30 พ.ค. 2022 เวลา 00:00 • การศึกษา
การประหยัดเริ่มด้วยการสังเกต
เคยสังเกตสิ่งรอบๆตัวคุณเองไหมครับ ว่ามีสิ่งของที่ไม่จำเป็นที่เก็บไว้มานานมากๆ และมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า “เอาไว้ก่อน อนาคตอาจได้ใช้ ค่อยว่ากันใหม่อีกทีแล้วกัน“ หรือไม่
คำพูดนี้ที่บอกกับตัวเองบ่อยๆ แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการผัดวันประกันพรุ่ง เพราะ...
อนาคตจะเป็นอย่าง มันดูที่วันนี้
- อี้ อภิชาติ -
ยกตัวอย่างเช่น เสื้อยืดลดราคาที่ไม่เคยนำมาสวมใส่เลยตั้งแต่ซื้อมา ซึ่งเป็นเสื้อยืดที่ใส่ได้ทุกวันแบบสบายๆ แต่ตอนนั้นเราเห็นว่ามันลดราคาเลยต้องซื้อไว้ก่อน “เผื่อได้ใช้” เพียงเพราะเราเห็นป้ายลดราคาสีแดงตัวใหญ่ชัดเจน เราจึงซื้อเก็บไว้ก่อนโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะนำมาใช้เลย
อีกหนึ่งตัวอย่าง สมมุติว่า… เดินไปเจอหูฟังยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งลดราคา 90% และปิดป้ายระบุไว้ว่า “ลดราคา 2 วันสุดท้าย” คำถามคือ… คุณเคยเดินกลับมาร้านเดิมนี้ในวันที่ 3 ไหม และก็ยังเห็นป้ายที่ระบุว่า “ลดราคา 2 วันสุดท้าย” ป้ายเดิมปิดอยู่ และสุดท้ายคุณก็ได้หูฟังรุ่นนั้นติดตัวกลับบ้านไปตั้งแต่วันแรกที่เดินผ่านมาร้านนี้แล้ว คำถามคือ.... คุณได้ใช้หูฟังนั้นไหม
สิ่งของใดที่มีอยู่แล้วและยังใช้งานได้ดีอยู่ เราก็ควรรักษาดูแลและทำความสะอาดมันไว้ให้ดี
เพราะ....
การให้เกียรติสิ่งของ ก็เหมือนการให้เกียรติคนรัก ถ้าเราให้เกียรติเขา เขาก็จะให้เกียรติเราเช่นกัน และถ้าเราดูแลสิ่งของเป็นอย่างดี สิ่งของก็จะดูแลเรากลับเป็นอย่างดีเช่นกัน
- อี้ อภิชาติ -
แต่ถ้าหากว่าเราซื้อของใหม่มาเพื่อแทนที่ของเก่า ของเก่าชิ้นนั้นก็จะนอนแน่นิ่งไร้ค่าขึ้นมาทันที คุณเคยคิดสงสารสิ่งของนั้นไหม เขา… คงจะเสียใจแน่เลย
อยากให้ลองสังเกตอาการตัวเองดูนะครับว่า ตอนที่เราจะควักเงินเพื่อซื้อของในราคาที่ถูกมากๆ ถึงขั้นแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย สิ่งๆนั้นจะได้ใช้จริงๆเหรอ หรือเราซื้อเพียงเพราะตัดความรำคาญในใจหรือเปล่า สุดท้ายทุกอย่างก็จะมากองกันที่บ้านของคุณ เกิดความรก ฝุ่นจับ และความสกปกก็ตามมา เผลอๆ เราเก็บของชิ้นนั้นนานจนเราลืม มาเจออีกทีของก็หมดอายุเสียแล้ว เพราะวัสดุทุกประเภทมีอายุการใช้งานนะครับ
ตั้ง “สติ” ให้ดีเมื่อเจอป้ายลดราคา ต้องระมัดระวังอย่าโดนป้ายลดดึงความสนใจจากคุณ ถ้าเป็นของที่ไม่จำเป็นสำหรับเราก็เดินผ่านไปได้เลย และเราก็จะมีเงินเก็บขึ้นทันทีแทนที่จะเสียกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช้จำนวนเงินที่มากอะไรนัก แต่ถ้าหากรวมๆกันแล้วระยะเวลาหนึ่งปี ก็ถือว่าเยอะมากพอที่จะนำไปท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆได้
เชื่อเถอะครับ... ถ้ายิ่งคุณฝึกนิสัยเดินผ่านป้ายลดราคาได้มากเท่าไหร่ (ฉันใด) เงินในกระเป๋าสตางค์คุณก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น (ฉันนั้น) และจะได้มีเงินจับจ่ายใช้สอยกับสิ่งที่จำเป็นจริงๆได้มากขึ้น
ชีวิตที่เรียบง่ายเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ห้องนอนเรา ห้องที่ที่เราสามารถคอลโทลจัดระเบียบได้แต่เพียงผู้เดียว คนส่วนใหญ่มักเก็บของที่ไม่ได้ใช้กระจัดกระจายไปหลายมุมของพื้นที่บ้าน และหวังว่าสักวันนึงเราจะได้ใช้มัน
ลองคิดในทางกลับ ถ้าเรานำสิ่งของชิ้นนึงที่เราไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานาน เราพอจะนำเป็นประกาศขายได้ไหม หรือพอจะบริจาคได้ไหม เพราะการที่เราส่งต่อสิ่งที่เราไม่จำเป็น สิ่งๆนั้นจะมีประโยนช์ขึ้นมาทัน และทำคุณประโยนช์ได้มากกว่าที่จะมาวางนอนนิ่งอยู่ที่บ้านเรา และเราก็จะได้พื้นที่ว่างกลับคืนมาเพื่อใช้สอยในเรื่องอื่นๆได้อีก
ข้อคิดนี้ วินวินทั้งคู่ ทั้งคนที่ได้รับสิ่งของ และเราที่ได้รับเงินกลับมาพร้อมกับพื้นที่ว่าง
คุณลองคิดดูนะครับว่า พื้นที่ 1 ตรม. ของบ้านคุณ มีราคาเท่าไหร่ วิธีคิด นำราคาบ้านหารตามจำนวน ตรม. ทั้งหมด ก็จะได้ราคาต่อ ตรม.
เห็นแล้วราคาไม่ถูกเลยใช่ไหมครับ ^^
ก่อนที่เราจะซื้ออะไร ลองถามตัวเองดูครับว่า เราซื้อเพียงเพราะคนอื่นเขาซื้อกัน เราเลยต้องซื้อ หรือเราอยากได้ของชิ้นนั้นจริงๆ
บางเดือนเราอาจจะใช้เงินเดือนชนเดือน เพียงเพราะจะต้องผ่อนบัตรเครดิต 0% 10 เดือน กับสิ่งที่เราก็ไม่ได้อยากจะได้มาครอบครองเลย แต่ของมันต้องมี เลยต้องซื้อตามกระแสสังคม
ลองถามตัวเองดูครับว่า เราอยากจะดูรวยจริง หรือเราอยากจะรวยปลอมๆ ไม่มีใครมองเราออกครับว่ารวยจริงหรือรวยปลอม มีแต่เราเท่านั้นที่จะตอบตัวเองได้
ผมอยากจะแนะนำว่า ถ้าเราเจอสิ่งที่อยากได้ ลองกลับบ้านไปนอนคิดที่บ้านสักหนึ่งถึงสองคืนก่อนครับ ถ้าวันถัดมายังอยากได้ของชิ้นนั้นอยู่ และพร้อมที่จะเสียเวลาเดินทางเพื่อไปหาของชิ้นนั้นละก็... ซื้อเถอะครับ ผมเชื่อว่า คุณจะรักและอยู่กับสิ่งของสิ่งนั้นไปอีกนาน
ขอยกอีกตัวอย่างนึงนะครับ ขอเป็นการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ
ความสามารถของโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องนั้นอยู่เหนือการใช้งานของเราเยอะมาก คุณเคยใช้งานได้เกินประสิทธิภาพของเครื่องโทรศัพท์คุณไหม นอกเสียจากถ่ายเพื่อเก็บรูปและวิดีโอจำนวนมาก
ลองถามตัวเองดูครับว่า เราสามารถซื้อโทรศัพท์รุ่นที่ถูกลงมาอีกสักหน่อยได้ไหม จากราคา 40,000 บาท หรือแค่ 20,000 บาท ซึ่งราคาส่วนต่าง เราสามารถนำไปทำอะไรได้อีกเยอะเลยนะครับ เช่น ออมเงิน, เก็บเงินเผื่อฉุกเฉิน 6 เดือน, นำเงินไปลงทุน, เป็นเงินทุนในการทำตามเป้าหมาย เงินส่วนนี้ก็จะเป็นกำลังหลักที่จะทำให้มันเกิดขึ้นจริง, หรือนำเงินไปหาประสบการณ์ อาทิ ท่องเที่ยว(ข้อนี้ผมชอบมาก ^^)
ลองจดออกมา 5 ข้อ สำรวจการใช้งานโทรศัพท์มือถือของตัวเองดูว่า ปกติเราใช้อะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น Chat, ถ่ายรูป, แต่งภาพ, โอนเงิน, ใช้โทรเข้า-ออก เป็นต้น ลองดูว่า จะใช้โทรศัพท์รุ่นที่ประหยัดลงมาได้อีกไหม ตอบโจทย์ทุกข้อที่กล่าวมาหรือเปล่า ถ้าตอบโจทย์ได้หมดข้อ เราก็ประหยัดลงมาได้กว่าครึ่งของราคาเต็มเลยทีเดียว
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
ความสุขของเราไม่เท่ากัน ถ้าหากว่าการซื้อของที่ไม่จำเป็นสามารถสร้างความสุขให้คุณผู้อ่านได้ก็ซื้อเถอะครับ ถ้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไร หรือถ้าการมีเงินเก็บสามารถสร้างความสุขและความปลอดภัยให้กับชีวิตคุณ ก็เก็บออมเถอะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นการออมเงินยังไงก็ดีกว่า
สุดท้ายแล้วจริงๆ
คนส่วนใหญ่มักจะตั้งคำถามที่ว่า “เรามีมากเท่าไหร่ถึงจะพอ” ลองเปลี่ยนคำถามมาเป็น “เรามีน้อยเท่าไหร่ถึงจะพอ”
อยากจะฝากคำถามสุดท้าย ให้คุณตอบตัวเองนะครับ ^^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา