5 ส.ค. 2022 เวลา 16:36 • ความคิดเห็น
ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องไม่ดี : ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แปลกคือคนที่คิดว่ามันแปลกมากกว่า
โลกใบนี้สามารถเลือกเดินได้สองทางเสมอ
ทางที่โลกบอกว่าต้องเดิน และ ทางที่เราเลือกที่จะเดิน
โลกในที่นี้หมายถึงโลกของคนคนหนึ่งนั่นแหละครับ ไม่ใช่คนทั้งโลกหรอกนะ โลกของคุณอาจจะแคบลงมาหน่อย มีพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนที่ทำงาน ฯลฯ
เราอาจเลือกเดินในทางของโลกที่คนอื่นเห็นว่า ‘เหมาะสม’ อายุเท่านี้ควรแต่งงานแล้วสิ อายุเท่านี้ควรมีลูกแล้วสิ อายุเท่านี้ควรมีบ้านแล้วสิ ฯลฯ หรือ...เราเลือกเดินในทางที่ตัวเองอยากเดิน
มีแค่นี้เลยทางเลือกของชีวิต
ทางแรกมักถูกมองว่าเป็นทางที่สังคม ‘ยอมรับ’ เสมอ เป็นโหมด ‘default’ คล้ายกับคู่มือการใช้ชีวิตที่ทุกคนควรเดินตาม เกิดมา ครอบครัว สังคม ฉายมันให้คุณเห็นมาตลอด พ่อแม่อยากให้เรามีในสิ่งที่พวกท่านไม่มี หลายคนเคยถูกคาดหวังให้เป็นหมอ หลายคนถูกคาดหวังให้เป็นวิศวกร ฯลฯ
นอกจากครอบครัวแล้วเรายังมีสังคม มีเพื่อนฝูง ที่เราต้องพบเจออยู่เสมอ แน่หล่ะ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ไปโรงเรียน ทำตามกฎต่าง ๆ ถูกทำโทษเมื่อแหกคอก เล่นกีฬา แข่งกับเพื่อน อย่าทำตัวแตกต่างเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่โลกต้องการ ส่วนใหญ่ถ้าแตกต่างมักโดนกลั่นแกล้ง บูลลี่ด้วย ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังน่าเป็นห่วงในสังคมสมัยนี้ แม้ว่าจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วก็ตาม
เด็กทุกคนโตมาโดนปลูกฝังในสมองว่า ‘ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องดี’
ถ้าเหมือนคนอื่น...ก็จะไม่เป็นไร
เมื่อโตมาเป็นผู้ใหญ่เราทำยังไง? เราก็พยายาม fit in เข้ากลุ่มพวก ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่อยากถูกมองว่าแปลกแยก เห็นคนนั้นซื้อบ้าน จองคอนโด ถอยรถใหม่ ทำงานดี ดูมีความสุข ฯลฯ เวลารวมญาติกันที นั่งกินข้าวล้อมวง ใครที่โสด ไม่มีการงานที่ดูมั่นคง (ในสายตาของสังคม) หรือ แต่งงานแล้วไม่มีลูก มักเจอคำถามเหล่านี้เสมอ
“อายุขนาดนี้แล้วยังไม่แต่งงานอีก?”
“นี่สองคนจะรอให้แก่แล้วค่อยมีลูก ระวังไม่ทันใช้นะ”
“ทำอะไรนะ? เป็นนักเขียนเนี้ยนะ จะไปพอมีกินเหรอ บอกให้เรียนหมอก็ไม่เชื่อ ดูอย่างหลานป้าสิ นี้เพิ่งถอยรถเบนซ์ป้ายแดงเมื่อเดือนก่อน แถมยังซื้อตั๋วบินไปเที่ยวยุโรปปีละสองสามครั้ง”
ครับ...อาจจะไม่ใช่คำถามนี้ตรงเป๊ะ ๆ แต่เชื่อว่าคงเข้าใจอารมณ์ที่พยายามจะสื่อ
เมื่อคุณโตมาถึงจุดหนึ่งความคาดหวังของสังคมหรือโลกมันเริ่มดูน่าขันไปเรื่อย ๆ เอาเข้าจริงมันเหมือนการบังคับให้คนซื้อของทั้งที่เขาไม่อยากซื้อ ผมอยากเป็นนักเขียนมาบังคับให้เป็นหมอมันก็ไม่ได้ สองคนแต่งงานไม่อยากมีลูกมันก็ไม่ผิด มีขึ้นมาแล้วไม่มีความสุข ทุกข์ไปตกกับเด็กนะ เอาเขาเกิดมาลำบากอีก เป็นโสดแล้วทำไม ชีวิตแม่งมีความสุขจะตาย พรุ่งนี้จะบินไปแบคแพคที่อลาสก้ากูก็ไม่ลำบากใคร
คนที่มีความสุขหรือประสบความสำเร็จ คือคนที่พร้อมจะสร้างทางของตัวเองขึ้นมา พร้อมที่จะปาดเหงื่อ ทนถูกก่นด่า แลกมาด้วยความพยายามเพื่อจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
แปลกไหมที่จะไม่เหมือนคนอื่น ไม่แปลกเลย คนที่คิดว่ามันแปลกต่างหากหล่ะที่แปลก
เราแคร์คนอื่น ๆ มากมายจนบางครั้งลืมถามความต้องการของตัวเอง อะไรกันคือสิ่งที่อยากได้อยากทำ
ครั้งหนึ่งเคยคุยกับเพื่อนที่ทำงานเป็นหัวหน้าในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขาบอกว่าดูผมมีความสุขมากเวลาได้เขียนหนังสือ เขาอยากลองเขียนนิยายดูบ้าง ผมก็ถามต่อว่าทำไมไม่ทำ เขาก็บอกว่า “อาย กลัวคนอื่นมาเห็น หัวหน้าจะคิดยังไง กลัวลูกน้องมาอ่าน พ่อแม่คงไม่ยอมหรอก”
มีคำถามหนึ่งที่ผมมักถูกถามเสมอว่าพ่อแม่ผมภูมิใจไหมที่ผมเป็นนักเขียน? หรือพวกท่านอยากให้ผมเป็นนักธุรกิจแบบพวกท่านมากกว่า? ผมบอกตามตรงว่าผมไม่รู้ว่าพวกเขาภูมิใจไหม แต่เชื่อว่าพวกเขาอย่างน้อย ๆ ก็คงอุ่นใจว่าผมคงไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผมภูมิใจที่ผมได้เป็นนักเขียน เพราะนั่นคือสิ่งที่อยากทำ
การโตเป็นผู้ใหญ่จะไร้ค่าถ้าเราไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้เลย
แน่นอนว่าการเดินตามเส้นทางชีวิตของตัวเองไม่ใช่การตัดขาดคนอื่น ๆ ไม่ใช่การกร่างหรือสบทใส่คนอื่นที่ไม่เห็นด้วย เรายังคงเคารพความคิดและน้อมรับคำแนะนำได้ แต่เราจะไปทางไหนต่อ เราต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง โฟกัสที่ตัวเอง
1
เราทำสิ่งที่แตกต่างในชีวิตของเราได้ ถ้ามันไม่เป็นไปตามแผน มันก็แค่นั้น เราไม่ได้ต้องมีลูกเพียงเพราะป้าข้างบ้านบอกว่าควรแก่เวลา เราไม่ควรแต่งงานเพียงเพราะว่าอายุใกล้เลขสาม เราไม่ควรหยุดเดินตามความฝันเพียงเพราะคนอื่นบอกว่านั่นไม่เหมาะกับเรา
ชีวิตแม้ไม่สวยงามสำหรับคนอื่น ก็ยังเป็นชีวิตที่สวยงาม ‘ของคุณ’
อย่างน้อยนั่นก็น่าจะเพียงพอแล้ว
อ่านบนเว็บ : https://rb.gy/0je621
ช่องทางติดตามบทความเพิ่มเติม
The People, Beartai, The Matter, CapitalRead, 101.World, GQ, a day Bulletin : สามารถค้นหาชื่อ ‘โสภณ ศุภมั่งมี’ ได้เลยครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา