The Matrix Revolutions (2003) เป็นภาพยนตร์ปิดไตรภาค ดิ เมทริกซ์ ที่เผยบทสรุปเส้นทางของผู้ปลดปล่อยอย่างนีโอกับชะตากรรมของไซออน ขณะที่โปรแกรมสมิธเติบโตและแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมทริกซ์ และสงครามอันสิ้นหวังระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกลก็กำลังดำเนินไปจนถึงจุดสุดท้าย
หนังเริ่มที่โซเรนสั่งการลูกเรือค้นหากัปตันไนโอบิและลูกเรือชื่อโกสท์ในเมทริกซ์แต่ไม่พบ มอร์เฟียสขอให้ช่วยค้นหานีโอด้วยแม้มันจะฟังดูพิลึกก็ตาม ไม่ทันไรมีการติดต่อมาจากเมทริกซ์โดยเซเรฟ เขาขอให้พรรคพวกของมอร์เฟียสไปพบเทพพยากรณ์
เมื่อมอร์เฟียสและทรินิตี้ไปถึงห้องที่นัดพบกันก็ประหลาดใจกับรูปลักษณ์ของเทพพยากรณ์ที่เปลี่ยนไป เธอคงได้รับผลกระทบบางอย่างซึ่งเมโรวินเจียนคงมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้ เธอบอกทรินิตี้ว่านีโอแยกกายกับจิตได้ทว่าจิตของนีโอติดอยู่ในพื้นที่ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับเมทริกซ์ พื้นที่นั้น (หรือก็คือซิมิวเลชั่นนั้น) มีโปรแกรมควบคุมชื่อเทรนแมนซึ่งทำงานให้เมโรวินเจียน และเซเรฟจะพาทั้งสองไปหาเทรนแมน
มอร์เฟียสเพ่งมองเทพพยากรณ์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อเรื่องราวทั้งหมดกลับตาลปัตรเขานั้นทั้งเสียใจและโกรธแค้นที่ถูกหลอก เทพพยากรณ์ไม่แก้ตัวอะไรและบอกเพียงว่าเพื่อนของคุณกำลังเดือดร้อน เขาต้องการความช่วยเหลือ
ขณะเดียวกันนีโอตื่นขึ้นมาในสถานที่คล้ายสถานีรถไฟใต้ดินชื่อ MOBIL AVE ที่นั่นเขาพบครอบครัวโปรแกรมประกอบด้วยสามี ภรรยาและลูกสาวหนึ่งคน นีโอพูดคุยกับชายผู้เป็นสามีเกี่ยวกับกรรมและความรัก เขากับภรรยาต้องไปจากเมทริกซ์ตามข้อตกลงระหว่างเขากับเมโรวินเจียน แล้วเทพพยากรณ์จะดูแลซาทีให้
ในเมทริกซ์ เซเรฟพาทรินิตี้กับมอร์เฟียสมาพบเทรนแมน ทว่าอีกฝ่ายตื่นตระหนกและเชื่อว่าเซเรฟคงมาร้ายก็ชักเบรกฉุกเฉินของรถไฟแล้วชิงจังหวะหนีลงรถไฟขึ้นชานชะลา ทั้งหมดยิงต่อสู้กันแต่เทรนแมนยิงแม่นมากไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสามเข้าถึงตัว จากนั้นกระโดดข้ามรางรถไฟไปอีกฝั่งหนึ่งที่มีประตูขณะมีรถไฟกำลังจะแล่นผ่าน แล้วเทรนแมนก็หายวับไป
ที่ MOBILE AVE มีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นมาเทียบชานชะลา นีโอแสร้งตามครอบครัวโปรแกรมขึ้นไปแต่ถูกเทรนแมนต่อยกระเด็นกระแทกผนัง “ฉันสร้างที่นี่ ที่นี่ฉันคือพระเจ้า” นีโอไม่อาจสู้เทรนแมนได้เลย หลังจากรถไฟแล่นออกไปนีโอก็วิ่งตามทว่าทะลุกลับมาโผล่ด้านตรงข้ามราวกับว่าเขาเดินวนเป็นวงกลม
มอร์เฟียสท้อและถอดใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงตัวเทรนแมน ทว่าทรินิตี้ร้อนใจเสนอให้ยกพวกไปเจรจากับเมโรวินเจียน มอร์เฟียสกับเซเรฟเห็นด้วยและทั้งสามฝ่าเข้าไปยังไนท์คลับส่วนตัวที่เมโรวินเจียนกับภรรยาอยู่ เทรนแมนก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อเปิดการเจรจาเขาเยาะเย้ยถากถางเซเรฟกับเทพพยากรณ์และเสนอข้อแลกเปลี่ยนระหว่างนีโอกับ “ดวงตาของเทพพยากรณ์”
ทุกคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ทรินิตี้มุทะลุดีเดือดต่อสู้กับบอดีการ์ดแล้วแย่งปืนมาจ่อกลางหน้าผากเมโรวินเจียนและขึ้นนกพร้อมยิง หล่อนพร้อมจะตายเพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ เมโรวินเจียนจำต้องเสียหน้า สั่งเทรนแมนพาทรินิตี้กับมอร์เฟียสไปรับนีโอกลับสู่เมทริกซ์
ก่อนออกจากเมทริกซ์นีโอไปพบเทพพยากรณ์ เขาเจอเด็กหญิงซาทีและพูดคุยกับเทพพยากรณ์เป็นครั้งสุดท้าย หล่อนยืนกรานว่าเส้นทางของหนึ่งเดียวคือกลับสู่แหล่ง หล่อนเห็นความมืดมิดกำลังมา มันจะปกคลุมเมทริกซ์และไม่หยุดเพียงแค่นี้ นีโอรู้ทันทีว่านั่นคือโปรแกรมสมิธและกลับเข้าร่างกายพร้อมความรู้สึกหนักอึ้ง
ขณะเดียวกันสมิธก็เข้าถึงตัวเทพพยากรณ์และคัดลองตนเองลงไปบนร่างของหล่อน ตัวเขาในร่างนั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ที่ไซออนมีคำสั่งอพยพและเกณฑ์คนมาเป็นกำลังเสริม ส่วนกัปตันและลูกเรือของยานที่อยู่ห่างออกไปนั้น โซเรนก็พบยานโลกอสและไนโอบิกับลูกเรือ ทุกคนปรึกษากันว่าจะช่วยไซออนโดยขับยานสองลำลงล่างฝ่าฝูงเซ็นติเนลไปดักอยู่ข้างหน้าเพื่อใช้ EMP สกัดการโจมตีได้สักระลอกหนึ่ง
ทว่าพอนีโอได้คุยกับทุกคนบนยานก็เข้าประเด็นทันทีว่าขอยานหนึ่งลำเพื่อเดินทางไปนครเครื่องจักร โซเรนหัวเสียขณะที่ไนโอบิยอมเชื่อใจยกยานโลกอสของตนให้ ทรินิตี้เลือกตามนีโอไปเพื่อช่วยขับยาน จากนั้นยานโลกอสก็เคลื่อนตัวออกไป หลังจากยานแฮมเมอร์เดินทางไปได้ครู่เดียวลูกเรือทั้งลำก็พบว่ามีเหตุฉุกเฉิน แม็กกี้ลูกเรือหญิงถูกเบนฆ่าตายและเขาน่าจะหนีไปอยู่บนยานโลกอส
ขณะเดียวกันบนยานโลกอส ทรินิตี้ก็ถูกเบนจับตัว นีโอเข้ามาช่วยและไม่เข้าใจว่าเบนเป็นบ้าอะไรขึ้นมา กระทั่งสู้มือเปล่าจนเบนแย่งปืนช็อตไฟฟ้าได้แล้วนีโอจึงได้รู้ว่าจิตที่อยู่ในร่างเบนคือสมิธ จังหวะที่สมิธจะยิงปืนทรินิตี้ตัดไฟพอดี นีโอจึงหลบแล้วเข้าต่อสู้พัวพันกับสมิธ ทว่าสมิธใช้สายไฟเส้นใหญ่ที่ขาดจี้ใส่หน้าจนตาสองข้างบอดสนิท
สมิธนึกว่าตนเองได้เปรียบแต่นีโอเห็นสมิธแล้ว ในรูปลักษณ์เดียวกับตอนอยู่เมทริกซ์ทว่าเป็นเปลวไฟสีส้มอย่างชัดเจน สมิธจึงโดนนีโอแย่งท่อเหล็กแล้วฟาดจนตาย
ทุกคนบนยานแฮมเมอร์ไม่อาจย้อนกลับไปช่วยนีโอได้ พวกเขาพยายามเคลื่อนที่เงียบ ๆ ผ่านฝูงเซ็นติเนลแต่ไม่สำเร็จจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน ส่วนที่ไซออนเมื่อสว่านยักษ์ดอกแรกเจาะทะลุโดมเข้ามา หุ่นรบทุกตัวในอู่เริ่มยิงปะทะฝูงเซ็นติเนลที่ทะลักเข้ามาเหมือนน้ำหลาก ดอกสว่านที่ร่วงลงพื้นนั้นมีกลไกเหยียดขายันตัวขึ้นตั้งตรงเพื่อเจาะลงไปอีก ทว่าฝ่ายไซออนก็มีพลรบที่แบกจรวดพยายามยิงทำลายสว่านยักษ์นี้ด้วย
มนุษย์ในไซออนตั้งรับอย่างจนตรอก ไม่นานนักจากสงครามก็กลายเป็นการสังหารหมู่ หมึกพิฆาตเซ็นติเนลนับหมื่นบินวนเวียนอยู่ในอู่จอดยานของไซออน อู่ที่เต็มไปด้วยซากเซ็นติเนล หุ่นรบและศพมนุษย์ ทว่ายานแฮมเมอร์ก็บึ่งอย่างทุลักทุเลจนมาถึงแล้วเสยประตูเข้าไป จากนั้นกดระเบิด EMP ทำลายวงจรอิเล็กทรอนิกซ์ของทั้งเซ็นติเนลและอุปกรณ์สื่อสารภายในอู่ทั้งหมด ช่วยยื้อเวลาให้มนุษย์ในไซออนรอดชีวิตอยู่ต่อได้อีกเล็กน้อย
ทางด้านยานโลกอส นีโอบอกทางให้ทรินิตี้ที่ไม่เข้าใจสักเท่าไรแต่ก็บินไปจนถึงทุ่งตัวอ่อน พอผ่านทุ่งตัวอ่อนถึงเขตรอบนอกของนครเครื่องจักร ป้อมปืนก็ทำงานยิงกระสุนระเบิดใส่ยาน
นีโอยื่นมือออกไปใช้พลังทำลายห่ากระสุนเหล่านั้นลุกไหม้วูบวาบพร้อม ๆ กับที่ทรินิตี้ขับยานฝ่าเข้าไป ทว่ามีเซ็นติเนลมากมายเข้ามาโจมตียานจนนีโอรับมือไม่ไหวจึงให้ทรินิตี้หันหัวยานขึ้นฟ้า ยานโลกอสพุ่งฝ่าเมฆหมอกดำมืดที่มีพายุกระแสไฟฟ้า เซ็นติเนลที่เกาะยานถูกไฟฟ้าช็อตร่วงหล่นลงพื้น ส่วนยานโลกอสพุ่งทะลุขึ้นไปจนได้พบท้องฟ้าโปร่ง
ทรินิตี้เป็นมนุษย์คนแรกและคนเดียวในรอบหลายร้อยปีที่ได้เห็นท้องฟ้าสีครามและสัมผัสแสงอาทิตย์ เพียงสองวินาทียานโลกอสก็ตกกลับลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง ทรินิตี้ติดเครื่องยานได้สำเร็จแต่ไม่อาจประคองยานได้อีก ยานทั้งลำจึงพุ่งชนโครงสร้างบางอย่างของนครเครื่องจักร นีโอบาดเจ็บแต่ทรินิตี้เสียชีวิต ก่อนตายหล่อนกำชับให้นีโอทำตามที่ตั้งใจมาให้สำเร็จแม้หล่อนจะไม่ได้ตามไปด้วย
เมื่อนีโอไปถึงนครเครื่องจักร เขาได้พบและพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ของที่นี่ในรูปลักษณ์เม่นทะเลยักษ์ที่ปล่อยหุ่นขนาดเล็กออกมารวมตัวกันเป็นหน้าคล้ายเด็กทารก แต่สิ่งที่นีโอมองเห็นคือดวงแสงเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์ สิ่งนี้น่าจะเป็นเจตจำนงหรือพระเจ้าแห่งเหล่าจักรกล เขาต่อรองกับมันว่าจะช่วยกำจัดโปรแกรมสมิธที่เป็นภัยกับเมทริกซ์แลกกับสันติภาพระหว่างมนุษย์กับจักรกล จากนั้นนีโอก็เชื่อมต่อเข้าสู่เมทริกซ์
ขณะเดียวกันมนุษย์ในไซออนกำลังเตรียมจะต่อสู้ครั้งสุดท้าย หลังจากเสียอู่แล้วพวกเขาทำได้เพียงถอยลึกลงไปใต้ดิน ตัดช่องทางและวางกำลังดักหวังให้เซนติเนลบุกเข้ามาเพียงทางเดียว
แต่แล้วจู่ ๆ ฝูงเซ็นติเนลกลับเปลี่ยนพฤติกรรมจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกที่บินก็บินวนเวียนรอบโครงสร้างไม่มีท่าทีคุกคาม ส่วนพวกที่อยู่ใกล้ปากทางยิ่งแล้วใหญ่ หลังจากมันลงจอดบนพื้นด้วยท่าทีขึงขังแล้วมันกลับย่อตัวแฟบลงพร้อมกับเปิดเสาอากาศรับสัญญาณบางอย่าง แสงไฟสีแดงจากตาหรี่ลงและส่งเสียงครืนครางเบา ๆ ทั้งหมดไม่ใช่ท่าทางพร้อมต่อสู้ตามปกติ
พอนีโอล็อกอินเข้าสู่เมทริกซ์เขาก็พบการต้อนรับสุดสะพรึง สภาพอากาศแปรปรวนจากฝนฟ้าคะนองร่วมกับผู้คนมากมายยืนเรียงแถวอยู่สองข้างทางและยืนจ้องมองเขาจากบนอาคาร ทว่าคนเหล่านั้นใส่สูทและแว่นตาดำ เป็นรูปลักษณ์ของสมิธทั้งหมด
นีโอต่อสู้กับสมิธอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างวินาศสันตะโร ไม่ว่าอาคารจะพังกี่หลังพื้นทะลุกี่หลุมทั้งคู่ก็ยังไม่หยุด ทั้งคู่แค่บาดเจ็บทว่าไม่มีใครตายและนีโอก็ไม่ยอมแพ้จนสมิธหัวเสีย นีโอยืนกรานจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด สมิธจึงเลือกจะดูดกลืนนีโอ เขาทิ่มมือทะลุอกปล่อยของเหลวสีดำเหมือนน้ำมันดินแผ่เยิ้มท่วมร่างนีโอ พลันร่างนั้นก็กลายเป็นสมิธ
ขณะเดียวกันที่นครเครื่องจักร เมื่อเจตจำนงแห่งเครื่องจักรในรูปร่างเม่นทะเลยักษ์รับรู้รหัสของสมิธผ่านร่างนีโอ มันก็ชำระล้าง ลบโปรแกรมสมิธด้วยการประจุพลังแสงสีขาวเจิดจ้าลงในร่างนีโอ พร้อมกันนั้นในเมทริกซ์ร่างของสมิธที่เพิ่งถูกทำสำเนาก็มีแสงเปล่งออกมาจากขอบแว่นดำก่อนจะเกิดรอยร้าวแล้วแตกสลายไป สมิธที่นึกไม่ถึงว่าจะโดนเล่นงานแบบนี้ก็ผงะจนแทบจะพูดไม่ออก
“มะ ไม่ ๆ ๆ ไม่ยุติธรรมนี่หว่า”
หลังจากนั้นสมิธทุกคนที่ถูกทำสำเนาก็แตกสลายไปแบบเดียวกัน รวมทั้งตัวของสมิธที่สู้กับนีโอด้วย และที่นครเครื่องจักร หลังจากร่างของนีโอแน่นิ่งแล้ว สายเชื่อมต่อทั้งหมดก็ถูกปลดออก มีหุ่นยนต์นำร่างของเขาหายลับไป
ฝูงเซ็นติเนลที่ไซออนถอนตัวกลับออกไป ทุกคนดีใจว่าสงครามยุติลงแล้ว
เมทริกซ์เองก็คืนสภาพกลับเป็นปกติ สถาปนิกเดินมาคุยกับเทพพยากรณ์ว่าหล่อนเล่นเกมอันตราย หล่อนตอบว่าเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วถามว่าเขาจะทำอย่างไรกับมนุษย์ที่ปฏิเสธเมทริกซ์
“ทุกคนจะได้ออกไป”
เขาตอบพร้อมกับเดินจากไป แล้วเซเรฟกับซาทีก็เดินมาสมทบกับเทพพยากรณ์ ทั้งหมดมองดูพระอาทิตย์ขึ้น มันฉายแสงเจิดจ้าราวกับขานรับยุคใหม่ของเมทริกซ์ รุ่งอรุณแห่งสันติระหว่างเครื่องจักรกับมนุษย์ซึ่งจะคงอยู่ตราบเท่าที่มันจะเป็นไปได้
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
