🌱 กัญชา กับทางการแพทย์
กัญชา ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ และมีการศึกษามากมาย เกี่ยวกับการใช้กัญชา จากสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ THC และ CBD
🔆 โรค และภาวะที่ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์
แบ่งเป็น
ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ได้ประโยชน์ ได้แก่
- ●ภาวะคลื่นไส้จากเคมีบำบัด
- ●โรคลมชักที่รักษาได้ยาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา
- ●ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis)
- ●ภาวะปวดประสาท (neuropathic pain)
- ●ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วย AIDs ที่มีน้ำหนักตัวน้อย
- ●การเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง
ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์น่าจะได้ประโยชน์ (ในการควบคุมอาการ) ได้แก่
- ●โรคพาร์กินสัน
- ●โรคอัลไซเมอร์
- ●โรควิตกกังวลทั่วไป
- ●โรคปลอกประสาทอักเสบ อื่นๆ เช่น neuromyelitis optica, autoimmune encephalitis
ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์อาจได้ประโยชน์ (ในอนาคต)
- ●การใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง
ใครบ้างที่ต้องระวังสารในกัญชา ☘️
คำแนะนำการใช้กัญชาทางการแพทย์ ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 (มกราคม 2564) ระบุข้อห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี THC เป็นส่วนประกอบ ดังนี้
* ผู้ที่มีประวัติแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารสกัดกัญชา ซึ่งอาจเกิดจากส่วนประกอบอื่นๆ หรือสารที่เป็นตัวทำละลายที่ใช้ในการสกัด
* ผู้ที่มีอาการรุนแรงของโรคหัวใจและปอด หรือมีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
* ผู้ที่เป็นโรคจิตมาก่อน หรือมีอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน หรือโรควิตกกังวล
* สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร รวมถึงสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่ไม่ได้คุมกำเนิดหรือวางแผนจะตั้งครรภ์ เนื่องจากมีรายงานทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย และพบสารกัญชาในน้ำนมแม่
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังอื่นๆ ได้แก่
* ผู้มีอายุต่ำกว่า 25 ปี เนื่องจากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากสาร THC ส่งผลต่อสมองที่กำลังพัฒนา
* ผู้ที่เป็นโรคตับ
* ผู้ป่วยที่ติดสารเสพติด รวมถึงนิโคติน หรือเป็นผู้ดื่มสุราอย่างหนัก
* ผู้ใช้ยาอื่นๆ เช่น ยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์ (Opioids), ยานอนหลับกลุ่มเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines) และยาวาร์ฟาริน (Warfarin) ซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด
* ผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยสูงอายุ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการมากเพียงพอในสองกลุ่มนี้
และเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดล
ได้แถลงการณ์และข้อเสนอแนะ เรื่อง การใช้กัญชา ดังนี้
1. ไม่ใช้กัญชาในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็ก และเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี โดยเด็ดขาด เพราะมีผลต่อการพัฒนาการของสมองทั้งในแม่และเด็ก
2. ไม่ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เช่น อาการทางจิต และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย
3. ไม่ใช้ "ช่อดอกกัญชา" เพื่อผสมในอาหาร และเครื่องดื่ม หากมีการผสมส่วนใดๆ ของ "กัญชา" ในอาหารและเครื่องดื่ม ต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน
4. ผู้ที่ใช้กัญชา ไม่ควรขับรถ หรือทำงานกับเครื่องจักร ในระยะ 6 ชั่วโมงหลังใช้กัญชา เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้สูง
5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคจิตประสาท โรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด ขอให้ปรึกษากับแพทย์ ที่ให้การรักษาก่อนใช้กัญชาเสมอ เพราะอาจมีผลต่อยา และการรักษาที่ได้รับอยู่
6. ผู้ปกครองและสถานศึกษา ควรดูแลให้เด็ก และเยาวชนห่างไกลจากกัญชา รวมถึงประชาชน ควรร่วมสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากอันตรายของกัญชา
7. ขอให้ภาครัฐ และภาคสังคม มุ่งให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้กัญชา และอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
8. ขอให้ภาครัฐ เร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดให้มีมาตรการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการติดตามดูแลการใช้กัญชาอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดสวัสดิภาพที่ดีแก่ประชาชนและสังคม
ติดตามเรื่องที่น่ารู้ series “กัญชา” บทความ อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ 👉 https://bit.ly/3n01afV
อ้างอิง:
คำแนะนำการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีการใช้ กัญชา ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข
คำแนะนำการใช้กัญชาทางการแพทย์ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 (มกราคม 2564)
กัญชา VS กัญชง ควาเหมือนบนความต่าง https://sciplanet.org/content/8707
ปลูก ปรุง ปุ๊น ควรระวังอะไรบ้าง หลังปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด โดย นพ.ชนาธิป ไซยเหล็ก https://thestandard.co/marijuana-cropping-caution/
Slide แนวทางการดูและผู้ป่วยในหัวข้อ "กัญชาทางการแพทย์ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย" สภาเภสัชกรรม วันที่ 18 มิถุนายน 2565
#กัญชา #กัญชาเสรี #Marijuana #hemp #กัญชง #ปลดล็อกกัญชา #cannabis #ยาเสพติด #CBD #THC #กัญชาทางการแพทย์ #กัญชา
#seeriesกัญชา #คู่หูแพทย์-เภ #แพทย์ชวนรู้ #เภชวนรู้
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
