15 ส.ค. 2022 เวลา 01:55 • สุขภาพ
ไม่เกิน6ช้อนชาต่อวัน ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปว่า ในแต่ละวันไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 4 ช้อนชา หรือ 16 กรัม (น้ำตาล 1 ช้อนชา จะเท่ากับประมาณ 4 กรัม) และสำหรับวัยรุ่นหญิง/ชาย วันทำงาน คือ ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา
“น้ำตาล” เป็นพิษอย่างเลวร้ายสําหรับมนุษย์
..และมันถูกกฎหมาย..!!
.
น้ำตาลไม่เคยถูกแบน เพราะมันเป็นธุรกิจ
ที่ร่วมมือกับอุตสาหกรรม
.
น้ำตาล คือ ความหิวโหยของเซลล์มะเร็ง😬
.
แนวคิดใหม่ของการรักษา คือ..
การงดเว้นน้ำตาล เข้าสู่ร่างกาย
ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อ และ ค่อยๆ ตาย..!!
.
น้ำตาลเป็นอาหารของเซลล์มะเร็งทั้งหลาย
.
📚 ดร. Raymond Francis
เขียนหนังสือที่น่าทึ่ง จำนวนสามเล่ม:
.
(1) 🌿 ไม่เคยป่วย
(2) 🌿 อย่ากลัวมะเร็ง
(3) 🌿 อย่าอ้วนอีก
.
ดร.เรย์มอนด์ เขียนหนังสือเหล่านี้
หลังจากมีประสบประสบการณ์กับมะเร็ง
ที่แพทย์หมดหวังกับเขาเมื่อตอนอายุ 45 ปี
.
วันนี้เขาอายุ 75 แล้ว และ..
ไม่เคยเจ็บป่วยเลยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
ยกเว้นเป็นหวัดเพียงครั้งเดียว
.
กุญแจสําคัญที่ Dr. Raymond พูด
ในหนังสือสามเล่มของเขาคือ :
.
“อยู่ห่างจากน้ำตาลตลอดไป”
.
นอกจากการออกกําลังกายที่ดีแล้ว
เราต้องควบคุมอาหารที่ร่างกายต้องการ
.
หมอบอกว่า:
.
🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ ไข้หวัด ทั้งปวง 💥
🌿การกินน้ำตาลหนึ่งช้อน
จะลดภูมิคุ้มกันของร่างกายลง 50%
🌿การดื่มโคคาโคล่าหนึ่งกระป๋อง
ลดภูมิคุ้มกันลง 10% เป็นเวลา 10 ชั่วโมง
🌿น้ำตาลทําให้เกิดโรค อัลไซเมอร์
🌿นัำตาลเป็นอาหารของ เซลล์มะเร็ง 💥
🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ โรคหัวใจทั้งหมด
🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ ความอ้วน บวมฉุ
🌿น้ำตาลเป็นสาเหตุของ การกักเก็บไขมัน
🌿ทุกโรคที่เกิดกับมนุษย์ มีน้ำตาลเป็นพระเอก
.
หมอบอกว่า:
พ่อแม่ ไม่ยอมให้ลูก สูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุรา
แต่ซื้อขนมหวานที่อันตรายกว่ามาให้บริโภค
.
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์:
.
🌿โยเกิร์ต เป็นแหล่งแคลเซียมสูงสุด
เนื่องจากมีแคลเซียม 450 มก. ต่อแก้ว
ดังนั้น จงกินโยเกิร์ตเป็นอาหารทุกวัน❤
.
🌿มิ้นท์ สะระแหน่ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียน
ของเลือดและบำรุงหัวใจ ให้ทานเป็นประจํา
ช่วยผ่อนคลายแก๊ส ทําให้ตับแข็งแรง
แก้ไอ บำรุงประสาท และลดความโกรธ
ช่วยอาการนอนไม่หลับและขับปัสสาวะ
และช่วยย่อยอาหารได้ดี
.
🌿น้ำอัดลม เป็นสาเหตุ โรคกระดูกพรุน
หัวใจและไต โรคอ้วน เบาหวาน ฟันผุ
.
🌿เครื่องดื่มชูกําลังเป็นอันตรายต่อเด็ก
ทําให้หัวใจเต้นเร็ว ตะคริว ลิ่มเลือดอุดตัน
.
🌿ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่สามารถปกป้องคุณจากมะเร็งได้
.
🌿แซลมอน แอปเปิ้ล องุ่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่
ผักโขม เป็นอาหารที่ช่วยเซลล์ประสาท
และเสริมสร้างความจํา
.
🌿ความผิดพลาดที่พบบ่อย คือการบอกว่า
ดื่มน้ำระหว่างอาหารทําให้ย่อยอาหารยาก
จริงๆ แล้วน้ำ ไม่ทําให้ท้องอืด
แต่ ช่วยในการย่อยอาหารด้วย
.
🌿คุณควรดื่มน้ําสักแก้วเมื่อตื่นนอน
เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำตอนหลับ
และช่วยชะล้างสารพิษในร่างกาย
.
🌿เดินวันละ 20 นาที 3 วันต่อสัปดาห์
ปกป้องคุณจาก โรคหัวใจ เบาหวาน
โรคซึมเศร้า ความดัน คอเลสเตอรอล
.
🌿กระเทียม ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง
เพราะมันสามารถเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
.
🌿ขิงทานร้อนๆ ตอนบ่าย ช่วยผลาญไขมัน
และขับสารพิษออกจากร่างกาย
.
.
Cr: Florentin Patriotaseven
10 วิธีลดน้ำตาลในร่างกาย หากทำได้ห่างไกลโรค
รสหวานเป็นรสชาติที่อร่อยและคนทั่วไปมักติดความหวานในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เพราะทำให้สมองแจ่มใสและลดความเครียด จนมักทำให้พวกเราทานน้ำตาลเกินความต้องการของร่างกาย และเมื่อน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง
จากปริมาณที่เคยบริโภคในแต่ละวันก็เริ่มส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้หงุดหงิด และอ่อนเพลียง่าย สรุปแล้วน้ำตาลจึงให้ผลเสียแก่เราในระยะยาวมากกว่าผลดีค่ะ
.
ภาวะการติดน้ำตาล จะก่อให้เกิดโรคร้ายชัดเจนถึง 4 โรค
1. ฟันผุ
2. อ้วน
3. เป็นโรคหัวใจ ความดัน
4. มะเร็ง
.
ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการลดระดับน้ำตาลที่ต้องบริโภคในแต่ละวันกันค่ะ
.
1️⃣ เปลี่ยนเครื่องดื่ม
ตัดน้ำอัดลมทิ้งไปเลยค่ะ ในเวลาที่กระหายน้ำ และหยิบน้ำผลไม้มาดื่มแทน ลดเครื่องดื่มชูที่กำลังจะทานระหว่างออกกำลังกาย แล้วเปลี่ยนไปเป็นดื่มน้ำแร่แทน ลดกาแฟในยามเช้า ดื่มน้ำมะนาว ชาสมุนไพร อเมริกาโน หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลแทน
.
2️⃣ ลดอาการติดน้ำตาลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อร่างกายคุณเสพน้ำตาลจนเคยชินแล้ว และถ้าคุณตัดขาดจากของหวานที่เคยชอบกินเช่น เค้ก ไอศครีม คุกกี้ พาย โดนัท ทันที คุณจะรู้สึกเหมือนร่างกายไม่มีพลังงานและรู้สึกเฉื่อยชา ดังนั้นคุณอาจทนแทนด้วยการทานผลไม้ที่มีรสหวานไม่มาก เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง และผลไม้ตระกูลเบอรี่ หรือทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพต่างๆ ซึ่งจะมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยให้ร่างกายคุณสดชื่นขึ้นอีกด้วย
.
3️⃣ อาหารไขมันสูงอาจดีต่อสุขภาพมากกว่าอาหารไขมันต่ำ
ถ้าคุณพยายามจะลดน้ำตาล คุณควรเลือกทานอาหารที่มีไขมันดี เช่น อโวคาโด มันม่วง มันหวาน ฟักทองนึ่ง เป็นต้น หรืออาหารที่มีคาโบไฮเดรตเชิงซ้อน จริงๆ แล้วไขมัน เป็น 1 ในสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ท้องเป็นเวลานาน หลายๆ ครั้งในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิดที่มีฉลากปิดว่า fat-free เมื่อนำมาทดสอบแล้วกลับพบว่า มีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าอาหารที่มีไขมันดีเสียอีก
.
4️⃣ รับประทานอาหารออร์แกนิก หรืออาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป
อาหารปรุงสำเร็จ หรืออาหารตามร้านอาหาร อาจจะเต็มไปด้วย เกลือ น้ำตาล และผงชูรส ในปริมาณที่มาก ทำให้เราไม่อาจควบคุมได้ อาหารที่ผ่านการแปรรูปมักจะแต่งสี กลิ่น และสารกันบูด และหากคุณสามารถทำอาหารกินเองที่บ้าน นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้วยังช่วยให้คุณสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลและเกลือในอาหารได้
.
5️⃣ อย่าประมาทกับคำว่า “ขนมเพื่อสุขภาพ”
รู้หรือไม่ว่าขนมที่ทำจากธัญพืช เช่น กราโนลาแท่ง โปรตีนแท่ง และผลไม้อบแห้ง ในบางครั้งก็มีปริมาณน้ำตาลสูงพอๆ กับการกินช็อคโกแลต 1 แท่งเลยล่ะค่ะ
.
6️⃣ ลดอาหารเช้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาล
พวกซีเรียลที่เคลือบน้ำตาล แพนเค้กราดน้ำผึ้ง พาย วาฟเฟิล ขนมปังกับแยม ครัวซอง และมัฟฟิน เป็นอาหารสุดโปรดที่ผู้คนชอบรับประทานร่วมกับกาแฟในยามเช้า แต่ทว่าอาหารเช้าเหล่านี้แหละเป็นเหตุให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราสูง ดังนั้น อาหารเช้าทางเลือกใหม่ที่ควรเปลี่ยนเพื่อสุขภาพได้แก่ กรีกโยเกิร์ต ไข่ต้ม ไข่คน ไข่ดาวน้ำ หรือไข่ที่ทอดบนกระทะเทฟล่อนแบบไม่ใช้น้ำมัน หรือกินอะโวคาโด ที่มีพลังงานสูง มีไขมันที่ดี และมีน้ำตาลต่ำก็ได้
.
7️⃣ ส่วนผสมข้างฉลากที่ควรหลีกเลี่ยง
คุณไม่ควรเลือกอาหารอย่างฉาบฉวยในซุปเปอร์มาเก็ตเพียงแค่เห็นคำว่า “low sugar” หรือ “no sugar” แต่คุณจะต้องสังเกตส่วนผสมเหล่านี้ ซึ่งอันตรายเท่าๆกับน้ำตาล แต่ใช้คำที่ยากต่อการสังเกต เช่น
.
- น้ำเชื่อมข้าวโพด (High-fructose corn syrup)
- มัลโตส (Maltose)
- เด็คโตรส (Dextrose)
- น้ำเชื่อมข้าว (Rice syrup)
- คาราเมล (Caramel)
- สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (Invert sugar)
- น้ำเชื่อม (Molasses)
.
8️⃣ สิ่งที่ให้ความหวานตามธรรมชาติ
ภาวะเสพติดน้ำตาล ไม่ต่างจากความรู้สึกของคนติดแอลกอฮอล์เลยล่ะค่ะ เราถึงต้องใช้ความอดทนสูงมากในช่วงเวลาที่ขาดน้ำตาล เพื่อบรรเทาความรู้สึกนี้ ลองใช้ความหวานตามธรรมชาติในการทำเครื่องดื่ม หรือปรุงอาหารแทน การลดความหวานบางครั้งทำให้รู้สึกหงุดหงิด หิว กระวนกระวาย จึงไม่ควรลด
คุณสามารถรับประทานอาหารที่มีรสหวานได้ตามเดิม เพียงแค่เปลี่ยนมาใช้ สารให้ความหวานอื่นๆ แทนได้
.
9️⃣.อย่าเก็บขนมหวานไว้ในบ้าน
ในยามที่ความอยากน้ำตาลเพิ่มขึ้น สมองของเราที่เคยชินกับการรับปริมาณน้ำตาลทุกวันจะสั่งการให้คุณรีบไปหาอะไรหวานๆ มากิน ดังนั้นอย่าซื้อพวกช็อคโกแลต ไอศครีม หรือลูกอมมาเก็บไว้ในบ้านเพราะถ้าเห็นเข้าก็จะโดนความหิวเข้าจู่โจมทันที และถ้าคุณทนไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะลองหาขนมที่มีความหวานต่ำ หรือขนมที่ไม่มีแคลอรี่มากินแทนไปก่อน
.
🔟นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนน้อย หรืออดนอน ส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า และภูมิต้านทานต่อโรคภัยต่ำ สมาธิสั้น ประสิทธิภาพในการทำงานจึงลดลง แถมกลุ่มคนที่อดนอนยังมีความรู้สึกหิว กระหาย และอยากกินของหวานมากกว่ากลุ่มที่นอนเพียงพอ ดังนั้นการเข้านอนเร็ว และนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้คุณลดความรู้สึกอยากกินของหวาน และช่วยให้สมองลดความต้องการน้ำตาลลงได้
.
การลดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะน้ำตาลเป็นอาหารที่ส่งผลให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ตามมา ทั้งมะเร็ง เบาหวาน โรคอ้วน แต่การไม่รับประทานน้ำตาลเลย ไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง ในทางที่ดีเราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควบคุมปริมาณน้ำตาลให้อยู่ในระดับพอดีจะเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ
โฆษณา