8 ส.ค. 2022 เวลา 05:10 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Prey (2022) – ผู้ล่าเหยื่อขั้นสูงสุด
เกิดมาได้รู้จักกิตติศัพท์ของตัวละครเจ้า “เพรดเดเตอร์” จากการได้ดู Predator สองภาคแรกตั้งแต่จำความแทบไม่ได้ จำได้เพียงการสลับกันระหว่างป่าดิบชื้นไปเป็นป่าคอนกรีต พร้อมฉากตายที่แสนหฤโหด ก่อนที่ความทรงจำล่าสุดคือภาคของเชน แบล็ค เมื่อปี 2018 ซึ่งก็ไม่ได้ประทับใจเท่าไหร่นัก หากแต่เสียดายศักยภาพในเรื่องราวกับชุดตัวละครที่ควรมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ก่อนที่ผู้กำกับ ฯ แดน เทรนช์เทนเบิร์ก จะหยิบเอาเจ้าตัวละครนี้มาโลดแล่นอีกครั้งในเซ็ตติ้งยุคล่าอาณานิคมในหนังภาคต้นอย่าง Prey
Prey เล่าเรื่องราวของชนเผ่าโคแมนชี่ เมื่อ 300 ปีก่อน ว่าด้วยเรื่องราวของ นารู หญิงสาวนักรบซึ่งมากไปด้วยทักษะการล่าขั้นสูง เธอถูกเลี้ยงดูอยู่ภายใต้เงาของนักล่าระดับตำนาน ผู้โรมรันที่ราบใหญ่มาอย่างเนิ่นนาน ฉะนั้นเมื่อภยันตรายย่างกรายเข้ามาในหมู่บ้าน เธอจึงอาสาปกป้องผู้คนของเธอ แต่เหยื่อที่เธอตามล่าและต้องเผชิญตัวนี้ กลับกลายเป็นนักล่าผู้วิวัฒนาการขั้นสูงสุดและมาพร้อมยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย นำมาซึ่งการปะทะกันของสองศัตรูที่แสนน่าสยองขวัญ
กลับมาคราวนี้ Prey พาเราย้อนกลับไปในสมัยยุคล่าอาณานิคม บรรยากาศในช่วงแรกดูเรียบนิ่งแต่ขับเน้นด้วยกลิ่นอายของป่าเขาลำเนาไพร เหมือนได้หวนกลับไปเดินเส้นเรื่องแบบภาคแรก หากแต่การประจัญหน้าครั้งนี้ มีอีกฝ่ายเป็นตัวละครหญิงอย่าง นารู ซึ่งเธอพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเธอพร้อมจะเป็นนักรบ ขณะที่องก์แรกดำเนินไปอย่างนิ่งเรียบเน้นบรรยากาศ ก่อนจะเข้าสู่องก์สองที่จะเป็นช่วงที่การล่าเดือดเริ่มปะทุ
ขณะที่ตัวหนังแบ่งเป็นสามองก์ชัดเจน สิ่งที่ต้องชมอย่างแรกคือการดุลบรรยากาศได้อยู่หมัด ทั้งในการปูเซ็ตติ้งในช่วงเวลาที่วิทยาการยังไม่รุดหน้า และการปูพื้นเรื่องราวการพิสูจน์ตัวผ่านวัฒนธรรมชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง ก็ทำได้ถึง แม้ไม่ลงลึกเข้มข้นแต่มันก็ถูกเล่าออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ แถมจังหวะการเล่าเรื่องราว ก็ถูกขับเน้นด้วยการเล่าผ่านภาพและการกระทำเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้บรรยากาศและโทนของหนังออกมาดูดิบเถื่อนขึ้นจริง ๆ
นอกเหนือจากนี้ การลำดับอารมณ์ในเรื่องราวผ่านศูนย์กลางอย่าง “นารู” รวมถึงการปรากฎตัวของเพรดเดเตอร์ก็ทำได้ดีมาก ทั้งในการวางจังหวะการกำกับของแดน เทรนช์เทนเบิร์ก ที่ค่อย ๆ ยั่วด้วยการใส่ฉากเพรดเดเตอร์สลับกับเส้นเรื่องนารูไปเล็ก ๆ น้อย ก่อนจะประเคนความรุนแรงเลือดสาดเข้ามาในช่วงกลางองก์สอง และนำมาสู่ฉากสู้ทั้งหลายแหล่ที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์และสร้างความน่าลุ้นระทึกอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ ฉากสู้สุดท้ายที่เป็นการประจัญหน้ากันของสองตัวละคร ก็ทำออกมาได้สมศักดิ์ศรี
แล้วโดยส่วนตัว ภาคนี้ถือเป็นการทำให้แฟรนไชส์ Predator กลับมาดูน่าเกรงขามอีกครั้ง เพราะไม่เพียงแต่เรื่องราวของตัวเอกนารูจะดูน่าเอาใจช่วย (ซึ่งต้องชมการแสดงของแอมเบอร์ มิดธันเดอร์ ด้วย) แต่หนังก็ยังออกแบบ “ยวตจา” ให้ออกมาดูสมน้ำสมเนื้อและไม่ไฮเทคจนเกินไป ทั้งการปรากฎตัวแต่ละครั้ง, วิธีการฆ่าสุดเหี้ยมโหด หรือ พฤติกรรมในแต่ละช่วงเวลาของหนัง ก็ดูน่ายำเกรงและน่าเกรงขามขึ้นจริง ๆ
ความกล้าหาญภายใต้เรื่องราวของ Prey (ที่ชื่อยั่วล้อความหมายเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามของ Predator ได้น่าคมคาย) คือการบอกเล่าผ่านตัวละครที่เรามักจะมองข้ามอยู่เสมอ นั่นคือหญิงสาวในเผ่าโคแมนชี่ อย่าง นารู ที่หวังจะยืนหยัดสวนกระแสวัฒนธรรมในตอนนั้นด้วยการหวังจะเป็นนักล่าเฉกเช่นพี่ชาย ซึ่งมันก็สวนทางกับภาพจำที่เรามักเห็นใน Predator ที่มักมาพร้อมกับความ masculine ขั้นสุด และต็มไปด้วยชุดตัวละครเหล่าชายชาญที่หาญกล้าท้าสู่กับนักรบจากต่างดาว และมีตัวละครเพศหญิงเป็นเพียงไม้ประดับ
Prey ไม่เพียงบอกเล่า มุมมองของ “เหยื่อ” ได้อย่างแข็งแรง ผ่านแง่มุมการพิสูจน์ตัวในโลกที่ผู้ชายยังคงเป็นใหญ่ และถูกจำกัดสิทธิให้ทำหน้าที่เป็นเพียงพยาบาลหรือแม่บ้าน แต่มันบอกถึงโลกใบใหญ่ที่พวกเธอต้องเอาตัวรอด ทั้งการต้านทานกระแสสังคม การเอาชีวิตรอดจากสัตว์ป่า หรือแม้แต่การล่าอาณานิคม นั่นทำให้ นารู กลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำมาก ๆ ผ่านการที่เธอเรียนรู้วิธีการล่าและเอาตัวรอด หรือแม้แต่สู้ “เพศชาย” ด้วยตัวของเธอเอง หรือแม้แต่การที่เธอต้องต่อกรกับนักล่าขั้นสูงสุด เธอก็งัดทุกกลเม็ดมาเพื่อสู้กับมัน
สรุปแล้ว Prey คือการกลับมาช่วยชุบชีวิตแฟรนไชส์เพรดเดเตอร์ให้กลับมาน่าเกรงขามอีกครั้ง ด้วยกลิ่นอายและบรรยากาศที่ทำถึง การกำกับที่กล้าหาญและคุมจังหวะอยู่ เรื่องราวที่ถูกปูพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลให้ตัวละครหลักน่าเอาใจช่วย แถมตัวหนังนั้นก็ยังมีทุกสิ่งที่แฟนต้องการ ฉากฆ่าสุดโหดที่สร้างสรรค์ การปรากฎตัวของยวตจาที่น่ายำเกรง จนนำไปสู่ฉากสู้สุดท้ายที่สมศักดิ์ศรีมาก ๆ
4 / 5
Prey (2022)
Directed by Dan Trachtenberg
Screenplay by Patrick Aison
Story by Patrick Aison & Dan Trachtenberg
Based on Characters by Jim Thomas & John Thomas

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา