27 ก.ค. 2022 เวลา 05:00
Ep. 23 เล็ก ๆ น้อย ๆ จากโรงเรียน "รุงรา"
โรงเรียน "รุงรา"
14.50 น. เป็นโปรแกรมชมโรงเรียนมัธยมปลายชาย ชื่อ “รุงรา” (Rungra Boy Senior School) ตุ้ยนุ้ยนำทางพลาดไปนิด คือบอกให้คนขับเลี้ยวเร็วไปหน่อย... เมื่อไปถึง ไม่มีใครออกมารับเราเลย คอยสักครู่ก็มีครูน้อยไปตามครูใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ที่รีบเดินหน้าตื่นออกมาหาพวกเรา มีนักเรียนตัวจิ๋ว ๆ โผล่หน้าสลอนอยู่ข้างหลัง
นายหารืออย่างฉงนกับฟองน้ำว่า เด็กน้อยหน้าละอ่อนเหล่านี้น่ะหรือเรียน ม.ปลายกันแล้ว? คุณหลังกับตุ้ยนุ้ยส่งภาษากันกับครูใหญ่ แล้วทั้งหมดก็หัวเราะขึ้นมาดัง ๆ
 
ครูใหญ่ชี้มือไปที่ตึกบริเวณติดกัน ซึ่งกั้นด้วยกำแพงเตี้ยๆ ด้านหลังกำแพงมีนักเรียนหนุ่มๆ หลายสิบคนกำลังชะเง้อมองมาที่พวกเราอย่างฉงนอยู่ที่สนามฟุตบอล
เราถอยฉากกลับมาขึ้นรถ ออกจากโรงเรียนประถมแห่งนั้น แล่นรถไปเข้าอีกประตูหนึ่ง ก็ถึงโรงเรียนรุงราของแท้
 
พวกเราแต่ละคนเปลี่ยนจากท่าง่วงเหงาเป็นกระปรี้กระเปร่าทันที เมื่อลงจากรถแล้วเห็นกล้องวิดิโอกำลังแพนจับมาที่ทุกคน นาน ๆ จะมีโอกาสเข้ากล้องเป็นดารากันสักที
บริเวณโรงเรียนไม่กว้างนัก ด้านหน้าเป็นลานดินกว้างโล่ง ไม่มีต้นไม้ สำหรับไว้เล่นกีฬา ในฤดูหนาวใช้เป็นที่เล่นสเก็ตน้ำแข็ง
ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นชายร่างท้วม ท่าทางดี พาไปคุยที่ห้องพักครู ซึ่งดัดแปลงต้อนรับเราด้วยการเสริมเก้าอี้เพิ่ม และเริ่มแนะนำโรงเรียนทางวิดิโอ – หนึ่งในของขวัญจากท่าน คิม จอง อิล
โรงเรียนรุงรามีนักเรียนจำนวน 1,100 คน มีครู 54 คน มีชั้นเรียน 30 ห้อง และมีห้องปฏิบัติการสาขาต่างๆ 24 ห้อง ในห้องเรียนมีจอทีวีทุกห้องเพื่อใช้สอนบางบทเรียน บางห้องก็มีเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะแถมด้วย บางครั้ง ขณะครูสอน ก็จะถ่ายทีวีอัดไว้ แล้วนำมาวิจารณ์เพื่อแก้ไขปรับปรุงในหมู่ครูด้วยกัน
มีการสอนภาษาต่างประเทศ 2 ภาษา คือ รัสเซียกับอังกฤษ นักเรียนเลือกเรียนเพียงภาษาเดียว ระยะ 10 ปีที่ผ่านมานี้ นักเรียนส่วนใหญ่เลือกเรียนภาษาอังกฤษ
ห้องฝึกงานที่ popular มาก มีคนเลือกเรียนเยอะ คือห้องฝึกขับรถยนต์และแก้เครื่องยนต์ ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่มเกือบทุกคนคือ การมีอาชีพขับรถ เพราะจะได้มีโอกาสเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ อาชีพที่นิยมอีกอย่างคือ เป็นทหาร เพราะจะได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคคนงานโดยทันทีเมื่อเรียนจบ ซึ่งหมายถึงได้เป็นข้าราชการ หรือเทียบแบบไทยๆ ก็คือ การได้สิทธิ์บรรจุเป็นข้าราชการทันทีหลังจากเรียนจบ
ส่วนอาชีพยอดนิยมของสาว ๆ คือช่างทำผม ครู และพนักงานขายของตามห้างสรรพสินค้า อาชีพหลังนี้ จะทำให้มีโอกาสได้พบกับข้ารัฐการ หรือคนในอาชีพอื่นที่มีฐานะ ความใฝ่ฝันของสาวน้อยทั้งหลาย คือได้แต่งงานกับทหาร เพราะจะได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ต้องทำนาหรือทำงานในโรงงาน (เท่ากับว่า การได้เป็นคุณนายนายทหาร ก็ไม่ต้องเป็นชาวนาหรือกรรมกรนั่นเอง) และสาวบ้านนอก ก็ปรารถนาจะได้แต่งงานกับคนเปียงยางเมืองหลวงเช่นกัน เพื่อจะได้เป็นแม่บ้านของครอบครัว ไม่ต้องทำนาทำไร่
ฟองน้ำฝอยเพลินไปหน่อยแล้ว ขออนุญาตพาคุณวกกลับไปชมโรงเรียนรุงราต่อกันดีกว่า
 
หลักสูตรมัธยมปลายบังคับให้นักเรียนเล่นดนตรีเป็นอย่างนัอย 1 อย่าง ถ้าใครมีหัวหรือชอบทางดนตรีจริง ๆ จะขอให้ครูสอนเพิ่มเติมเป็นพิเศษก็ได้ ทั้งนี้ เป็นสวัสดิการฟรี สำหรับ ‘เด็กมีแวว’ ทุกคน... นักเรียนรุงราน่ารัก อุตส่าห์เตรียมวงออร์เคสตร้าวงย่อมๆ 27 คน เล่นเพลงเกาหลีเพราะๆ ให้พวกเราฟัง 3 เพลงติดต่อกัน ฉากหลังของวง เป็นภาพวาดเต็มผนัง ฝีมือของนักเรียนเอง
ที่ห้องแลปเคมี และ ห้องแลปภาษา มีนักเรียนเรียนอยู่เต็ม ทุกคนผูกผ้าผูกคอสีแดง สัญลักษณ์ของสมาชิกสันนิบาตยุวชนโซเชียลิสต์ ซึ่งเป็นสมาชิกขั้นเตรึยมตัว ก่อนที่จะได้เป็นสมาชิกพรรคคนงานในอนาคต
ด้านกีฬา มีสระว่ายน้ำให้ฝึกหัด (แต่เราไม่ได้ไปดู) มีห้องยิม มีการส่งเสริมการแข่งกีฬากลางแจ้งผู้อำนวยการคุยว่า โรงเรียนนี้ เก่งวอลเลย์บอลเป็นที่หนึ่งของประเทศ
ความรู้ใหม่สำหรับเราคือ เป็นโรงเรียนที่รับนักเรียนที่มีนิวาสถานอยู่เฉพาะในย่านนี้เท่านั้น หลักการทั่วไปของเกาหลีเหนือ ในการตั้งโรงเรียนขึ้นสักแห่ง ก็คือ จะสร้างโรงเรียนโดยไม่ต้องให้นักเรียนข้ามถนนสายใหญ่ๆ เลย นายยกตัวอย่างให้ฟองน้ำฟังว่า เช่น ถ้าเป็นที่กรุงเทพ เราอาจสร้างโรงเรียนสุขุมวิทฝั่งซ้ายโรงหนึ่ง กับ โรงเรียนสุขุมวิทฝั่งขวาอีกโรงหนึ่ง ใครบ้านอยู่ฝั่งไหน ก็เข้าโรงเรียนฝั่งนั้น ไม่ต้องฝ่าอันตรายข้ามถนนใหญ่อย่างสุขุมวิทซึ่งมีรถพลุกพล่านมาก
โรงเรียนจะรับนักเรียนที่จบชั้นประถมแล้ว มาเรียนต่ออีก 6 ปี อายุนักเรียนคือ ระหว่าง 11 – 16 ปี พอขึ้นชั้นปีที่ 3 จะมีกิจกรรมพิเศษ คล้ายลูกเสือหรืออนุกาชาด เรียกว่า Children’s Corps และพอขึ้นปีที่ 5-6 ก็จะเป็นสมาชิกสันนิบาตยุวชนโซเชียลิสต์ได้ตามความสมัครใจ ไม่ได้มีการบังคับ
โรงเรียนประถมเป็นแบบสหศึกษา แต่พอถึงระดับมัธยม เขาจะแยกเป็นโรงเรียนหญิง โรงเรียนชาย เนื่องจากมีวิชาเลือกต่างกัน เช่น พวกผู้หญิงจะเรียนเย็บปักถักร้อย การครัว ผู้ชายเรียนช่างกล เป็นต้น
นักเรียนเก่งกับอ่อนจะเรียนคละกันไปในห้องเดียวกัน ใครเคยเรียนชั้นไหนกับเพื่อนกลุ่มไหน ก็เรียนชั้นนั้นไปจนจบหลักสูตร ผู้อำนวยการเสริมว่า การจัดการเรียนการสอนแบบนี้ ทำให้นักเรียนวัยรุ่นมีเพื่อนแท้ที่สนิทกันยาวนาน... นักเรียนที่จบมัธยมแล้ว จำนวน 40% จะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หรือ สถาบันชั้นสูง ที่เหลืออีก 60% ซึ่งเรียนเก่งน้อยกว่า ต้องออกไปทำงานก่อน เพราะเป็นวัยทำงานพอดี หลังจากทำงานแล้วอย่างน้อย 3 ปี จึงจะมีสิทธิ์ไปสอบเข้าเรียนต่อ
บรรยากาศห้องเรียน ของโรงเรียนมัธยมทั้งชายและหญิง ในเกาหลีเหนือ
เราเข้าไปในห้องเรียนประวัติศาสตร์ ที่เห็นเต็มไปด้วยรูปท่านประธานาธิบดีประดับอยู่ทั่วห้อง มีภาพประวัติการต่อสู้ของท่าน ตั้งแต่สมัยภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น ไปจนกระทั่งการพยายามขจัดอิทธิพลอเมริกาในคาบสมุทรเกาหลี มีคำขวัญปลุกใจเยาวชนให้ต่อสู้เพื่อชาติติดกำกับไว้เต็มเช่นกัน
และที่เราได้เฮฮากันคือห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นห้องฉายวิดิโอ เขาฉายวิดิโอบันทึกกิจกรรมของชาวคณะเราเองเมื่อตอนมาถึงโรงเรียน และติดตามถ่ายทำต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราเหล่าดาราต่างวิจารณ์ดาราด้วยกันเสียงเซ็งแซ่ จนคุณครูคนเป็นตากล้องต้องหัวเราะตาม ทั้ง ๆ ที่ฟังการแซววาทีของเราไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
อำลาโรงเรียนรุงราเมื่อบ่ายจัดมากแล้ว คุณหลังใจดีพาไปแวะดูของที่ร้านขายของสำหรับชาวต่างประเทศ (เท่านั้น) ที่เคยมาเมื่อวันก่อน รายการนี้เป็นการรอเวลาอาหารเย็นที่พวกเราจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงขอบคุณฝ่ายเกาหลี ร้านนี้มีเพียง 2 ชั้น ขายของต่างประเทศที่จำเป็น ของกินอยู่ชั้นล่าง ของใช้ขายอยู่ชั้นบน มีของที่ระลึกที่ผลิตในเกาหลีอยู่บ้าง แต่น้อยและแพงกว่าของที่ขายในโรงแรม ฟองน้ำไม่เห็นนายซื้ออะไรเลย นอกจากโปสต์การ์ดและเทปคาสเซท นายว่าไม่มีอะไรน่าติดใจ และผ้าพันคอผืนใหญ่ที่นายฝังใจอยากได้ก็ไม่มีขาย
ดูของจนเบื่อเกือบชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่ได้เวลาดินเนอร์ เราจึงขอคุณหลังให้พาไปชมโรงแรมโกริโยที่อยู่ใกล้ ๆ เป็นโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ ทันสมัย สูง 45 ชั้น สร้างเป็นลักษณะหอคอยคู่แฝดเชื่อมด้วยทางเดินที่ชั้น 38 ตรงยอดสีน้ำตาลทั้งสองยอด รูปร่างคล้ายดอกบัวตูมคือที่ตั้งของภัตตาคารหมุน
ภายในโรงแรมโอ่อ่ากว้างขวาง แต่โหรงเหรงเต็มทีเพราะไม่มีลูกค้า และที่ผิดหวังกันยิ่งนักก็คือ วันนี้ช้อบปิ้งอาเขตปิดแล้ว... ห้วหน้าแผนกต้อนรับของโรงแรมพาไปชมห้องต่างๆ ซึ่งกว้างทุกห้อง และถึงจะยังไม่ได้เปิดบริการ แต่ก็มีเครื่องเคราทุกอย่างในห้องครบครัน ทุกซอกทุกมุมของโรงแรมใหม่เอี่ยมแห่งนี้สะอาดสะอ้าน แต่ฟองน้ำว่าดูอ้างว้างเหงา ๆ เพราะความมีชีวิตชีวาอยู่ที่มนุษย์ มิใช่ที่วัตถุสวยงามใด ๆ
แม้แต่ห้องรับรองสีฟ้าสดบนชั้นสองที่หรูหรา ก็ดูงามอย่างเย็นเยือก... โรงแรมโกริโย ที่หรูที่สุดในเปียงยางแห่งนี้ สำหรับฟองน้ำแล้ว มีสิ่งที่ให้ชีวิตชีวาอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ ต้นไม้ใหญ่ และดอกไม้ของจริงสด ๆ ที่จัดไว้สวยเหมาะเจาะในฟอร์มของบอนไซ บรรจุไว้ในกระถางเซรามิกลวดลายคลาสสิก ที่ตั้งไว้ตามมุมต่าง ๆ เท่านั้น...
โรงแรมโกริโย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา