2 ก.ค. 2022 เวลา 12:20 • ธุรกิจ
ระหว่างคน VS งานอะไรน่าปวดหัวกว่ากัน!
ถ้าพูดถึงเรื่องอุปสรรคในการทำงานคงหนีไม่พ้นในเรื่องของเพื่อนร่วมและงาน(ที่หนักเกินไป) เพราะสองอย่างนี้เป็นถือเป็นสิ่งที่ชวนน่าปวดหัวไม่ใช่น้อย
ประโยคที่ว่า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก”คงไม่เกินจริงเท่าไหร่สำหรับเรื่องนี้
เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาตีแผ่ความจริงของเรื่องนี้กัน ว่าจริงๆแล้ว ระหว่างคน VS งาน อันไหนมันน่าปวดหัวกว่ากัน แล้วเราจะต้องรับมือกับความ Toxic นี้ยังไง มาดูกัน!
“4 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเพื่อนร่วมงานของคุณน่าปวดหัว”
1. สื่อสารไม่ดี บรีฟงานไม่เลิศ - ในแง่ของการทำงานถ้าเราเจอเพื่อนร่วมงานที่สื่อสารเป็นเลิศ บรีฟงานเคลียร์ แน่นอนว่างานนี้มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
แต่ถ้าเจอคนที่สื่อสารไม่เก่ง แจกแจงงานเพื่อส่งต่อไม่ได้ รับรองว่างานนี้เราเหนื่อยชัวร์ ซึ่งสิ่งที่เราควรทำคือต้องเจรจา ไกล่เกลี่ยและรีเช็คข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานอย่างละเอียดเพื่อกันความผิดพลาดและข้อขัดแย้งที่จะตามมาได้ในภายหลัง
1
2. มีข้อมูลแต่ไม่อยากแชร์ – ถือเป็นเรื่องปกติและฮอตฮิตในองค์กรที่ทุกคนสามารถเจอกันได้ สำหรับการปกปิดข้อมูล การกันซีนของเพื่อนร่วมงาน คงเป็นเรื่องที่น่าเซ็งอยู่ไม่น้อยถ้าต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ถ้าคุณต้องรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้คุณก็ต้องรับให้ได้!
เคล็ดลับของเราคือต้องแชร์ข้อมูลในส่วนของเราก่อน เพื่อส่งต่อให้เพื่อนร่วมงานเห็นว่ามันมีส่วนไหนที่ต้องเชื่อมโยงกันบ้าง ชี้ให้เห็นไปเลยว่าเราจำเป็นต้องมีข้อมูลในส่วนของเขามาซัพพอร์ตเพื่องานออกมา Perfect ที่สุด!
3. เคลมผลงานเก่ง – การให้เครดิตหรือการเคลมผลงานถือเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟและสำคัญที่สุดสำหรับคนทำงาน เพราะมันคือแสดงผลงาน Performance ของเราให้คนอื่นได้รับรู้
แต่มันก็จะมีคนบางประเภทที่ทำ 5 แต่อยากได้ 10 หรือลืมไปว่าจริงๆแล้ว งานทุกงานจะสำเร็จได้นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือการทำงานกันเป็นทีม
เพราะฉะนั้นถ้างานออกมาดีเลิศ ใครทำดี เราก็ควรจะให้เครดิตคนอื่นเพื่อให้ความแฟร์กับเพื่อนร่วมงาน การทำงานจะได้ราบรื่นไม่มีปัญหา
4. งานนี้พี่เอาอยู่ (ตลอด) – การประเมินสถานการณ์ในการทำงานใหญ่ โปรเจคใหญ่เป็นเรื่องที่สำคัญที่ควรทำ
เพราะต้องมองภาพรวมให้ออกเพื่อแจกแจงงานและส่งต่อให้กับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวแล้วเอาตัวไม่รอดนอกจากงานจะไม่เดิน ระบบการทำงานเราสลวนแน่นอน!
เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ไว้ใจเพื่อนร่วมงาน หรือ คนอื่นๆที่เข้าพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วย และมอบหมายงานให้เหมาะสมกับศักยภาพของคนๆนั้น เพื่อจะได้เอางานอยู่จริงๆนะจ๊ะ
“งาน (หนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก)”
4 โรคที่บ่งบอกว่าคุณกำลังทำงานหนักมากเกินไป
1. โอ๊ย เครียด ปวดหัวไมเกรน – เป็นโรคยอดฮิตของวัยทำงานที่แท้ทรู เพราะสภาวะความกดดัน ความเครียดของงานย่อมส่งผลต่อร่างกายได้อย่างชัดเจน
ถ้าเกิดเรามีอาการปวดหัวเรื้อรัง หลังต้นคอ เบ้าตา แน่นอนแล้วว่าเราเข้าข่ายการเป็นโรคเครียดสะสม หรือ ปวดหัวไมเกรนอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นไม่ควรละเลยเรื่องสุขภาพ คุณต้องวางปากกา ลุกออกจากหน้าคอมแล้วพักสายตา หรือ ออกไปเดินเล่นสัก 10 นาที เพื่อให้สมองได้พักและคลายความเครียดต่างๆลง ดื่มน้ำส้มเย็นๆ ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ!
2. กรดไหลย้อนจ๋า พี่มาแล้ว – ไม่มีนกตัวไหนบินแล้วไม่พักเหนื่อย คุณเองก็เหมือนกัน! ถ้ามันถึงเวลาที่ต้องพัก ก็ต้องพักนะ
เช่น พักเที่ยงก็ควรจะมูฟตัวเอง ออกไปหาของอร่อยที่มีประโยชน์กิน ทานอาหารให้ตรงต่อเวลา เพื่อเติมพลังให้กับตัวเองในวันนั้น จริงๆการได้กินของอร่อยก็ถือเป็นรางวัลชีวิตอย่างนึงนะ อย่าปล่อยให้ท้องร้อง กรดไหลย้อนถามหาเลย เพราะค่ารักษามันไม่ถูก!
3. ปวดหลังมา(นาน)แล้วนะ – การนั่งทำงานผิดท่า หรือ นั่งหน้าคอมนานๆ ล้วนส่งผลให้เกิดอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมได้ง่าย
ยิ่งถ้าต้อง Work From Home เนี่ยนะ กดเบอร์โทรจองนักกายภาพบำบัดแทบไม่ทัน! เพราะฉะนั้นลองขยับร่างกายทีละเล็ก ทีละน้อย หรือ ออกกำลังกายบ่อยๆ อาการพวกนี้หายไปแน่นอน ร่างกายคุณมันฟ้องว่าคุณต้องดูแลตัวเองแล้วนะ!
4. พิมพ์ไม่พักจนนิ้วล็อค – ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งาน กดโทรศัพท์หรือจับเม้าส์เป็นเวลานานๆแบบไม่พัก แน่นอนว่ากล้ามเนื้ออักเสบค่ะ
นิ้วล็อคแบบไม่พลิกล็อคกันแน่นอน ถ้าเกิดมีอาการนิ้วชา นิ้วล็อคทำงานไม่ได้เราก็ควรพักกล้ามเนื้อในส่วนนั้นก่อน และไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา
ที่สำคัญต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานของนิ้วมือเพื่อป้องกันการกลับมาของอาการนิ้วล็อค!
เป็นยังไงกันบ้างหลังจากที่ได้รับรู้ถึงความจริงอันน่าเจ็บปวดของคนวัยทำงาน หลายคนอ่านอาจจะปวดหัวกว่าเดิม
แต่! อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะชีวิตมันต้องสู้ถึงชนะค่ะ การบ้างาน หรือ ทำงานหนักเกินไปไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวเรา ทั้งยังกระทบความสัมพันธ์คนรอบข้างอยู่ไม่น้อย การมี Work Life Balance จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ถ้าอยากรู้ว่าต้อง Work ยังไงให้ Balance ลองไปอ่านบทความอื่นๆของ XO ได้นะ เพราะทุกบทความมี Core Value ที่ชัดเจน คือ Work Smart ,Have Fun, No Drama!

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา