8 ส.ค. 2022 เวลา 12:30 • ประวัติศาสตร์
2 เรื่อง 2 รส กับปีศาจแมวญี่ปุ่น
ในบรรดาสัตว์เลี้ยงที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน แมวกับมนุษย์ดูจะผูกพันกันไม่น้อยไปกว่าสัตว์อื่นๆ ยิ่งอยู่ด้วยกันไปนานๆ ความผูกพันก็ย่ิงเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่นที่ผูกพันกับแมวไม่แพ้ชาติใดในโลก พวกเขาไม่เพียงเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์นำโชค แต่ในความเชื่อ ตำนานและเรื่องภูต ผี ปีศาจยังมีแมวไปปรากฏอยู่บ่อยครั้ง
1
วันที่8 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันแมวโลก Pastory ขอนำเรื่องราวแมวในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเล่าสัก 2 เรื่องครับ
1
.
บาเกะเนโก ปีศาจแมว
เรื่องแรกเป็นเรื่องปีศาจแมว หรือ บาเกะเนโกะ (bakeneko) เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ตาม ชุมน หมู่บ้านหรือเมืองใหญ่ๆ อาหารหลักของมันคือเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นปลา นก สัตว์ตัวเล็กๆ หรือบางตัวเลื่อนขั้นขึ้นมากินมนุษย์เป็นอาหารก็มี
1
บาเกะเนโกะ
ทั้งนี้ แมวที่จะกลายเป็นบาเกะเนโกะได้นั้นมักจะเป็นแมวอายุมาก เข้าทำนองยิ่งแก่ตัวลง ตบะก็ยิ่งแก่กล้ามากขึ้น บ้างก็ว่าแมวอายุ 12-13 ปี ก็กลายร่างเป็นปีศาจได้แล้ว ขณะที่บางพื้นที่ก็ว่ใช้เวลาแค่ 7 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบเป็นอายุคน แมวอายุ 7 ปี เท่ากับคนอายุ 44 ปี ส่วน 12-13 ปีของแมวนั้นก็เท่ากับ 64-68 ปี เรียกว่าถ้าเป็นคนก็เข้าวัยชราแล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่า แมวที่ถูกมนุษย์ทรมานก็อาจกลายเป็นปีศาจตามล้างแค้นมนุษย์ได้เช่นกัน
1
ว่ากันว่าพลังในแมวที่อายุมากขึ้น จะทำให้แมวตัวใหญ่ขึ้น บางตัวอาจใหญ่เท่าคนเลยก็มี
1
ถ้าดูลึกลงไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะพบว่าปีศาจแมวมีอยู่ 2 แบบ คือ บาเกะเนโกะ (Bakeneko) กับ เนโกะมาตะ (Nekomata) โดยความแตกต่างของปีศาจแมว 2 แบบนี้คือ เนโกะมาตะเป็นบาเกะเนโกะที่หางแยกออกเป็นสองหาง จนยืนได้ด้วยสองขาหลังเหมือนคน
ขณะที่บาเกะเนโกะไม่ดุร้ายกับคนเท่าเนโกะมาตะ แม้จะมีบ้างที่บาเกะเนโกะทำร้ายหรือกินมนุษย์ แต่ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเนโกะมาตะ
1
เนโกะมาตะ
ทั่วญี่ปุ่นมีนิทานเรื่องบาเกะเนโกะอยู่แทบทุกพื้นที่ โดยเรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นเรื่องเล่าจากจังหวัดซากะ (Saga) กล่าวถึง นาเบะชิมะ มิสึชิเกะ (Nabeshima Mitsushige) ไดเมียวแห่งแคว้นซากะ (Saga) จังหวัดไฮเซน (Hizen) สมัยเอโดะ
เรื่องมีอยู่ว่า…
ก่อนที่นาเบะชิมะจะรับตำแหน่งไดเมียว เขาเคยเป็นซามูไรรับใช้ในตระกูลริวโซจิ (Ryuzoji) มาก่อน แต่ด้วยความสามารถ ความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดี และผลงานในการรบ ทำให้ได้เลื่อนเป็นไดเมียวแห่งแคว้นซากะ ซึ่งจะว่าไปตำแหน่งของนาเบะชิมะนั้น สูงกว่าเจ้านายเก่าในตระกูลริวโซจิอยู่มาก นี่จึงเป็นเหตุให้คนในตระกูลดังกล่าวอับอาย และขัดเคืองใจที่นาเบะชิมะ มิสึชิเกะ ได้ดิบได้ดี ข้ามหน้าข้ามตากันแบบนั้น
ขณะเดียวกันก็พากันกลัวว่าวันหนึ่งพวกตนอาจถูกแย่งชิงที่ดินและทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็เป็นได้ หลายคนรับไม่ได้จึงพากันฆ่าตัวตายเพื่อหนีความอับอาย และเมื่อแม่ของคนตายรู้เรื่องก็เสียใจเกินจะรับไหว เธอระบายความเจ็บแค้นที่อัดอั้นอยู่ในใจให้แมวที่เลี้ยงไว้ฟัง ก่อนฆ่าตัวตายตามลูกชายไปในที่สุด
ว่ากันว่าแมวตัวนั้นเลียกินเลือดที่ไหลนองพื้นแล้วกลายเป็นบาเกะเนโกะ ทุกคืนที่ปราสาทตระกูลนาเบะชิมะ จะมีเสียงแมวร้องโหยหวน ปีศาจแมวออกอาละวาดทำลายข้าวของ ขณะเดียวกันนาเบะชิมะ มิสึชิเกะ ก็จะถูกปีศาจแมวทำร้ายจนเจ็บปวดทรมานอยู่ทุกคืน จนกระทั่ง โคโมริ ฮันซาเอมอน (Komori Hanzaemon) ปราบแมวปีศาจและช่วยตระกูลนาเบะชิมะไว้ได้
1
ต่อมาเรื่องนี้ได้รับการเล่าขานเป็นตำนาน รวมถึงนำไปเขียนเป็นหนังสือและแสดงเป็นละครด้วย
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งต้องบอกว่าดูเผินจะเป็นเรื่องแมวทดแทนบุญคุณคนที่เคยเลี้ยงดู ให้ข้าว ให้น้ำ ธรรมดาๆ แต่อ่านให้จบนะครับ จะรู้ว่าแฝงความโหดตามสไตล์ปีศาจไว้ไม่น้อยเลย
.
โอเกสะเนโกะ (Okesa neko) ปีศาจแมวแทนคุณ
เรื่องโอเกสะเนโกะ หรือเรียกว่าสั้นๆว่า โอเกสะ (Okesa) มาจากนิทานพื้นเมืองของเกาะซาโดะ (Sado) จังหวัดนีงะตะ (Niigata) ทางตะวันออกของทะเลญี่ปุ่น กล่าวถึงแมวที่แปลงร่างเป็นหญิงงาม และขายตัวเป็นเกอิชาเพื่อนำเงินมาตอบแทนบุญคุณหญิงชราที่เลี้ยงดูมันอย่างดีตลอดมา แต่วันหนึ่งเมื่อความลับของมันถูกเปิดเผย มันจะจัดการกับคนปากโป้งอย่างไร…
1
เรื่องมีอยู่ว่า…
นานมาแล้วมีหญิงชราอาศัยอยู่ในบ้านริมทะเลบนเกาะซาโดะตามลำพัง เธอรักแมวมาก เมื่อยังสาวๆ เธอมีแมวอยู่นับสิบตัวเลยทีเดียว แต่พอแก่ตัวลง เงินเก็บก็เริ่มร่อยหรอ จนวันหนึ่งเธอไม่มีเงินพอจะซื้ออาหารอีกต่อไป พวกแมวก็พากันจากเธอไปทีละตัวๆ เหลือเพียงแมวสามสี (calico cat) แก่ๆ ตัวเดียวเท่านั้น
1
หญิงชรารักแมวตัวนี้มาก ในวันที่เธอไม่มีอะไรจะให้มันกินแล้ว เธอยิ่งสงสารมันมากขึ้น หญิงชรานั่งลูบขนแมวพลางพูดว่า “นังเหมียว ตอนนี้ฉันไม่มีแม้เงินจะซื้อหาอาหารมาให้เจ้ากิน อย่าจากฉันไปเหมือนแมวพวกนั้นเลยนะ แกน่ะ เป็นแมวที่ฉันรักที่สุดรู้ไหม”
วันรุ่งขึ้น แมวตัวนั้นก็จากเธอไป
หญิงชราเสียใจมาก เธอเสียใจที่แม้แต่แมวก็ทอดทิ้งเธอไปในยามที่ต้องประสบความลำบากยากจนเช่นนี้ เธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในบ้านว่างเปล่า
ทันใดนั้น ประตูบ้านก็เปิดออก ที่หน้าบ้านหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่
“ยายจ๋า ฉันคือนังเหมียวสามสีของยายยังไงล่ะจ๊ะ ยายให้ข้าวให้น้ำฉันกินทุกวัน ฉันไม่ลืมหรอก ตอนนี้ฉันขอแทนคุณยายบ้างนะ ยายอย่าปฏิเสธเลยนะจ๊ะ”
หญิงชราตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก หญิงสาวคนนั้นดูเหมือนคนทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีส่วนไหนในร่างกายบอกว่าเธอเคยเป็นแมวมาก่อน
“เจ้าคิดจะทำอะไร” หญิงชราถาม “เจ้า…เจ้าไม่ต้องทำอะไรก็ได้นะ”
“ไม่ได้หรอกจ้ะยาย ท่านเลี้ยงดูฉันมา ฉันไม่ยอมให้ยายต้องทนลำบากยากเย็นอย่างนี้อีกต่อไปเด็ดขาด ยายจ๊ะ ข้าได้ยินมาว่าในเมืองมีคนจากเอโดะมาหาผู้หญิงไปทำงานเป็นเกอิชา ยายช่วยพาฉันไปหาเขาทีนะจ๊ะ”
เมื่อชายจากเมืองหลวงได้พบหญิงสาวก็ถึงกับตกตะลึงในความงามของเธอ “โอ… ช่างงดงามเหลือเกิน เจ้าจะต้องได้เป็นเกอิชาชื่อดังในเอโดะแน่ๆ ข้ารับรอง…” และก่อนเดินทางกลับพร้อมกับหญิงสาว ชายคนนั้นได้มอบเงินจำนวนมากให้หญิงชรา มันมากพอที่จะทำให้เธอสุขสบายไปได้ตลอดชีวิต
หลายเดือนต่อมา หญิงสาวจากเกาะซาโดะซึ่งบัดนี้ได้ชื่อใหม่ว่า โอเกสะ ก็กลายเป็นเกอิชาชื่อดัง ในเมืองหลวงมีแต่ข่าวร่ำลือในความงามของเธอ ขณะที่เพลงที่เธอร้องได้อย่างไพเราะนั้น แปลกหู แต่ฟังแล้วติดใจยิ่งนัก ที่สำคัญไม่เคยมีใครได้ยินเพลงนั้นมาก่อนเลยสักคนเดียว ผู้คนจากทุกสารทิศหลั่งไหลมาชมความงามและฟังเพลงของโอเกสะไม่ขาดสาย ทุกคืนภัตตาคารแห่งนั้นแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าที่ต่างก็อยากเห็นเกอิชาชื่อดังแห่งยุคสมัยด้วยตาของตนเองสักครั้ง
คืนหนึ่ง กัปตันพร้อมลูกเรือขึ้นฝั่งแล้วตรงมาที่ภัตตาคารแห่งนั้น เขาสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงลูกน้องเต็มที่ พร้อมบอกว่าคืนนี้เขายอมจ่ายไม่อั้น เพื่อให้ได้โอเกสะมาให้บริการเขากับลูกน้องเพียงห้องเดียว ไม่ต้องบริการลูกค้าอื่นอีก
โอเกสะร้องเพลงพร้อมกับบรรเลงชามิเซ็น (shamisen) ด้วยความไพเราะเพราะพริ้ง เธอร่ายรำอย่างอ่อนช้อย ขณะที่ชาวเรือทุกคนก็สนุกสนานไปกับเธอตั้งแต่บ่ายจนดึกดื่น
โอเกสะเนโกะ
ตอนนี้ทุกคนหลับกลิ้งอยู่บนพื้นห้องเต็มไปหมด มีเพียงกัปตันเรือคนเดียวที่ยังครองสติไว้ได้ เขาคลานเข้าห้องนอนก่อนหลับไปอย่างรวดเร็ว
แต่กลางดึกคืนนั้น เขาก็ตื่นขึ้นด้วยความตกใจในเสียงประหลาดที่ดังมาจากข้างห้อง เป็นเสียงที่ฟังแล้วชวนขนลุกที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา เขาลุกขึ้นจากที่นอน ค่อยๆ สอดส่ายสายตาหาช่องว่างบนประตูเลื่อนที่กั้นระหว่างห้องที่เขานอนกับห้องข้างๆ ที่มีเสียงประหลาดนั่น แล้วค่อยๆ แนบตาเข้ากับขอบประตูที่แยกออกเป็นช่องเล็กๆ…
แล้วก็ต้องตกตะลึง ตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น… แมวยักษ์กำลังเคี้ยวหัวปลาที่เหลืออยู่ในจานกับข้าวที่พวกเขากินกันไปเมื่อคืน แมวตัวนั้นสวมชุดเกอิชาและกิโมโนแบบเดียวกับที่โอเกสะสวมใส่เมื่อคืนไม่มีผิด
ปีศาจแมวชายตามาที่กัปตันพลางพูดว่า “อย่าได้บอกใครในสิ่งที่ท่านเห็นตอนนี้นะคะ เพราะถ้าท่านขืนทำล่ะก็ ข้าก็จำเป็นต้องจัดการปิดปากท่านค่ะ…”
กัปตันได้แต่พยักหน้า ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากลำคอของเขา เขากลัวสุดชีวิต ค่อยๆ รวบรวมความกล้า กระเถิบจากประตูบานนั้นทีละน้อยๆ
……………
1
รุ่งเช้า ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆฝน สายลมอ่อนๆ พัดมา อากาศแบบนี้ชาวเรือถือว่าเหมาะแก่การออกเรือมาก พอแล่นเรือมาได้สักพัก ก็พูดคุยกันว่าพวกเขาไม่เคยเห็นใครงามเท่าโอเกสะมาก่อน แม้แต่เพลงที่เธอร้องก็เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเช่นกัน
“พวกเจ้า… เกอิชาคนนั้น…” กัปตันซึ่งยังตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่หายพูดขึ้น “...พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้ว เธอ…”
“อะไรกัน อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ได้ มีอะไรก็พูดมาสิ…” ลูกเรือคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ
“พวกเจ้ารู้ไหม ที่จริงแล้ว เกอิชาคนนั้นเป็นปีศาจแมวบาเกะเนโก…” แล้วเขาก็เล่าเรื่องชวนขนลุกที่ได้เห็นกลางดึกคืนผ่านมาให้ทุกคนฟัง ทว่า ทุกคนกลับหัวเราะ หาว่ากัปตันกุเรื่องขึ้นมาหลอกพวกเขาแน่ๆ
ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่แจ่มใส กลับเต็มไปด้วยเมฆดำทะมึน ลมพายุที่ไม่มีเค้ามาก่อน พัดแรงจนเรือโยกโคลงแทบล่มอยู่กลางทะเลนั้น ทุกคนเงียบจนได้ยินแต่เสียงลม
“เร็วเข้า เรือจะล่มแล้ว” ไม่ต้องบอกซ้ำสอง ลูกเรือทุกคนเข้าประจำที่ของตัวเองทันที
เมฆดำกลุ่มใหญ่ม้วนตัวเหนือเรือลำนั้น พลันแมวยักษ์ก็ปรากฏขึ้น มันลากตัวกัปตันปากโป้งหายลับไปในอากาศ
ลูกเรือที่เหลือร้องขอชีวิต ทุกคนสาบานว่าจะไม่ปริปากเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด
ทันใดนั้น พายุก็สงบ ท้องฟ้ากลับกระจ่างสว่างสดใสเหมือนไม่เคยเกิดเหตุใดขึ้นเมื่อชั่วครู่ ทุกคนปิดปากเงียบ ค่อยๆ พาเรือแล่นออกไป ทิ้งเรื่องราวของโอเกสะโฉมงามไว้เบื้องหลัง พร้อมด้วยกัปตันที่ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย
แหล่งข้อมูล
เครดิตภาพ
โฆษณา