8 ส.ค. 2022 เวลา 03:17 • หนังสือ
#102 CWG. 4️⃣ — บทที่ 2️⃣4️⃣ (ตอนที่ 7) : ที่มาของ “แรงบันดาลใจ”
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : So it’s true that there are—to co-opt a popular phrase—“aliens among us.” Not just aliens in the universe, but aliens among us.
นีล : งั้นมันก็เป็นเรื่องจริงสิครับที่ —ผมขอนำวลียอดฮิตที่คนชอบพูดกันมาใช้ตรงนี้— “มีมนุษย์ต่างดาวอยู่ท่ามกลางพวกเรา” มนุษย์ต่างดาวไม่ใช่แค่มีอยู่ในจักรวาลเท่านั้น แต่พวกเขายังอยู่ท่ามกลางพวกเราอีกด้วย
A : Not in the sense that I know you mean, no.
พระเจ้า : เปล่า ไม่ใช่ในแบบที่เธอเข้าใจหรอก
You shouldn’t get the impression that thousands, hundreds, or even dozens of sentient beings from another dimension are walking the streets and sitting next to you in restaurants, or standing alongside you in supermarket checkout lines. In that sense, there are not, and have not been, aliens “among you.”
เธอไม่ควรจินตนาการไปว่า มีสิ่งมีชีวิตนับพัน นับร้อย หรือแม้กระทั่งนับสิบจากอีกมิติหนึ่งกำลังเดินกันเกลื่อนตามท้องถนน หรือกำลังนั่งอยู่ข้างเธอในร้านอาหาร หรือกำลังยืนเข้าแถวต่อจากเธอเพื่อรอจ่ายเงินในซูเปอร์มาร์เก็ต หรืออะไรแบบนั้น มันไม่มีและไม่เคยมีมนุษย์ต่างดาว “อยู่ท่ามกลางพวกเธอ” ในแง่นั้น
.
Q : Well, what are you saying, then?
นีล : ตกลงว่าพระองค์กำลังจะบอกอะไรครับเนี่ย❓
A : I’m saying that on rare occasion across human history there has been a time when a Highly Evolved Being has taken human form as a means of physically delivering—and, more important, visibly modeling—a particular message that could have been lost in the maelstrom of human affairs had it not been placed before your species for its consideration in the most direct way.
พระเจ้า : ฉันกำลังจะบอกว่า นานๆครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ จะมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงเข้าใช้รูปกายแบบมนุษย์ด้วยวิธีการคลอดออกมา —และที่สำคัญกว่านั้น ด้วยการสั่งสอนและประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่เด่นชัดเสียจนต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์— แต่คำสั่งสอนหรือบันทึกดังกล่าวอาจสูญหายไประหว่างมหันตภัยที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์เอง มนุษย์จึงไม่เคยมีโอกาสได้เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงสารเหล่านั้นได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
This may happen, on your time scale, once in a thousand years or more. It has been an infrequent and isolated occurrence.
เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้น ตามระบบเวลาของพวกเธอสักครั้งในรอบหลายพันปี หรืออาจนานกว่านั้น มันเป็นเหตุการณ์พิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
The far more usual method of seeking to assist the civilization on Earth (or any planet) is through the gentle sending of healing and supportive energy, in the form of comfort, insights, concepts, and ideas for humanity to consider living by. This is done through a process of what you might call inspiration.
ซึ่งวิธีการที่ถูกใช้เป็นประจำหรือวิธีปกติในการให้ความช่วยเหลืออารยธรรมบนโลก (หรือบนดาวเคราะห์ใดๆก็ตาม) นั่นคือ การส่งพลังแห่งการรักษาเยียวยาและพลังงานเกื้อหนุนอันอ่อนโยน ที่อยู่ในรูปแบบของความรู้สึกปลอบประโลม ญาณหยั่งรู้จากภายใน (ที่อยู่ๆก็เหมือนรู้ขึ้นมาเอง) แนวทาง และแนวคิด ในการใช้ชีวิตให้กับมนุษยชาติ สิ่งเหล่านี้ได้ทำผ่านกระบวนการของสิ่งที่เธออาจเรียกมันว่า “แรงบันดาลใจ”
No being or entity energetically enters anyone’s Mind in a personally intrusive way—that would break an unwritten code or guideline surrounding the process, which does not allow any entity to violate the private space of any sentient being’s thoughts.
สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจะไม่มีวันทำการบุกรุกเพื่อเข้าแทรกแซงจิตใจของสิ่งมีชีวิตใดเพื่อทำการควบคุม ชี้นำ ชักจูง ปลูกฝังความคิด หรือเพื่อกระทำการใดๆก็ตามกับจิตใจของสิ่งมีชีวิตอื่น —เพราะมันจะเป็นการทำลายหลักการที่เป็นอันรู้กันในหมู่ สวส. หรือแนวทางปฏิบัติของกระบวนการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านั้น ซึ่งนั่นก็คือ การไม่อนุญาตให้ตัวตนแบบใดก็ตามเข้าละเมิดพื้นที่ส่วนตัวทางความคิดของสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกใดๆ
HEBs simply place ideas into the space of life, and these ideas resonate with beings in the physical realm who are projecting a similar energetic signature. It is energetic resonance that draws those ideas to them. They will then often actually say, “I just ‘got’ an idea.” And they did. That is exactly what happened, and a perfect way to describe it.
สวส. เพียงแค่นำแนวคิดเพื่อการช่วยเหลือต่างๆเหล่านั้น ไปวางไว้ในพื้นที่แห่งชีวิต★ ซึ่งแนวคิดนั้นๆจะสั่นพ้องกับสิ่งมีชีวิตในมิติทางกายภาพผู้ซึ่งปล่อยลักษณะเฉพาะทางพลังงานแบบเดียวกันนั้นออกมา★★ มันคือ การสั่นพ้องทางพลังงานนั่นเองที่ดึงแนวคิดเหล่านั้นเข้ามาสู่ตัวเขา ผู้คนมักจะพูดกันว่า “ฉัน ‘ได้รับ-เกิด’ ความคิดแล้ว” ซึ่งมันก็เป็นความจริงตามนั้น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น และนี่ก็คือวิธีอธิบาย (ถึงกฎแห่งแรงดึงดูด) อันสมบูรณ์แบบ
★ซึ่งคือจักรวาลที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานชีวิตนั่นเอง
★★ตัวตนของคนๆหนึ่ง เกิดจากผลรวมของความคิด คำพูด และการกระทำของเขา ซึ่งตัวตนที่เขาเป็นก็จะส่งคลื่นความสั่นสะเทือนรูปแบบเฉพาะกระจายออกไปในจักรวาล
—แอดมิน—
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา