27 ก.ค. 2022 เวลา 05:00 • การตลาด
ตลาดสินค้าเครื่องแต่งกายกีฬา (Sportswear) ในประเทศชิลี
ตลาดเครื่องแต่งกายกีฬา (Sportswear) ในประเทศชิลีมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของ Euromonitor ระบุว่าข้อมูลค่าตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1,175 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ระหว่างปี 2550-2560 ทั้งนี้ ตลาดฯ มีการหดตัวลงในช่วงปี 2561-2563 เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก
(1)สถานการณ์ประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ในประเทศซึ่งรัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
(2)สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งรัฐบาลได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการงดการแข่งขันกีฬา ห้ามการเล่นกีฬากลางแจ้ง และห้ามเล่นกีฬาภายในสถานออกกำลังกาย/ฟิตเนส
ตลาดเครื่องแต่งกายกีฬาเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2564 หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.364 ล้านล้านเปโซชิลี (หรือที่ประมาณ 1,662 ล้านเหรียญสหรัฐ) ทั้งนี้ Euromonitor คาดการณ์ทิศทางตลาดฯ ว่าในอีก 5 ปีถัดไป ตลาดฯมีแนวโน้มเติบโตต่อไปอีก
พฤติกรรมผู้บริโภค
สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ ประชาชนหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ โดยพิถีพิถันในเรื่องการกิน และหันมาออกกำลังกายภายในบ้านมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่าการใช้เครื่องแต่งกายกีฬาเป็นชุดลำลองและเป็นชุดใส่ออกนอกบ้านในประเทศชิลีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในแง่ธุรกิจ แบรนด์สินค้าต่างๆ มีการปรับตัวโดยเน้นจำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์และผลิตสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น หน้ากากสำหรับใส่ออกกำลังกาย เครื่องแต่งกายที่ผลิตจากเส้นใยพิเศษ (Hi-Tech Textile) เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย แห้งเร็ว และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด (Sustainable)
สัดส่วนตลาด
จากข้อมูลของ Euromonitor พบว่า แบรนด์ที่มีสัดส่วนทางการตลาดสูงสุด 5 อันดับแรก ประจำปี 2564 ได้แก่ Adidas (12.8%),
Nike (11.1%),
Puma (4.9%),
Under Armour (4.5% )
และ Sketchers (3.4%)
โดยแบรนด์ Adidas และ Nike มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับทีมชาติฟุตบอล และทีมฟุตบอลในมหาวิทยาลัยต่างๆในชิลี
การฟื้นตัวของตลาดสินค้าเครื่องแต่งกายกีฬามีทิศทางบวกภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย เนื่องจากการพัฒนาวัคซีนและการฉีดวัคซีนให้ประชาชนส่วนใหญ่ของชิลี ทั้งนี้ การกำหนดมาตรการกักตัว หรือ การทำงานในที่พักอาศัย ส่งผลให้แบรนด์เครื่องกีฬาที่มีการขายทางออนไลน์ และสินค้ากีฬาที่สามารถใช้เล่นในบ้านมีการขยายตัวเช่นกัน
จากการสำรวจตลาดของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงซันติอาโก พบว่าเครื่องแต่งกายกีฬาภายใต้แบรนด์ Adidas และ Nike ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในชิลี เป็นการผลิตจากประเทศจีนและเวียดนามเป็นส่วนใหญ่อย่างไรก็ดี ปัญหาค่าครองชีพและภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ประเทศชิลี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันปรับตัวโดยหันมาเลือกซื้อสินค้าชนิดหรือประเภทเดียวกันที่มีราคาถูกกว่าและคำนึงถึงแบรนด์สินค้าน้อยลง
นับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีต่อการเข้ามาแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดชิลี เนื่องจากสินค้าเครื่องแต่งกายของไทยมีการตัดเย็บที่ละเอียด มีคุณภาพ และมีการออกแบบที่ทันสมัย อีกทั้งสินค้าเครื่องแต่งกายกีฬาได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ชิลี ทำให้ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 19%
นอกจากนี้ การผลิตสินค้าเครื่องแต่งกายกีฬาในปัจจุบันมีการใช้นวัตกรรมต่างๆ ในการผลิตสินค้า อาทิ
(1) นวัตกรรมเส้นด้ายสังเคราะห์ที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยวิธีธรรมชาติ โดยปกติเสื้อผ้า เครื่องนุ่งหุ้ม หรือวัสดุที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ เมื่อถูกทิ้งกลายเป็นขยะจะต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนานหลาย 10 ปี ซึ่งเส้นใยสังเคราะห์ที่มีนวัตกรรมนี้สามารถย่อยสลายได้ภายใน 3 ปี โดยกระบวนการย่อยสลายจะเริ่มเมื่อเสื้อผ้าถูกทิ้งในหลุมฝังกลบทำให้จุลินทรีย์ที่อยู่ในดินทำหน้าที่กระตุ้นเส้นด้ายให้เกิดการย่อยสลายทางชีวภาพ
(2) นวัตกรรมรังสีอินฟราเรดในสิ่งทอ เป็นนวัตกรรมที่เพิ่มคุณสมบัติของสิ่งทอและเครื่องแต่งกายด้วยเทคโนโลยีอินฟราเรด โดยจะทำปฏิกิริยากับความร้อน ของร่างกาย และปล่อยรังสีอินฟราเรด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ช่วย กระตุ้น การไหลเวียนของเลือด ลดอาการเหนื่อย และฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังเล่นกีฬา
(3) นวัตกรรมผ้าต้านแบคทีเรีย เป็นนวัตกรรมที่ใช้สารต้านแบคทีเรียมาผลิตสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย โดยเป็นสารที่มีอนุภาคขนาดนาโน โดยบางชนิดเป็นสารที่ได้มาจากธรรมชาติ เช่น จากเปลือกกุ้ง หอย และแกนหมึก ซึ่งสารเหล่านี้บางชนิดมีความสามารถในการ ป้องกัน รังสีอัลตราไวโอเลต และบางชนิดมีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาด้วยแสง ทำให้สามารถย่อยสลายอนุภาคสารอินทรีย์ที่มาเกาะติดที่เสื้อผ้าหรือพื้นผิววัสดุต่าง ๆ รวมถึงสามารถกำจัดกลิ่น อีกทั้งยังสามารถฆ่าแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและผิวหนังได้ เป็นต้น
ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรคำนึงถึงหรือมีการใช้นวัตกรรมการผลิตสิ่งทอและ เครื่องแต่งกายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง รวมทั้ง การกำหนดราคา จะต้องสามารถแข่งขันได้ในระดับสินค้าที่มีมาตรฐานและคุณภาพในระดับเดียวกัน เนื่องจากผู้บริโภคชาวชิลียังคงให้ความสำคัญด้านราคาของสินค้า
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการเครื่องแต่งกายกีฬาของไทยรายใดมีความประสงค์ที่จะขยายตลาดสินค้ามายังประเทศชิลี สามารถติดต่อมายัง สคต. ณ กรุงซันติอาโก เพื่อประสานและจัดทำเจรจานัดหมายกับผู้นำเข้าของชิลี ได้ที่ thaitrade@ttcsantiago.cl และ thaitradesantiago@mail.com
โฆษณา