Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Gallery Drip Coffee
•
ติดตาม
22 ก.ค. 2022 เวลา 03:54 • ไลฟ์สไตล์
สืบเนื่องจากวันก่อนแอดมินเล่าถึง “NookNookProject” ซึ่งเป็นการลงแข่งขันชงกาแฟในเวทีที่เรียกว่า “Brewers Cup”
หลายคนจึงสงสัย ทำไมผู้เข้าแข่งขันไม่ใช้กาแฟตัวเดียวกัน?
คนกาแฟอาจรู้อยู่แล้ว และการแข่งชงกาแฟก็มีหลายเวที ที่รู้จักกันกันดีก็อย่างเช่น บาริสต้า ลาเต้อาร์ต ไซฟ่อน ฯลฯ ซึ่งรายละเอียดกฏและกติกาแต่ละเวทีก็จะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การแข่ง
ลงรายละเอียดนิด Brewers Cup คือการแข่งขันชงกาแฟที่ไม่ใช้เครื่องชง เน้นสกัดผ่านทักษะการชงด้วยมือ ของไทยเริ่มมีเวทีการแข่งนี้ในปี 2016 แต่ของโลกนั้นมีแข่งมาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว โดยผู้ชนะจะเป็นตัวแทนแต่ละประเทศ เข้าแข่งขันกันต่อในระดับเวิล์ด World Brewsers Cup เรียกสั้นๆว่า WBC หรือ WBrC
การแข่งบริวเออร์ประกอบด้วยการชง 2 รอบ รอบแรกเรียกว่า “Compulsory Service” และรอบสองเรียกว่า “Open Service”
Compulsory Service : วัดที่ความเข้าใจกาแฟ ทักษะการสกัด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้กาแฟตัวเดียวกัน น้ำชนิดเดียวกัน เครื่องบดตัวเดียวกัน *อุปกรณ์การชงอื่นๆเตรียมมาเอง ให้ระยะเวลา 7 นาที ชงกาแฟออกมา 3 แก้ว ทุกคนจะยังไม่รู้ว่าตัวกาแฟและน้ำเป็นอย่างไร จนกระทั่งเวลาซ้อมก่อนการแข่ง 30 นาที
กรรมการจะอยู่หลังเวทีโดยไม่รู้ว่าใครชง ตัวกาแฟจะถูกเจ้าหน้าที่นำมาให้ชิมเป็นเบอร์โค้ด ในรอบนี้ การตัดสินรสชาติชี้วัดจากคุณภาพรสชาติกาแฟแต่ละแก้ว และความสม่ำเสมอทางรสชาติของทั้ง 3 แก้ว
Open Service : เป็นรอบที่ผู้เข้าแข่งขันมีโอกาสได้แสดงความสามารถทุกอย่างที่เป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคใหม่ๆ อุปกรณ์ใหม่ๆ เครื่องบด ดริปเปอร์ กาแฟที่เลือก น้ำที่ใช้ นวัตกรรมการชง ฯลฯ รวมทั้งได้มีโอกาสพรีเซ้นต์ทุกสิ่ง รวมถึงบอกเทสโน้ต บอกที่มาที่ไปของกาแฟตัวนั้นๆ สรุปคือสามารถเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวเราขึ้นมาบนเวที เพื่อชงและพรีเซนต์ให้กรรมการ ทั้งชม ทั้งชิม
ในรอบนี้ ให้ระยะเวลา 10 นาที ชงกาแฟ 3 แก้ว ให้กรรมการ 3 คน โดยกรรมการทั้งหมดมานั่งทั้งฟัง ทั้งชม ทั้งชิม การประเมินจะประเมินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที อันได้แก่ ตัวคนชง รสชาติกาแฟทั้ง 3 แก้ว ความสม่ำเสมอของรสชาติ
Compulsory ชี้วัดความสามารถ ความเข้าใจในการชงกาแฟตัวเดียวกันด้วยปัจจัยเหมือนกัน วัดแค่ว่าใครทำได้ดีกว่า แต่รอบโอเพ่นเซอร์วิสเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมที่คิดลงแข่งขัน ได้คิดอะไรใหม่ๆ เปิดโอกาสให้ผู้แข่งทำงานกับผู้คนที่หลากหลาย คนคั่วกาแฟ ปรับโปรไฟล์การคั่วร่วมกัน เกษตรกรที่พร้อมสนับสนุนและทำงานร่วมกัน แค่เฉพาะแค่บนเวทีก็มีรายละเอียด ดนตรีประกอบ เครื่องแต่งกาย ท่วงท่า ภาษาในการพรีเซ้นต์ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องใช้ “ผู้คน” เข้ามาทำงานด้วยทั้งนั้น
การตัดสินคือผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนสูงสุด โดยคะแนนรวมทั้งหมด 200 คะแนน มาจาก Compulsory Service 100 คะแนน และ Open Service 100 คะแนน
…
ย้อนกลับไปที่คำถาม ทำไมผู้เข้าแข่งขันไม่ใช้กาแฟตัวเดียวกัน?
เพราะการแข่งขัน Brewers Cup วัดทุกสิ่งทุกอย่าง และถูกคิดมาแล้วว่าควรมีรอบที่ใช้กาแฟตัวเดียวกัน เพื่อชี้วัดความสามารถในการสกัดภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน และรอบที่สามารถโชว์ทุกสิ่ง เพื่อนำไปสู่สิ่งใหม่ๆ ~ อุปกรณ์ เทคนิคชง รวมไปถึงต้นทางการทำเมล็ดและสายพันธุ์ ~ เพื่อให้วงการกาแฟเกิดการขับเคลื่อนมุ่งไปข้างหน้า
ผู้ชนะที่ได้คะแนนจากการชงทั้ง 2 รอบสูงสุด ทั้ง Compulsory Service และ Open Service ทำให้อีเว้นท์การแข่งขันชงกาแฟเวทีนี้มีความหมาย มากไปกว่าการได้แค่ “ผู้ชนะ” ที่สกัดกาแฟเก่งที่สุดนั่นเอง.
#กาแฟไทยต้องไปต่อ
#ไปต่อแบบหนุกหนุก
#NookNookProject
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย