Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
20 พ.ค. 2022 เวลา 12:58 • ไลฟ์สไตล์
“ผู้หญิงบวชไม่ได้ ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ไหม ?”
“ … ฆราวาสที่เป็นผู้หญิง จะสามารถปฏิบัติจนทำที่สุดแห่งทุกข์ได้หรือไม่ ในยุคสมัยนี้ ในยุคที่ไม่สามารถบวชเป็นภิกษุณีได้
อย่างในสมัยพุทธกาลก็มีทั้งภิกษุสงฆ์ และภิกษุณีสงฆ์ ผู้หญิงที่ปรารถนาที่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ก็สละเรือน ออกบวชเป็นภิกษุณี ก็สามารถปฏิบัติเดินตามมรรค จนสามารถชำระตนได้หมดจด บรรลุอรหัตตผลได้ ไม่ต่างจากภิกษุเช่นกัน
แต่เนื่องจากกาลเวลาผ่านไป ภิกษุณีสงฆ์ก็ขาดช่วงไปแล้ว ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีอยู่ ที่พยายามรื้อฟื้นมา แต่ก็เป็นเรื่องของ … ก็เรียกว่าถ้าเป็นเถรวาทก็ขาดช่วงไป
เพราะฉะนั้นแล้วผู้หญิงจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างไร ในเมื่อไม่สามารถบวชเป็นภิกษุณีได้
ซึ่งเราจะพบว่าปัจจุบัน จริง ๆ ผู้หญิงจะสนใจปฏิบัติมากกว่าผู้ชายอีกนะ เวลาอยู่ในวัดนี่ ผู้หญิงเต็มเลย
ผู้ชายถ้ากำลังใจเข้มแข็งจริง ๆ ก็ออกบวช แต่ก็ยังน้อยกว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะมาก แล้วอย่างนี้ผู้หญิงจะบรรลุธรรม จนทำที่สุดแห่งทุกข์ได้หรือไม่
ก็เมื่อเดินตามวิถีที่ถูกต้อง ที่เรียกว่าเดินตามมรรคอยู่เนือง ๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงรับรองว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ สติปัฏฐาน ๔ เป็นประจำสม่ำเสมอต่อเนื่องกันไป จะปรารถนาความหลุดพ้นหรือไม่ก็ตาม ก็ย่อมทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
1
เพราะฉะนั้นเราก็เดินตามมรรค ปฏิบัติชำระตนเรื่อยไป มันจะหมดจด มันจะเบาบางโดยลำดับลำดา
ตั้งแต่เดินตามมรรค จนมีสติมั่นคง มีจิตตั้งมั่นอยู่เนือง ๆ
จนเกิดสภาวะรู้ ตื่น เบิกบาน
เกิดวิปัสสนาญาน เห็นโลกตามความเป็นจริง
สามารถสละ ละ วาง สิ่งต่าง ๆ ลง
การละวางมันก็จะเป็นไปโดยลำดับลำดานั่นแหละ
มีความลาด ลุ่ม ลึก โดยลำดับลำดา
ธรรมะ พระองค์ตรัสว่ามีความลาด ลุ่ม ลึก โดยลำดับลำดา ประดุจห้วงน้ำในมหาสมุทร ไม่ได้โกรกชันเหมือนเหว ที่อยู่ ๆ ก็พรวดพราดเลย
มีความลาด ลุ่ม แล้วก็ลึก โดยลำดับลำดา
การสละ ละ วาง มันก็จะเป็นไปโดยลำดับลำดา
จนเกิดวิปัสสนาญาน เกิดการรู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ ๔
เดินตามมรรคชำระตนเรื่อยไป
เริ่มสัมผัสความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ชำระตนเรื่อยไป เกิดการหลุดพ้นชั่วคราว
จนถึงจุดหนึ่ง ก็ชำระตนส่วนแรกได้หมดจด
เข้าสู่ภูมิอริยบุคคลขั้นที่ 1 พระโสดาบัน
ที่เรียกว่า ตกกระแสธรรม
ชำระตนเรื่อยไป จนสามารถชำระในส่วนที่ 2 หมดจด
ก็เข้าสู่ภูมิอริยะขั้นที่ 2 ที่เรียกว่า สกทาคามี
ชำระตนเรื่อยไป จนส่วนที่ 3 หมดจด
ก็เข้าสู่อริยภูมิระดับที่ 3 ที่เรียกว่า อนาคามี
อนาคามีนี่ก็สามารถละสังโยชน์ 5 ประการเบื้องต้น ได้ขาดสะบั้นแล้ว
เครื่องผูกสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสักกายทิฏฐิ
ความหลงยึดมั่นในกาย เป็นตัวเป็นตน
วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย ในข้อปฏิบัติต่าง ๆ
สีลัพพตปรามาส ความยึดถือข้อวัตรปฏิบัติที่ผิดทาง
ก็เรียกว่า ละความหลงยึดกายเป็นตัวเป็นตนเสียได้ละ
มีศรัทธามั่นคงต่อพระรัตนตรัย
เป็นศรัทธาระดับโลกุตระอันไม่คลอนแคลนแล้ว
มีศีลโดยสมบูรณ์แล้ว หมดจด ศีล 5 ศีล 8 ตามกำลัง
ถ้าระดับพระโสดาบัน สกาทาคา ก็ศีล 5 หมดจดแล้ว
เรียกว่าเป็นปกติแล้ว เป็นวิถีชีวิตแล้ว
ไม่ใช่ศีลที่ยังต้องคอยสมาทานอยู่
เป็นธรรมชาติของท่านผู้นั้นแล้ว
ถ้าระดับอนาคามี ก็เข้าสู่ภูมิของศีล 8 โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ศีล 8 ก็เป็นวิถีของการประพฤติพรหมจรรย์อยู่แล้วนะ
ละกามราคะได้ขาดสะบั้นแล้ว
ละปฏิฆะได้ขาดสะบั้นแล้ว
เพราะฉะนั้นผู้เข้าถึงระดับอนาคามี เยื่อใยในโลกมันเบาบางลงมากแล้ว การครองคู่มันก็เป็นเรื่องพรหมจรรย์น่ะ ศีล 8
ศีล 8 โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ท่านผู้นั้นจะรู้ตัวด้วยตัวเองอยู่แล้ว พอเข้าถึงภูมินี้ ศีล 8 หรือพรหมจรรย์มันเป็นวิถีธรรมชาติไปแล้ว มันจะค่อย ๆ หลุดออก คลายออกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เมื่อมีการครองคู่ ก็จะเริ่มปลดออก
ศีล 8 งดเว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง การเพลิดเพลิน การละเล่นต่าง ๆ คือมันปลดทุกอย่างออกโดยลำดับ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
พอถึงตรงนั้น ท่านผู้นั้นก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถึงแม้จะนุ่งห่มเพศฆราวาสอยู่ แต่ความเกี่ยวข้องด้วยเรือน กิจการงานต่าง ๆ มันปลดออกไปมากเลยทีเดียว
นุ่งฆราวาสก็เป็นแค่สมมติภายนอกไปแล้ว แต่ใจน่ะ เข้าสู่วิถีของความเป็นสมณะเต็มตัวแล้ว ศีล 8 นี่วิถีสมณะแล้ว การไม่เกี่ยวข้องด้วยกิจทางโลก เยื่อใยต่าง ๆ ความมีความเป็น ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งหลายทั้งปวง
มันเรียกว่าวางเกือบหมดแล้วทีเดียว ระดับอนาคามีบุคคล
เมื่อถึงจุดนั้น มันเป็นธรรมดาเหมือนผลไม้ที่มันสุกแล้วเนี่ย มันใกล้แก่แล้ว มันย่อมก้าวสู่ความแก่รอบเต็มที่โดยธรรมดาอยู่แล้ว
สังโยชน์เบื้องปลายก็จะขาดสะบั้น
รูปราคะ อรูปราคะ
ความติดข้องในรูปฌาน อรูปฌานทั้งหลายทั้งปวง
อันนี้เป็นเรื่องสภาวะ ก็ยังละได้เลย
มานะทิฏฐิ ความถือตัวถือตนต่าง ๆ ที่เป็นกิเลสแบบละเอียด
อุทธัจ ความฟุ้งซ่านรำคาญใจระดับลึก ระดับละเอียด
อวิชชา
สิ่งเหล่านี้ ก็ถามว่าถูกเพิกออกไป ถึงตรงนั้นมันขาดหมดแล้ว
ถ้าเป็นกิริยา ก็เหมือนที่เราถือศีล 8 นุ่งขาวห่มขาว ประพฤติพรหมจรรย์นั่นแหละนะ ความเป็นสมบัติ เจ้าเข้าเจ้าของในเหย้าในเรือนมันไม่มีแล้ว มันวางหมดแล้วนั่นเอง
ตรงนั้นแหละ ที่เรียกว่า ทิ้งโลก ตัดทุกอย่าง ความมีความเป็น เยื่อใย สิ่งยึดโยง พันธะทั้งหลายทั้งปวง
ถ้าเรายังมีนะ นั่นก็ลูกเรา นั่นก็ผัวเรา นั่นก็ทรัพย์สมบัติเรา มันยังมีการยึดโยงอยู่ มันยังมีพันธะอยู่ มันยังมีเยื่อใยกันอยู่นั่นเอง จะเข้าถึงภูมิอรหัตตผลได้ มันต้องขาดสะบั้นตรงนี้แล้ว ซึ่งมันก็ปลดลงได้มากตั้งแต่อนาคามีแล้ว
แต่เป็นธรรมดา มันจะค่อย ๆ ดำเนินไป มันไม่ได้ขาดสะบั้นหมดจด รวดเร็วฉับพลัน เหมือนดั่งนักบวชหรอก เพราะนักบวชท่านทิ้งโลกตั้งแต่แรกเลย
พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า ฆรวาสกับพระเนี่ย ต่างกัน
ท่านเปรียบฆราวาสเหมือนหงส์ ค่อย ๆ บินไป
แต่พระนี่เหมือนเจ็ท คือบินเร็วมาก เพราะว่าเมื่อเราสละโลกตั้งแต่แรก ในวิถีสมณะมันก็พร้อมที่จะพุ่งทะยาน สู่ความหลุดพ้นได้ ไม่มีสิ่งใดมาดึงรั้ง
เพราะมันตัดทุกอย่าง พระเนี่ย ไม่มีการสะสม สละทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่มันเป็นของของตน ไม่มีสมบัติพัสถาน ไม่มีสิ่งใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเมื่อมันปลดตั้งแต่แรก มันก็พร้อมที่จะลุยไปเลย ไม่มีการดึงรั้ง
แต่ฆราวาสมันต้องค่อย ๆ ปลด … ค่อย ๆ ปลด … ค่อย ๆ ปลด
เมื่อถึงจุดนั้น เราก็จะรู้แจ้งด้วยตัวเองว่าเรา
มันไม่มีอะไรเป็นของเราหรอก มันก็ตัดทุกอย่างลง
สุดท้ายมันก็เหมือนผลไม้ที่มันสุกเต็มที่แล้ว
เมื่อแก่รอบจัดจริง ๆ มันก็ลืมต้น ทิ้งทุกอย่างลง
คืนสู่ความเป็นธรรมชาติไป
จิตก็หลุดพ้นหมดจด เข้าถึงความผ่องแผ้วโดยสมบูรณ์นั่นเอง
ถ้าในยุคสมัยนี้เราก็ให้นึกถึงกัน ก็อย่างฆราวาสนุ่งขาวห่มขาวนั่นแหละ ถือศีล 8 นั่นแหละคือเพศที่จะนำไปสู่ความหมดจดนะ … “
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
https://youtu.be/3Cv8R3lb8mc
เยี่ยมชม
youtube.com
ผู้หญิงบวชไม่ได้ ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ไหม ? | ธรรมให้รู้•2565 : ตอนที่ 131
Photo by : Unsplash
1 บันทึก
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เกล็ดธรรมคำครู
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย