3 มิ.ย. 2022 เวลา 07:48 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Nice View ภาระผลักดันให้ประสบความสำเร็จ
หลังจากดำนำดูไปแล้ว ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ซับอังกฤษจะมา ปรากฏว่าดีกว่านั้นอีกคือมีซับไทยในช่อง Netflix เป็นเรื่องเป็นราวกันเลยดีทีเดียว
สาเหตุที่รอดูเรื่องเพราะอี้หยางเชียนชี เชื่อสายตา รสนิยม ในการเลือกเล่นหนังและซีรีส์ของเขา
ตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ตัดสินใจเลือกงานเองนี่ ยังไม่เคยผิดหวังกับหนังและซีรีส์ที่เขาเล่นสักเรื่อง
Nice View เป็นเรื่องราวของจิ้งฮ่าว หนุ่มวัย 20 ที่มีภาระหนักเกินวัย นอกจากต้องเลี้ยงดูจิ้งถิงน้องสาวคนเดียวเพราะแม่เสียชีวิต(พ่อไม่ปรากฏ) ยังต้องหาเงินหลายแสนมาเป็นค่าผ่าตัดหัวใจของน้อง
เขาดิ้นรนหาเงินทุกทาง แล้วก็พบหนทางในการหาเงินจำนวนมากในเวลาอันจำกัดด้วยการลงทุนซื้อโทรศัพท์เก่าที่ไม่ผ่าน QC มาแกะอะไหล่ที่ยังใช้ได้ กลับไปขายให้บริษัทโทรศัพท์ แต่เงื่อนไขโหดมาก แถมต้องเจออุปสรรคมากมายกว่าที่เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงด้วยรอยยิ้ม
พล็อตแบบนี้จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรใหม่ เป็นแนวให้กำลังใจผู้คน ออกจะวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง
ความน่าสนใจจึงไปอยู่ที่บท การดำเนินเรื่อง และนักแสดง ว่าจะทำให้คนดูอินได้มากน้อยแค่ไหน
สำหรับบท แม้เส้นเรื่องหลักจะออกแนวรันทรด เพราะพี่ชายทำงานหนักแบบบ้าคลั่งมากเพื่อหาเงินค่าผ่าตัดให้น้องสาว แต่ก็มีความตลก ความน่ารัก แทรกเป็นระยะ ดังนั้นถึงจะน้ำตาท่วมหลายฉาก แต่ก็ไม่ได้หม่นหมองจนเกินไป
หากจะมองอีกมุมหนึ่ง การที่จิ้งฮ่าวมีภาระสาหัสขนาดนี้ คือแรงผลักดันให้เขาต้องสร้างธุรกิจของตนเองและประสบความสำเร็จในที่สุด เพราะลำพังแค่หาเงินส่งเสียเลี้ยงดูน้องสาวคนเดียวให้เติบโตตามปกติ คงไม่ต้องทำอะไรขนาดนี้ แต่ด้วยเงื่อนไขเวลาที่ไล่หลังมาทำให้เขาจำต้อง คิดใหญ่ ทำใหญ่ เสี่ยงสูง เพราะเดิมพันคือชีวิตของน้องสาว
ความต้องการส่วนตัวของจิ้งฮ่าวนั้นแสนจะเรียบง่าย เขาแค่อยากกลับไปเรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป
ภาระและความยากจนข้นแค้นผลักไสเขาไปได้ไกลกว่าที่ทุกคนคิด
หนังนอกจากเป็นกำลังใจให้พี่น้องสู้ชีวิตคู่นี้แล้ว ยังให้กำลังใจกับบรรดาลูสเซอร์ทั้งหลายด้วย เพราะพนักงานที่จิ้งฮ่าวรับมาทำงาน ล้วนแต่เป็นผู้คนที่บริษัทห้างร้านทั่วไปไม่ยอมรับเข้าทำงานแน่ ๆ
ถ้าเป็นเวลาปกติ จิ้งฮ่าวก็คงไม่รับเช่นกัน แต่เวลานั้นไม่มีทางเลือกอื่น และก็กลายเป็นว่าแก๊งลูสเซอร์แก๊งนี้คือกัลยาณมิตรตลอดชีวิตของเขา
ท้ายที่สุดทุกคนก็ได้ลืมตาอ้าปากไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของบริษัท
เหมือนหนังจะบอกว่า ความสำเร็จไม่มีให้เฉพาะคนเก่งเท่านั้น
2
สิ่งดีงามอีกเรื่องคือภาษาภาพของหนังเรื่องนี้ โปดักส์ชั่นละเอียด จะว่าไปหนังจีนยุคใหม่ มาตรฐานก็ไม่ต่างจากนี้สักเท่าไหร่
สำหรับนักแสดง ทั้งนักแสดงนำและนักแสดงสมทบ คือส่วนที่โดดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้
 
อี้หยางเชียนชี- จิ่งฮ่าว นั้น ไม่มีข้อสงสัยนานแล้วเรื่องฝีมือการแสดง ตอนดำน้ำดู ฟังออกไม่กี่ประโยคก็ยังน้ำตานองไปแทบทุกฉากระหว่างพี่น้อง แต่ตอนนั้นยังคิดว่าชอบที่เขาเล่น A Little Red Flower มากกว่า
พอมาดูแบบเข้าใจทุกประโยคและภาพคมชัดกว่า ขอถอนคำพูด เรื่องนี้เห็นพัฒนาการแสดงอย่างชัดเจน ตีความตัวละครได้ละเอียดกว่า A Little Red Flower มาก
ได้ดูเบื้องหลังคลิปหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ช่วยผู้กำกับหรือเปล่า แต่เป็นทีมงานให้สัมภาษณ์ประมาณว่า เขาไม่เคยเห็นอี้หยางเชียนชีท่องบท แต่เมื่อถึงเวลาถ่ายทำ อี้หยางเชียนชีก็กลายเป็นตัวละครนั้นไปในทันที
แม้ว่าบุคลิกของจิ้งฮ่าว จะดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเพราะภาระที่แบกอยู่หนักหนากว่าคนในวัยเดียวกันหลายเท่า หน้าจึงเหมือนอมทุกข์ตลอดเวลา แต่อี้หยางเชียนชีสามารถทำให้คนดูเห็นถึงระดับความเศร้า อารมณ์ที่แตกต่างในแต่ละฉากได้อย่างชัดเจนทั้งที่หน้ายังอมทุกข์นี่แหละ เรียกว่าโดนตัวละครกลืนไปแล้วเลยก็ได้
ถ้าถามถึงฉากทีชอบ ต้องบอกว่าชอบทุกฉาก (ฮา)
ที่ชอบมากเป็นพิเศษ คือตอนทีทุกคนต้องออกจากโรงงานเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า จิ้งฮ่าวนั้นเรียกว่าสิ้นหวังแล้ว แต่ตอนที่แก๊งพนักงานมาหาและช่วยกันแก้ปัญหาให้ สีหน้าจิ้งฮ่าวมีทั้งความหวังและความซาบซึ้งใจ โดยไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
อีกตอนคือ เมื่อเจ้าของบริษัทที่จะรับซื้ออะไหล่ให้ไปพบเพื่อบอกว่าเขาทำสำเร็จแล้ว และต้องการทำธุรกิจต่อด้วยสัญญามูลค่า 5 ล้านหยวน สายตามีแววดีใจแต่ก็เต็มไปด้วยความกังวล คำถามที่ถามซีอีโอบริษัทใหญ่ ยังคงเป็นความคิดของเด็กหนุ่มผู้ยังไม่ประสีประสากับการทำธุรกิจใหญ่ขนาดนี้
ส่วนฉากกับถิงถิง ชอบทุกตอนที่อยู่กับน้อง เรื่องนี้ไม่แปลกใจ เพราะในชีวิตจริงอี้หยางเชียนชีได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายในฝัน รักน้องจริงจัง เอ็นดูเด็กทุกคนอยู่ในสายเลือด นักแสดงรุ่นพี่ผู้ร่วมรายการ Let go my baby 2 ถึงกับออกปากว่า เขาไม่ค่อยพูดก็จริง แต่เป็นคนอบอุ่นมาก จนเด็ก ๆ ชอบเขาทุกคน ไม่ว่าเด็ก ๆ จะดื้อ หรืองอแงงขนาดไหน เชียนชีเกอเกอเอาอยู่หมด
ฉากพี่น้องที่ชอบมากคือตอนที่ถูกไล่ออกจากห้องเช่าแล้วต้องมานอนที่โรงงานวันแรก จิ้งฮ่าวนั่งอยู่ข้าง ๆ ถิงถิงที่หลับไปแล้วมีน้ำตาหยดออกมา(อันนี้ยกนิ้วให้ฮาหลินเลย ) พี่ชายน้ำตาร่วงอยู่เงียบ ๆ
ส่วนคนดูนั้นน้ำตาท่วมไปเรียบร้อย
ฮาหลิน - จี้ถิง เกินคาดมากสำหรับเด็กอายุ 8 ชวบ ตอนออกรายการ Let go my baby 1-2 ยังเป็นเบบี้งอแง แต่ตอนนี้คาดหมายอนาคตในวงการบันเทิงได้เลย เล่นหนังเรื่องแรกได้ขนาดนี้ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ฮาหลินกับอี้หยางเชียนชี เคยร่วมรายการ Let go my baby 2 ด้วยกัน และก็เป็นอี้หยางเชียนชีนี่แหละ ที่อุ้มกล่อมฮาหลินอายุ 4 ขวบจนหลับคามือมาแล้ว ตอนนั้นอี้หยางเชียนชีอายุ 17 ระหว่างการทำรายการยังต้องมีแว่บไปเรียนหนังสือเพื่อเตรียมสอบเกาเข่าอยู่เลย
ฮาหลินให้สัมภาษณ์ถึงตนเองและเชียนชีเกอเกอว่า เมื่อก่อนหนูยังเป็นเด็ก เชียนชีเกอเกอก็ยังเป็นเด็ก แต่ตอนนี้เชียนชีเกอเกอเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่หนูยังเป็นเด็กอยู่
 
ตอบฉลาดจริง ๆ
ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหนัง
นักแสดงสมทบ เดอะแก๊งลูสเซอร์ ล้วนแต่เล่นดีทุกคน เป็นตัวเบรกความรันทรดทั้งปวงของสองพี่น้อง ฉากที่ขำที่สุดก็ตอนที่มีนักเลงมารังควานที่โรงงาน แต่กลายเป็นนักเลงถูกซ้อมสะบักสะบอมแทน
เรื่องนี้เข้าฉายที่จีนชนกับหนังรักชาติฟอร์มยักษ์เรื่อง watergate bridge ( The Battle at Lake Changjin 2) ก็ยังทำรายได้ไปถึง 1,400 กว่าล้านหยวน
สำหรับอี้หยางเชียนชี ในวัย 21 ปี กลายเป็นนักแสดงที่เกิดปี 2000 เป็นต้นมาคนแรก ที่หนังทำรายรวมกันเกินหมื่นล้านหยวน และหนังทุกเรื่องที่เล่นทำรายได้เกินพันล้านหยวนทุกเรื่อง
ตอนนี้รอดูเรื่องต่อไปแล้ว
เพิ่มเติม
อี้หยางเชียนซี และฮาหลิน ได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ Hundred Flowers Awards ทั้งคู่
อี้หยางเชียนชีได้จากเรื่อง Better Days ปี 2020
ฮาหลิน ได้จากเรื่อง Nice View ปี 2022 ที่เล่นด้วยกันอีกต่างหาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา