25 ก.ค. 2022 เวลา 10:12 • ข่าว
“คือผมโคตรเบื่อที่จะกลัว ผมรู้สึกมันจะอะไรกันนักกันหนา เป็น ส.ส. แต่ทำไมเราต้องอยู่กับความกลัวตลอดเวลา ถ้าเรากลัวและเราไม่กล้าทำอะไร ผมว่าเลิกเป็น ในสภาแห่งนี้มันเต็มไปด้วยความกลัวเต็มไปหมดนะ ผมเลยรู้สึกว่าสิ่งหนึ่งที่มันกัดกินเรามาตลอดเวลา นี่คือความกลัว”
การเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา จากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรแบบไม่ลงมติของ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้สังคมไทยตื่นตะลึงไปกับข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังของกลุ่มอาชญากรในเครื่องแบบ และยังเป็นการพยายามคืนศักดิ์ศรีครั้งใหญ่ให้ตำรวจน้ำดีผู้เคยทำคดีนี้อย่าง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าทีมสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา
“น้ำตาหยดแรกไม่ได้เกิดจากที่ผมดูสารคดีของอัลจาซีราห์ (Al Jazeera) นะ แต่น้ำตาหยดแรกเกิดขึ้นจากการที่ผมคุยกับคุณปวีณ แล้วถามว่า “คุณปวีณกำลังทำอะไรอยู่ เป็นห่วงครอบครัวมั้ย แล้วรู้มั้ยว่าถ้าผมพูดแบบนี้ไป ภัยอันตรายใดๆ จะเกิดขึ้นกับคุณปวีณมากกว่าเดิม” สิ่งที่ผมพูดอาจจะไม่ได้ทำให้คุณปวีณสุขสบายขึ้น เพราะถ้ามันไม่มีการแก้ปัญหาเกิดขึ้น คุณปวีณอาจจะโดนหนักกว่านี้”
ทว่าก่อนจะมาสู่การอภิปรายครั้งสำคัญนี้ โรมทีมต้องผ่านกระบวนการทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลไปจนถึงการเตรียมสภาพจิตใจหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น
WAY CONVERSATION มีโอกาสได้จับเข่าคุยกับโรมที่อาคารรัฐสภา ได้เห็นภาพเบื้องหลังการทำงานของ ส.ส. คนหนึ่งในฐานะของตัวแทนประชาชน ได้ถามไถ่ถึงความรู้สึกในห้วงเวลาทั้งก่อนและหลังการอภิปรายอันสะเทือนวงการสีกากี โดยเฉพาะความรู้สึกของโรมเองต่อภารกิจที่หนักหน่วงและท้าทาย รวมไปถึงเรื่องราวในอดีตจากนักกิจกรรมสู่เส้นทาง
ส.ส. และร่องรอยความทรงจำกว่าที่เขาจะมาเป็นโรมในทุกวันนี้
“ผมไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายมันจะเกิดอะไรขึ้น ผมอาจจะตายก็ได้ ผมอาจจะเป็นผู้ลี้ภัยก็ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดผมรู้สึกว่าเมื่อผมมายืนอยู่ตรงนี้ มองกลับไป สมมุติอีก 5 ปีข้างหน้า ในฐานะนายรังสิมันต์ โรม ที่ไม่ใช่ ส.ส. ผมจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ผมทำเลยแม้แต่น้อย”
#รังสิมันต์โรม #พรรคก้าวไกล
โฆษณา