9 มิ.ย. 2022 เวลา 13:15 • ปรัชญา
๗. สุดปลายแผ่นดิน
(จินตนิยายอิงประวัติศาสตร์ จากสุวรรณภูมิถึงเยรูซาเล็ม) มี ๑๗ บท
บทที่ ๑๖ สมณะโล้น
มันเป็นเวลาบ่ายของต้นฤดูร้อน หลังจากหะซัน สับบาร์ ได้หายสาบสูญไปจากกระท่อมหินแล้ว ๓ สัปดาห์ และความร้อนใจของอิสไมเลียและศิวนาทนั้นยังไม่เท่าของมิเรียมที่ยิ่งกว่าแดดยามเที่ยงกลางทะเลทราย พระสาวกของพระเยซูคริสต์ต่างได้แยกกันค้นหาหะซัน สับบาร์
มิเรียมและสหายได้ไปในทุกซอกแห่งภูผารอบๆ บริเวณก็หาได้พบร่องรอยของหะซัน สับบาร์ ไม่ ใจของเธอก็รุ่มร้อน และได้ไปสู่เบธเลเฮ็มบ้านเกิด คาดว่าหะซันอาจยังมีชีวิตอยู่และได้หนีจากเธอไปพักที่นั่น ไม่มีใครเชื่อมิเรียมเลย
ในที่สุดมิเรียมก็กลับขึ้นมายังเยรูซาเล็มภายใน ๓ วันด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
๓ สัปดาห์ของการหายไปของหะซัน มิเรียมพึมพำอยู่ในกระท่อมหินในกลางวันอยู่ลำพัง, โสหํ โสหํ ข้าพเจ้าคือพระองค์ เพื่อข่มความอาลัยถึงหะซัน สับบาร์ ที่เธอเท่านั้นเชื่อว่าเขายังอยู่
และก็เป็นเวลาช่วงนั้นเองที่ชายผู้หนึ่งได้ลงมาจากภูเขาและท่านได้ตั้งต้นเทศนาแก่ประชาชนด้วยน้ำเสียงอันประหลาด ท่านนุ่งกายด้วยผ้าสีเหลืองหม่นและศีรษะของท่านโล้นเกรียน รูปทรงอันสง่าและสงบเย็น และน้ำเสียงที่ส่งคลื่นแห่งเมตตาจิตได้แผ่เข้าสู่ใจของประชาชนที่มีจิตอันอ่อนโยนไร้มานะ ท่านระบุถึงความเชื่อในการฟื้นพระชนม์ของพระคริสต์ และท่านได้อธิบายถึงหลักกรรมที่เหล่าอิสราเอลมิเคยได้ยินมาก่อน
อิสราเอลทั้งหลาย! ใจมีธรรมชาติแห่งความหวานให้ชีวิตได้ดื่มกิน และนั่นคือแผ่นดินแห่งพันธสัญญาที่พระยะโฮวาเจ้าตั้งไว้ในพวกท่าน แผ่นดินคานาอันที่อุดมด้วยน้ำผึ้งอันหอมหวานและน้ำนม ท่านจะหาที่ไหนเล่า นอกจากในใจของท่านเอง
ยังมีผู้หนึ่งได้ประสูติแล้วที่ชมพูทวีป เป็นอัจฉริยบุรุษไม่มีใครเสมอเหมือน ได้ตรัสไว้แล้วซึ่งอริยสัจสี่เป็นแสงสว่างในชีวิต โอ อิสราเอลทั้งหลาย, ท่องพระนามของพระองค์ไว้เถิด คือศากยมุนีผู้ไม่มีใครเหมือนในไตรโลก ผู้เสด็จมาแล้วเพื่อความสุขของมหาชน”
ดูเหมือนว่าในขณะที่ท่านสมณะโล้นกำลังประกาศพระนามศากยมุนีของท่านเอง มหาเมฆได้ตั้งเค้าขึ้นทุกทิศและท้องฟ้าได้มีประกายแลบแปลบปลาบ พายุในทะเลทรายอันแห้งแล้งได้พัดโหมเป็นฝุ่นฟุ้งตลบและครู่เดียวก็สงบเงียบอย่างประหลาด แล้วท้องฟ้าก็พลันกระจ่าง
พระสมณะโล้นได้ก้าวลงจากเนิน ท่านจากไปแล้ว ไปพร้อมกับเสียงครืนภายใต้เมฆฝนและได้ทิ้งความแจ่มกระจ่างไว้ที่เนินเขาแห่งนั้น มิเรียมซึ่งนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเหล่าหญิงอิสราเอลได้ตะลึงในคำสอนของท่าน!
พระสมณะโล้นท่านได้เที่ยวประกาศพระนามของศากยมุนีและคำสอนไปทั่วเยรูซาเล็ม
ท่านได้ประกาศอริยสัจที่ไม่ต้องอิงพระผู้เป็นเจ้า ประชาชนทั้งเชื่อและไม่เชื่อ บ้างก็เกลียดชังศีรษะอันโล้นของท่าน รวมทั้งคำสอนเรื่องทุกข์และการดับทุกข์ เขายังต้องการอ้อนวอนพระยโฮวาของเขา
แม้พระสมณะโล้นจะประกาศเรื่องความจริงแห่งชีวิตอยู่เท่าใด ประชาชาติอิสราเอลทั้งหลายก็ยังหัวเราะเยาะและเบียดเบียนท่านด้วยวาจาและก้อนหิน
คริสตจักรบางแห่งก็ยินดีต้อนรับท่าน และบางแห่งก็ขับไล่ท่านไปในทันทีที่ท่านเอ่ยพระนามของพระศากยมุนี
ที่กลีลายท่านได้หยุดยั้งอยู่เพื่อประกาศ และคริสตจักรที่เมืองนั้นได้ยินดีต่อการมาของท่าน ท่านจึงเอ่ยพระนามของพระคริสต์และพระศากยมุนี, พระยะโฮวา,พระธรรมเจ้า,ชีวิตในอริยสัจสี่ และท่านได้สั่งสอนมรรคาที่ตั้งต้นด้วยปัญญาเพื่อบรรลุถึงพระธรรม บางคราวที่ท่านกำลังกล่าวอยู่กับชุมชน พวกปุโรหิตฟาริซายได้ต่อต้านและทำร้ายท่านร่วมกับกลุ่มคริสเตียน
ท่านเอ่ยถึงสุญตาที่ไม่มีใครเข้าใจได้ และเมื่อท่านได้สังเกตเห็นดังนั้นท่านจะเปลี่ยนเป็นกล่าวเรื่องต้นไม้แห่งชีวิตนิรันดรหรือต้นกัลปพฤกษ์ที่สรรพสิ่งที่ประสงค์ผลิผลอยู่นั่น!
ไม่ช้า, ข่าวของสมณะโล้นได้ร่ำลือไปไกลและแม้ท่านจะกระทำอย่างดีที่สุดตามวิธีของท่านแล้ว การปองร้ายต่อชีวิตท่านก็เริ่มก่อหวอด
ท่านถูกพิพากษาจากมหาปุโรหิตแห่งเยรูซาเล็มโดยอนุมัติของจักรวรรดิโรมันให้ตรึงเสียบนกางเขนเพื่อกำราบข่มขวัญคริสตจักรใหม่ในเยรูซาเล็มด้วย
ฝูงชนกำลังเบียดเสียดเพื่อจะดูพระสมณะโล้นที่เขากำลังโบยตีมาตลอดทาง
ศิวนาท, อิสไมเลียและมิเรียมกำลังเบียดเสียดอยู่ในกลุ่มชนเพื่อจะดูชายเคราะห์ร้ายนั้น เขาทั้งสามทราบจากคริสตจักรกลีลาย รายงานล่วงหน้ามาว่าชายเคราะห์ร้ายที่มีศีรษะโล้นนี้ได้ถูกส่งมาพิพากษา ณ เยรูซาเล็ม และในวันนี้คือวันประหารนักโทษผู้นั้น! และในขณะที่สมณะโล้นผ่านมาใกล้คนทั้งสาม ท่านได้โซเซมาเพราะความอ่อนระโหยจึงได้ถูกโบยด้วยแส้จากนายทหารโรมันผู้ควบคุมมา
ผ้าสีเหลืองหม่นของท่านขาดวิ่น และเป็นขณะเดียวกันสมณะโล้นนั้นทรุดล้มลงที่เบื้องหน้าของมิเรียมและศิวนาท เมื่อถูกโบยซ้ำท่านจึงเงยหน้าขึ้น และมิเรียมและศิวนาทก็สั่นสะท้านด้วยเรี่ยวแรงแห่งความตระหนกทั้งชีวิต เพราะว่าพระสมณะนั้นคือหะซัน สับบาร์!
“สุเมธะ! โอ สุเมธะ พระเจ้าของฉัน!”
มัจจุราชได้ยื่นหัตถ์ลงบนพระสมณะโล้น สุเมธะ หะซัน สับบาร์แห่งสุวรรณทวีป ณ เนินดินแห่งนั้น ไม่ไกลจากเนินกลโกธาที่ตรึงพระเยซูคริสต์เท่าใดนัก!
บทที่ ๑๗ โอ้ เยรูซาเล็ม!
(บทสุดท้าย)​
เงามืดทะมึนได้โรยกลีบกุหลาบดำแห่งกลางคืนครอบคลุมทั่วเยรูซาเล็ม
โอ, เยรูซาเล็ม หัตถ์ของเจ้าได้รอรับโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรแห่งพระยะโฮวา ดาวิดได้สร้างเจ้าขึ้นเพียงเพื่อประหารพระบุตรในนิเวศสถานแห่งพระบิดา และ โอ, สุเมธะภิกษุ ผู้ถูกตรึงกางเขน ณ ถิ่นมรณานี้ ทั้งตรึงอยู่ ณ ใจของมิเรียมธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
มิเรียมนั่งเพ่งสมาธิอยู่ในความมืดจนฟ้าสางและสีแดงอ่อนที่เรืองขึ้นทางขอบฟ้าได้มาพร้อมกับลมโชย จนประกายทองสะท้อนแวววาวอยู่ที่เกล็ดเมฆ และผมอันยาวของเธอพลิ้วไหว รุ่งอรุณของวันใหม่แห่งการตั้งต้นใหม่อันมาถึงพร้อมกับกองคาราวานของท่านโธมาและศิวนาทอันมิเรียมเฝ้าดูอยู่ลิบๆ เคลื่อนออกจากเยรูซาเล็มไปสู่สุดปลายแผ่นดินโลก
จบ...
หมายเหตุ​: เนื่องจากเป็นงานเขียนในรูปแบบนิยาย ซึ่งมีการวางเรื่องให้คลี่คลาย​ในภายหลัง ข้อความ​ที่โพสต์​ซึ่งเน้นไปที่การดำเนิน​เรื่อง อาจทำให้ขาดถ้อยคำสำคัญ​ไปได้
...
"สุดปลายแผ่นดิน" (จินตนิยายอิงประวัติศาสตร์ จากสุวรรณภูมิถึงเยรูซาเล็ม)​ เป็นผลงานวรรณกรรม ของท่านเขมานันทะเล่มเดียวที่เสนอในรูปแบบนิยาย ตีพิมพ์ครั้งแรก​เมื่อปี พ.ศ ๒๕๑๘ โดยครั้งนั้น ใช้ชื่อปกว่า "สุดปลายแผ่นดินโลก" และใช้นามปากกาว่า "มุนีนันทะ"
จินตนิยาย​เล่มนี้ เป็นเพียงข้อเสนอความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างศาสนา ท่านเขมานันทะ​เขียนในคำปรารภว่า ถ้ามีข้อผิดพลาด ซึ่งอาจนำความเสียหาย แก่ศาสนาใดแล้ว ผู้เขียนขอประทานอภัย เพราะไม่ได้เป็นจุดมุ่งหมายของการเขียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา