11 มิ.ย. 2022 เวลา 10:51 • ปรัชญา
เราสูงขึ้นได้ (อีก)
ตอน รักในสิ่งที่ทำ หรือ ทำในสิ่งที่รัก ดีกว่ากัน ตอน 2
หลังจากที่ได้เรียนจบโฆษณาออกมาก็เริ่มหางานทำ คะแนนเหรอครับ ก็ต้องบอกว่าดี แต่ได้ดีมาก ไม่ได้เกียรตินิยมครับ ผมไม่ใช่เด็กชอบเรียน เราชอบทำกิจกรรม ผมอยู่สโมสรกิจกรรมนักศึกษา และเป็นตัวพ่อของการทำสิ่งเหล่านี้ (ฮา) จนอธิการบดีท่านแซวว่าเอาแต่ทำกิจกรรมแล้วจะทำมาหารับประทานอะไร
เมื่อจบออกมาแล้วก็มีเรื่องตลกของชีวิตเล็กน้อยถึงปานกลางผมสมัครไปตามบริษัทใหญ่ๆ แต่ไม่มีที่ไหนรับเลยครับ คิดว่าน่าจะมาจากเรื่องคะแนนและจำนวนปีที่เราเรียนในมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่ง เนื่องจากตอนนั้นก็อยู่วิศวะเสียนานด้วยครับ ชอบทำกิจกรรมนักศึกษาอีก เลยทำให้จำนวนปีที่เรียนของเราก็ไม่น้อยเลยทีเดียว (ขออนุญาตไม่บอกนะครับ บอกแล้วอาจอายจนวิ่งไปให้รถชนตายได้)
ผมได้เข้าทำงานในบริษัทโฆษณาเล็กๆ 2 แห่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนสายไปทำอย่างอื่น เชื่อไหมครับว่าบริษัทปิดทั้ง 2 แห่ง (เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด)
มีบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งรับผม เจ้าของถามผมว่าหากมีลูกค้าเรียกให้ไปขายงานในวันอาทิตย์ไปได้ไหม แต่เนื่องจากผมเป็นคริสเตียน หลักการคือวันอาทิตย์เราต้องให้พระเจ้าครับ ผมจึงตอบไปว่าไม่ได้ ตัวเจ้าของดูท่าทางถูกใจในตัวผมจึงถามผมอีกครั้งพร้อมกับบอกว่าให้โอกาสอีกครั้งนึงและคำตอบในคราวนี้จะตัดสินว่าจะได้งานไหม ผมทราบได้ทันทีว่าเขาจะดูใจผม แต่ผมก็ยืนยันว่า ‘ไม่สามารถทำงานวันอาทิตย์ได้ครับ’
ผมรู้ดีว่าไม่มีลูกค้าเรียกไปขายงานวันอาทิตย์หรอก เพียงแต่ตัวเจ้าของต้องการจะดูใจผมเท่านั้น ถ้าตอนนั้นผมตอบว่าได้ครับ ก็จบ เราก็จะได้งานทำแล้ว ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมเริ่มหลุดออกจากการสมัครงานโฆษณาอย่างแท้จริง
ผมเริ่มรู้สึกว่าหรือว่าพระเจ้าจะบอกอะไรเรา (ต้องขออภัยที่มีเรื่องศาสนาความเชื่อปนเข้ามาในงานเขียนนะครับ) และในตอนนั้นเอง รุ่นพี่ที่มูลนิธิที่ผมไปช่วยงานอยู่ติดต่อมาว่า ต้องการให้ไปช่วยเหลือคนที่อัฟริกาสนใจไปไหม...
ตัวผมเองกลับรู้สึกไฟลุกไฟติด ไม่รู้ว่าไอความรู้สึกนี้มันคืออะไร มากจากไหน แต่ที่รู้ๆ คือแน่ๆ ว่าเราไม่มีทางปฏิเสธงานนี้อย่างแน่นอน ผมจึงตัดสินใจไปกับมูลนิธิโดยเซ็นสัญญาในการทำงานที่อัฟริกากับมูลนิธิเป็นเวลาหนึ่งปี
เรื่องราวที่สำคัญกำลังจะเริ่มต่อจากนี้ครับ ...
เมื่อผมครบสัญญาหนึ่งปี ผมก็กลับมาสู่ชีวิตของวัยรุ่นหางานต่อ ตอนนั้นเองก็มีจุดที่เรายังเชื่อว่าอายุเรายังได้กับคำถามที่ว่า ‘ทำอะไรเป็นอาชีพดี (วะ)’ จึงได้ตัดสินใจสมัครงานไปหลายๆ แบบเพราะเชื่อว่าเราน่าจะให้เวลาตัวเองในการค้นหาตัวเองอีกสักหน่อยหนึ่ง ก่อนจะลงหลักปักฐานกับอาชีพใดอาชีพหนึ่ง
ตอนนั้นก็ไปมาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเซลส์โรงแรมท่องเที่ยว เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ เป็นอีเวนท์ออกาไนซ์ เป็นMC เป็น DJ เป็นวิทยากร เอาให้หมดครับ
แต่สุดท้าย .......
เราก็ต้องมานั่งพิจราณาตนเองว่าเราคือใครกันแน่ เพราะเราทำมาหลายอย่างเหลือเกิน จนผมต้องหยุดและนั่งฟังเสียงหัวใจของตัวเอง (ในหลักการของคริสเตียนเรียกว่าเป็นการฟังเสียงแห่งพระวิญญาณ)
เรากำลังจะเลยจุดที่อายุของเราเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน สุดท้าย ผมก็ได้ยินเสียงในหัวใจว่า เรารักคนใช่ไหม ? เราชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ใช่ไหม ? ตั้งแต่ที่ผมเข้าสโมสรกิจกรรมนักศึกษาผมก็สังเกตว่าผมสนุกที่ได้ทำงานกับคน และลงเอยที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (และเป็นที่มาของงานเขียนบล๊อคนี้ว่าเราต้องการให้งานเขียนของเรามีประโยชน์กับใครสักคน)
The Starvation in Ethiopia
ผมจึงตัดสินใจมาเป็น HR หรือที่เรียกว่าฝ่ายบุคคลนั่นเองครับ HR มีหลายแบบครับ แต่แบบที่ผมเลือกที่จะเป็นคือ HRD หรือฝ่ายพัฒนาบุคลากรนั่นเอง ส่วนเรื่องอาชีพของผมก็มันส์และสนุกมากครับ มีโอกาสจะเล่าให้ฟังใน EP ต่อๆ ไปนะครับ
สำหรับในตอนหน้าผมจะนำ Diagram ที่ทำให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องการทำในสิ่งที่รัก หรือรักในสิ่งที่ทำแบบอย่างง่ายมาให้ดูกันนะครับ ...
โฆษณา