5 ก.ย. 2022 เวลา 13:00 • หนังสือ
คุณเชื่อประโยคนี้หรือไม่ “ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ” ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย
แม้แต่การลงทุนในตลาดหุ้นก็เช่นกัน
สรุปหนังสือ The Psychology of Money ตอนที่ 16
ในสัปดาห์ที่แล้ว แอดก็ได้เล่าถึงบทที่ 14 ของจิตวิทยาว่าด้วยเงินไปแล้ว นั่นคือเรื่องของ “คุณจะเปลี่ยนไป” ค่ะ
ในสัปดาห์นี้ แอดก็จะมาเล่าต่อในบทที่ 15 ว่าด้วยเรื่องของ “ไม่มีอะไรได้มาฟรี” เนื้อหามีดังนี้
Topic:
1) ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นคืออะไร?
2) วิธีคิดที่ช่วยให้อยู่รอดในตลาดหุ้นได้นานพอที่จะทำให้กำไร
3) ผลตอบแทนจากตลาดนั้นไม่เคยได้มาฟรี และจะไม่มีวันได้มาฟรีๆ
อยากรู้แล้วใช่ไหมคะ ก็ตามมาอ่านกันได้เลย!!!
เฮาเซิลบอกว่า...
คุณคงจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ถือหุ้นในระยะยาว” นั่นเป็นคำแนะนำที่ดี
แต่คุณรู้ไหมว่าการรักษาทักษะของการมองแนวโน้มระยะยาวเอาไว้นั้นยากแค่ไหนในเวลาที่หุ้นกำลังพังทลายลงมา?
การลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย เช่นเดียวกันกับทุกสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับความพยายาม แต่ทว่าสกุลเงินของมันไม่ใช่ดอลลาร์และเซนต์
มันคือ
- ความผันผวน
- ความกลัว
- ความไม่แน่นอนและ
- ความเสียใจ
สิ่งเหล่านี้ถูกมองข้ามไปได้อย่างง่ายดายจนกว่าคุณจะได้รับมือกับพวกมันในเวลาที่คุณได้เจอกับมันจริงๆ
หากสมมติว่าคุณต้องการผลตอบแทนรายปีจำนวน 11% ตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปีข้างหน้าเพื่อที่คุณจะได้เกษียณอย่างมีความสุข คำถามก็คือผลตอบแทนนี้ได้มาฟรีหรือเปล่า?
แน่นอนว่า “มันไม่ฟรี” โลกนี้ไม่เคยใจดีขนาดนั้น มันมีราคาอยู่ เป็นบิลที่คุณต้องจ่าย ในกรณีนี้มันเป็นตลกร้ายที่ไม่มีวันจบของตลาดที่ให้ผลตอบแทนมหาศาลและก็เอากลับคืนไปได้อย่างรวดเร็วพอๆ กัน
คำถาม: ทำไมคนจำนวนมากที่ยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อรถ บ้าน อาหาร และช่วงเวลาพักผ่อน กลับพยายามอย่างหนักที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายให้กับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี?
เฮาเซิลบอกว่าคำตอบนั้นเรียบง่ายมาก นั่นก็คือ...
ราคาของความสำเร็จในการลงทุนนั้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในทันที มันไม่มีป้ายราคาแปะไว้ให้คุณมองเห็น
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องชำระบิล มันจึงไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ได้ของดีมาครอบครอง แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการโดนค่าปรับจากความผิดพลาดอะไรบางอย่างที่คุณทำ
และในขณะที่คนทั่วไปมักจะโอเคกับการจ่ายค่าธรรมเนียม แต่สำหรับค่าปรับแล้วพวกเขามักจะคิดเอาเองว่ามันเป็นสิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยง คุณมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ ค่าปรับจราจรและค่าปรับภาษีนั้นหมายความว่าคุณกำลังทำอะไรบางอย่างผิดและสมควรที่จะได้รับการลงโทษ
ใครก็ตามที่กำลังมองดูความมั่งคั่งของตัวเองลดลงและมองเห็นการลดลงนั้นเป็นเหมือนกับค่าปรับ นั่นคือการตอบสนองตามธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับในอนาคต
สิ่งนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การมองว่าความผันผวนของตลาดนั้นเป็นเหมือนกับค่าธรรมเนียมแทนที่จะเป็นค่าปรับนั้นเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนากรอบความคิดที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้นานพอที่จะทำให้กำไรจากการลงทุนทำงานเพื่อผลประโยชน์ของคุณ
มีนักลงทุนน้อยคนนักที่จะพูดได้ว่า “จริงๆ แล้วผมโอเคถ้าหากต้องเสียเงินไป 20%” และสิ่งนี้จะจริงเป็นสองเท่าสำหรับนักลงทุนที่ไม่เคยเจอกับการลดลง 20% มาก่อน
แต่ถ้าหากว่าคุณมองความผันผวนให้เป็นเหมือนกับค่าธรรมเนียม สิ่งต่างๆ จะดูแตกต่างออกไปจากเดิม
ตั๋วดิสนีย์แลนด์นั้นมีราคา 100 เหรียญ แต่คุณจะได้มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับลูกๆ ของคุณที่คุณจะไม่มีวันลืม ในปีที่ผ่านมามีคนมากกว่า 18 ล้านคนที่คิดว่าค่าธรรมเนียมนั้นคุ้มค่าที่จะจ่าย มีคนจำนวนไม่มากที่รู้สึกว่าเงิน 100 เหรียญนั้นเป็นการลงโทษหรือเป็นค่าปรับ
ค่าธรรมเนียมที่คุ้มจ่ายจะเห็นได้ชัดก็ต่อเมื่อคุณรู้ว่าคุณจ่ายมันไปเพื่ออะไร
เช่นเดียวกับกับการลงทุน ที่ซึ่งความผันผวนส่วนใหญ่มักจะเป็นค่าธรรมเนียม ไม่ใช่ค่าปรับ
ผลตอบแทนจากตลาดนั้นไม่เคยได้มาฟรี และจะไม่มีวันได้มาฟรีๆ มันเรียกร้องให้คุณจ่ายเช่นเดียวกันกับสินค้าอื่นๆ คุณไม่ได้ถูกบังคับให้จ่ายค่าธรรมเนียมนี้เช่นเดียวกันกับที่คุณไม่ได้ถูกบังคับให้ไปดิสนีย์แลนด์
คุณสามารถเลือกที่จะไปงานออกร้านของจังหวัดที่ตั๋วอาจมีราคาแค่ 10 เหรียญ หรืออยู่บ้านโดยที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย คุณอาจจะยังคงมีช่วงเวลาที่ดี แต่คุณมักจะได้ในสิ่งที่คุณจ่ายเสมอ
เช่นเดียวกันกับในตลาดหุ้น ค่าธรรมเนียมความผันผวนและความไม่แน่นอนซึ่งเป็นราคาของผลตอบแทน คือ ต้นทุนของค่าผ่านประตูเพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนที่มีค่าธรรมเนียมเช่นเงินสดและพันธบัตร
เครดิตภาพ: https://www.japankakkoii.com/japan-travel/tokyo-disneyland-disneysea-ticket/
เคล็ดลับของเรื่องนี้ก็คือ การโน้มน้าวให้ตัวคุณเองเชื่อว่าค่าธรรมเนียมของตลาดนั้นคุ้มค่าที่จะจ่าย นั่นคือหนทางเดียวที่จะรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอนได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่เพียงทนกับมัน แต่คุณต้องตระหนักได้ว่ามันเป็นค่าธรรมเนียมผ่านประตูที่คุ้มค่า
แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น บางครั้งดิสนีย์แลนด์ก็ฝนตก
แต่ถ้าหากคุณยังมองเห็นค่าผ่านประตูเป็นค่าปรับ คุณก็จะไม่มีวันที่จะได้เพลิดเพลินไปกับเวทมนตร์ของตลาด
ดังนั้น จงหาราคาให้เจอแล้วจ่ายมันซะ
ผลตอบแทนจากตลาดนั้นไม่เคยได้มาฟรี และจะไม่มีวันได้มาฟรีๆ
- มอร์แกน เฮาเซิล
อ่านจบแล้วเป็นยังไงบ้างคะ?
ใครที่กำลังลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะคนที่ลงทุนแบบระยะยาว น่าจะเข้าใจว่าบทความนี้ต้องการจะสื่ออะไรค่ะ ซึ่งแอดเองก็เป็นคนนึงที่ลงทุนแบบนี้ค่ะ
มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนแอดว่า กราฟหุ้นมันเป็นรอบหรือวัฏจักรเสมอ มีขึ้นมีลง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ถ้าเราเข้าใจวัฎจักรพวกนี้จะทำให้เรานิ่งขึ้นไม่ตกใจเวลาที่หุ้นขึ้นมากๆ หรือตกมากๆ ค่ะ
เอาจริงๆ พูดดูเหมือนง่ายนะคะ แต่พอทำจริงๆ แล้วไม่ง่ายเลย แต่เรื่องพวกนี้แอดคิดว่ามันเป็นทักษะค่ะ ถ้าเราฝึกเรื่อยๆ มันจะง่ายขึ้น
ก็ให้กำลังใจทุกคนนะคะรวมถึงตัวแอดเองด้วยที่กำลังเผชิญอยู่กับตลาดขาลง ขอให้ผ่านมันไปให้ได้ แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ ^^
โฆษณา