขาดทุนในเรื่องของ Hedging contact 531 ล้านบาท ซึ่งอันนี้เป็นการขาดทุนในการ Mark to Market ซึ่งในอนาคต เมื่อเราขาย Physical ตัว product ออกไปในราคาตลาดที่สูงขึ้น ก็จะไป offset กันในอนาคต
คุณกัญญา รองกรรมการผู้จัดการสายบัญชีและการเงิน
ออกตัวก่อนว่ายังไม่ค่อยชัวร์ แต่สัญญาในลักษณะของ hedging คือ คานราคากับสักอย่างไว้ก่อน เช่นราคาน้ำมัน บอกว่าจะขายน้ำมันที่ 100 $ แต่พอมันขึ้นไป 110 $ อันนี้ก็บันทึก loss แต่ถ้ามันกลับตัวลงมาเหลือ 90 $ มันก็จะ gain แทน
ซึ่งถ้าตามที่ลุงเข้าใจ ต่อมาราคาสิ่งที่เรา hedge มันกลับตัว ที่ loss อยู่ก็จะกลับมา gain ได้
ถ้าตัดส่วนของ hedging loss & gain ออก ดูกันเฉพาะผลงานปกติ กำไรจะเป็น 216 + 531 = 747 ลบ จะเป็น EPS 0.47บาท เทียบกับปีที่แล้ว Q1 แค่ 0.27 บาท
ดูดีๆ จริงแล้วมันก็โตอยู่นะ แต่ถ้าดูผ่านๆ แบบนักวิเคราะห์บางคน ดูที่กำไรขาดทุนบรรทัดสุดท้ายอย่างเดียว ก็อาจจะเข้าใจผิดกันไหม
หรือเขาเข้าใจถูกแล้ว ??? แล้วลุงเข้าใจผิดเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา