Shin Ultraman (2022) – กำเนิดใหม่อุลตร้าแมน
ก่อนหน้าที่โลกภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยหนังซูเปอร์ฮีโร่มากมายหลายชื่อ และในยุคที่คอมมิคยังไม่ได้บูมในวงกว้าง ฮีโร่จากแดนญี่ปุ่น จึงเป็นหนึ่งในภาพจำที่แสนเรือนรางในวัยเด็ก ซึ่งต้องยอมรับว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของแฟรนไชส์ฮีโร่อุลตร้าแมนเท่าไหร่นัก แต่ภาพของมนุษย์ยักษ์สีเงินยิงลำแสงปราบอสูรกาย ก็เป็นความทรงจำในวัยเด็กที่ดีอยู่ไม่น้อย จนกระทั่ง ฮิเดอากิ อันโนะ ตัดสินใจหยิบเอาอุลตร้าแมนมายกเครื่องสู่ยุคใหม่ด้วยหนังอย่าง Shin Ultraman
Shin Ultraman เล่าเรื่องของประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกรุกรานโดยสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์อย่าง “ไคจู” อย่างต่อเนื่อง คณะรัฐบาลญี่ปุ่นจึงจัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามไคจูขึ้น เพื่อวางแผนรับมือและป้องกันความเสียหาย ขณะที่พวกเขากำลังเผชิญกับการบุกของเนรอนก้า มนุษย์ร่างยักษ์สีเงิน “อุลตร้าแมน” ก็ลงมาจุติบนโลกและจัดการกำจัดเนรอนก้าอย่างสิ้นซาก ด้วยความหวังที่มนุษย์ร่างยักษ์สีเงินนี้จะลงมาช่วยจัดการไคจู หน่วยเฉพาะกิจฯ และรัฐบาลญี่ปุ่นจึงต้องรับมือกับภยันตรายใหม่ที่มาจากทั้งในโลกและนอกโลก
ตัวหนังเปิดฉากมาด้วยการเล่าเซ็ตติ้งของเรื่อง ที่เหล่าฝูงไคจูมากมายหลายชนิดรุกรานขึ้นประเทศญี่ปุ่น จนหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามไคจูถูกก่อตั้งมาเพื่อรับมือกับเหล่าไคจูดังกล่าว จนกระทั่งการรับมือของเนรอนก้า มาพร้อมกับการปรากฎตัวของอุลตร้าแมน ตัวหนังมีกลิ่นอายที่คล้ายงานก่อนของอันโนะอย่าง Shin Godzilla อยู่มาก แทรกด้วยอารมณ์ขัน และเนื้อหาวิพากษ์ทางการเมือง แต่หนังก็ใช้กลิ่นอายที่หวนให้นึกถึงความคลาสสิคแบบซีรีส์อุลตร้าแมนอยู่ไม่น้อย
ส่วนที่ดีของเรื่องราวคือ เนื้อหาที่ว่าด้วยการวิพากษ์ถึงการมีอยู่ของอุลตร้าแมน ที่ทำให้เราเห็นถึงแง่มุมทางการเมือง และมองอุลตร้าแมนเป็นดั่งพลังอำนาจทางการฑูตระหว่างประเทศได้น่าสนใจมาก ๆ รวมถึงการตีความผ่านสัมพันธไมตรี จากปรากฎตัวของอริราชศัตรูหรือแม้แต่การผูกสัมพันธมิตรกับมัน ก็เป็นสิ่งที่ชาญฉลาดและน่าขบคิด มีนความเป็นหนังการเมืองอยู่ไม่น้อย
นอกเหนือจากนี้ การที่ตัวหนังสามารถ ปรับตัวอุลตร้าแมนให้เข้ากับยุคใหม่ ได้อย่างเข้าที ทั้งการนำเสนอด้วยเทคนิคด้านภาพพิเศษด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิก หรือแม้แต่การใช้มุมกล้องและเทคนิคการเล่าเรื่องต่าง ๆ ก็เสริมให้มันอยู่ร่วมกับยุคใหม่ได้อย่างไม่เขอะเขิน
พร้อมกันนั้น มันยังเชิดชูกลิ่นอายยุคเก่าไปพร้อม ๆ กัน ผ่านการนำเสนอด้วยดนตรีประกอบ, เสียง foley หรือแม้แต่ฉากสู้ระหว่างอุลตร้าแมนกับไคจูเอง ที่ถึงแม้จะถูกเนรมิตด้วยซีจี แต่มันยังคงให้ความรู้สึกที่เราเคยเห็นจากซีรีส์ในวัยเด็ก ที่เป็นฉากแบบ miniature มากกว่าจะเป็นสองยักษ์ใหญ่ถล่มเมือง นั่นจึงทำให้ตัวหนังมีช่วงเวลาที่สามารถเซอร์วิสแฟนตัวยงได้ไม่ยาก เอาแค่ Title Card แรก สาวกก็เปี่ยมสุขแล้ว
กระนั้นเอง ตัวหนังมีความรู้สึกเหมือนเป็นเส้นเรื่องหลักที่ไม่เชื่อมโยงถึงกันเท่าไหร่นัก แต่ประกอบด้วยเรื่องราวแยกย่อยอย่างน้อย 2-3 เรื่องมาต่อ ๆ กันไปจนจบ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นซีรีส์หลายตอนมาต่อกัน มากกว่าจะเป็นหนังหนึ่งเรื่อง ซึ่งถึงแม้มันจะยกระดับภัยคุกคามให้ใหญ่จนไปสมกับไคลแมกซ์ก็ตาม แต่ด้วยองค์รวม มันก็ดูแยกย่อยเกินกว่าจะมองมันเป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าเป็นฉบับเดียว
น่าสนใจที่ถึงแม้จักรวาลนี้ กับ Shin Godzilla จะไม่เกี่ยวโยงกัน แต่มันทำให้เราเห็นมุมมองในเชิงวิพากษ์การมีอยู่ของอุลตร้าแมนในเชิงการเมือง และพูดถึงการกระหายในกุมไว้ซึ่งอำนาจ กับพลังอันแรงกล้าที่จะเอาชีวิตรอดของมนุษย์ จากที่เห็นในเรื่องที่แม้ว่าประเทศญี่ปุ่น จะเผชิญหน้ากับการที่สัตว์ประหลาดยักษ์ไคจูบุกรุกรานมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่พวกเขาก็ยังเอาชนะได้ด้วยยุทโธปกรณ์และความสามัคคีเท่าที่ขอบเขตพวกเขามี เช่นเดียวกันกับ เมื่อมีพันธมิตรที่คอยพิทักษ์รักษามาตุภูมิเอาไว้ พวกเขาก็ย่อมเล็งเห็นมันเป็นเครื่องต่อรองทางการฑูตได้เหมือนกัน
สรุปแล้ว Shin Ultraman คือการยกเครื่องฮีโร่ร่างยักษ์สีเงินอย่างอุลตร้าแมนได้ประสบความสำเร็จ ทั้งการปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ แต่มันยังเชิดชูด้วยกลิ่นอายจากยุคเก่าได้อย่างพร้อม ๆ กัน นำเสนอเรื่องราวที่วิพากษ์ถึงการมีอยู่ในโลกจริงของอุลตร้าแมน ผ่านองค์ประกอบทางการเมือง เปรียบเป็นดั่งสัญลักษณ์และพลังอำนาจทางการฑูตระหว่างประเทศที่น่าสนใจ ถึงแม้เรื่องราวของมันจะเป็นเหมือนซีรีส์หลายตอนต่อกัน มากกว่าจะเป็นหนังหนึ่งเรื่องก็ตาม แต่มันก็ถือเป็นจุดกำเนิดสู่ยุคใหม่ของอุลตร้าแมนที่สาวกไม่มีทางผิดหวัง
3.5 / 5
Shin Ultraman (2022)
Directed by Shinji Higuchi
Written by Hideaki Anno
Based on "Ultraman" by Eiji Tsuburaya
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
