25 ก.ย. 2022 เวลา 12:37 • การ์ตูน
“คนเราต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น คนหนึ่งช่วยเหลือคนอื่นน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก” คือประโยคที่เป็นหัวใจหลักของ Monogatari series หรือ “ปกรณัม” อนิเมะเรื่องยาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความยากในการเข้าใจและสไตล์สดใหม่ที่ไม่เหมือนใคร แฝงเรื่องราวมากมายและข้อคิดที่น่าสนใจตลอดทั้งเรื่อง (มีสปอยเล็กน้อย)
โอชิโนะ เมเมะ
อนิเมะดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกันโดย นิชิโอ อิชิน (Nishio Ishin) ที่ตามตัวละครหลักชื่อ อารารากิ โคโยมิ เนื้อหาในภาคแรก อารารากิ นอกจากรับบทเป็นตัวเอกของเรื่องและยังถือว่าเป็นผู้บรรยายอีกด้วย ด้วยความเจ๋งของเรื่องนี้ เราจะต้องคำนึงอยู่เสมอ ว่าเรื่องราวที่เรากำลังรับชมอยู่นั้น เล่าผ่านปากและมุมมองของใคร
ตัวละครหลักของ Bakemonogatari + Shinobu
โอชิโนะ เมเมะคือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้าน ไคอิ (怪異) หรือ"ความแปลกประหลาด" ที่เราได้พบเจอเป็นคนแรกใน Bakemonogatari (คำสนธิระหว่างคำว่า Bakemono ที่แปลว่าอสูร และ monogatari ที่แปลว่าเรื่องราว) และสถาปนาแก่นของเรื่อง นั่นคือ “ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือใครอื่นได้ คนเราต้องช่วยเหลือตัวเอง”
ใน Bakemonogatari อารารากิพบเจอสาวน้อยห้าคนหลักที่พบเจอกับ “เรื่องประหลาด” เนื่องจากตนมีประสบการณ์พบเจอกับเรื่องประหลาดและด้วยความเป็นพระเอกหัวใจงาม อารารากิจึงเกิดแรงกระตุ้นที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้น อารารากิจึงพาหญิงสาวไปพบโอชิโนะเพื่อขอให้เขาช่วยเหลือ แต่โอชิโนะกลับบอกว่า เขาช่วยเหลือใครไม่ได้หรอก คุณเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เท่านั้น
และนั่นคือสิ่งที่เขาทำ โอชิโนะไม่เคยลงมือช่วยเหลือใครทั้งสิ้นในเรื่อง เมื่อเราเข้าสู่ Kizumonogatari (สนธิระหว่างคำว่า แผลเป็น, หญิงมือสอง, และเรื่องราว) เราจึงเข้าใจว่า โอชิโนะเป็น"คนกลาง"ระหว่างมนุษย์และ “สิ่งแปลกประหลาด” เมื่อนักล่าแวมไพร์ทั้งสามต้องการที่จะล่าและสังหารราชินีแห่งผีดูดเลือดในตำนาน Kiss-shot Acerola-Orion Heart-Under-Blade
Kiss-Shot Acerola-Orion Heart-Under-Blade
โอชิโนะ แม้จะสามารถขโมยหัวใจของแวมไพร์ในตำนานนี้ได้ ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสังหารแวมไพร์ตัวนั้น ซึ่งการขโมยหัวใจนั้นเป็นเพียง Level the Playing-field ระหว่างนักล่าแวมไพร์และแวมไพร์เท่านั้น
หัวใจของ Heart-Under-Blade
แต่ใน Kizumonogatari อารารากิดันเข้ามามีส่วนร่วม แม้จะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น เขาช่วยชีวิตของแวมไพร์ตนนั้นเอาไว้ ทำให้ตนกลายเป็นแวมไพร์รับใช้ของ Heart-Under-Blade และต้องทำภารกิจในการขโมยแขนและขาของราชินีแวมไพร์มาจากนักล่าแวมไพร์ทั้งสาม เพื่อให้ราชินีกลับคืนสู่ร่างสมบูรณ์ เพื่อคืนอารารากิกลับสู่ความเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง
แม้กระนั้น เพราะสาถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โอชิโนะไม่เข้ามามีส่วนร่วม แต่หากอารารากิจะสู้กับนักล่าแวมไพร์ที่แข็งแกร่งพร้อมกันทั้งสามคน เขาก็คงไม่ไหว และเพื่อให้เกิดความแฟร์ โอชิโนะอาสาต่อรองกับนักล่าแวมไพร์ทั้งสามให้สู้กับอารารากิตัวต่อตัว
ทั้งใน Kizumonogatari และ Bakemonogatari โอชิโนะครองตำแหน่งตัวละครประกอบอย่างสม่ำเสมอ เขาจะไม่ช่วยเหลือคนอื่น เพราะเขาเชื่อว่าคนเราต้องช่วยเหลือตนเอง และเรานั้นเป็นคนเดียวที่สามารถทำได้ โอชิโนะจึงทำหน้าที่ได้เพียงเป็น"คนกลาง"ให้ความช่วยเหลือตนเองนั้นเกิดขึ้นได้เท่านั้น
ใน Bakemonogatari หญิงสาวทั้งห้าเจอสิ่งแปลกประหลาดห้าอย่างที่แตกต่างกันตามสภาวะทางจิตใจของแต่ละคน
เซนโจกาฮาระพบเจอกับเทพปูที่แบกน้ำหนักของเธอไว้ทั้งหมด ทำให้เธอไม่มีน้ำหนักเลือกอยู่ในตัวเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากการที่เธอพบเจอเรื่องที่ “หนักหน่วง” ในอดีต และปฏิเสธที่แบกรับน้ำหนักทางความรู้สึกนั้นไว้เอง
ฮาจิกุจิเป็นผีหอยทากที่เร่ร่อนและหลงทางเนื่องจากเธอตายระหว่างเดินทางไปพบเจอแม่ของเธอ กัมบารุพบใช้และถูกสิงโดย “อุ้งมือลิง” ในลักษณะคล้ายกับเรื่องราวของ W.W. Jacobs เพราะความอิจฉาริษยาของเธอ ฮาเนะคาว่าสร้างปีศาจแมวออกมาจากความเครียดของเธอที่ต้องแบกรับในการเป็นนักเรียนดีเด่น และนาเดะโกะถูกสาปโดยเพื่อนร่วมชั้นด้วยปีศาจงู (ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นคำบรรยายแบบรวบรัด ซึ่งไม่ละเอียดเลยแม้แต่น้อย)
กัมบารุ, ฮาจิกุจิ, เซนโจกาฮาระ, นาเดะโกะ, ฮาเนะคาว่า
แม้ว่าอารารากิจะพยายามช่วยเหลือหญิงสาวทั้งห้า และแม้ว่าทุกอย่างจบลงไปด้วยดีแล้วก็ตาม แต่การกระทำเช่นนั้นไม่ได้เท่ากับการที่สาว ๆ ทั้งห้าช่วยเหลือตนเอง ในตอนจบของภาคแรก นั่นคือเรื่องราวของปีศาลแมว ทำให้เราเข้าใจว่า ความเครียดของฮาเนะคาว่าไม่ได้หายไปแต่อย่างใด เพียงแต่เลื่อนมันไปในอนาคตเท่านั้น ด้วยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่ยั่งยืนสักเท่าไหร่ และเมื่อตอนจบของ Bakemongatari ดำเนินไปได้กลางเรื่อง โอชิโนะหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว
อารารากิ แม้ว่าจะเป็นพระเอกก็ตาม ก็ไม่อาจช่วยเหลือใครได้ เขาไม่อาจแก้ปัญหาของคนอื่นได้ ปัญหาของใคร คนนั้นก็ต้องแก้ โอชิโนะเข้าใจดี การจากไปของโอชิโนะเปรียบเสมือนการปล่อยให้ตัวละครหลักจัดการปัญหาของตนเองโดยไม่มีความช่วยเหลือของเขา และอารารากิเองก็ถูกผลักดันให้เข้าใจควาหมายของการช่วยเหลือตนเองอย่างถ่องแท้
หลังจากการหายตัวไปของโอชิโนะ เซนโจวกาฮาระช่วยเหลือตนเองโดยการเผชิญหน้ากับไคคิ ชายที่เธอถือว่าเป็นต้นกำเนิดปัญหาของเธอ ใน Nisemonogatari (คำสนธิระหว่างคำโกหกและเรื่องราว) และเนื้อเรื่องเข้าสู่ซีซั่นที่ 2 เริ่มจาก Nekomonogatari (Shiro) ที่เล่าเรื่องการแก้ปัญหาความเครียดและความโกรธของฮาเนะคาว่า ปัญหาของฮาจิกุจิจบที่ Onimonogatari นาเดะโกะหลุดพ้นจากภาพมายาที่ตนเองเป็นเพียงเหยื่อ Hanamonogatari เล่าถึงการแก้ปัญหาที่ค้างคาอยู่ของกัมบารุ
เรื่องราวมั้งหมดนี้ (ยกเว้น Nisemonogatari) ไม่ได้เล่าผ่านมุมมองของอารารากิพระเอกของเราแต่อย่างใด แต่เล่าผ่านมุมมองของเจ้าของปัญหาทั้งหลาย
อารารากิเองก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาของตัวเองแต่อย่างใด ปัญหาใหญ่ของอารารากิ ที่ทำให้เขาพบเจอกับ “เรื่องแปลกประหลาด” คือการที่เขาไปพัวพันกับแวมไพร์ ซึ่งเกิดขึ้นใน Kizumonogatari และเป็นปัญหาที่เขาจะต้องแบกรับ และเขาทำหน้าที่นั้นได้อย่างสง่างาม และปัญหาที่เป็นหัวใจหลักของ Owarimonogatari ที่ทำให้เขาได้เจอกับหลานของโอชิโนะ ซึ่งเขาต้องเผชิญและช่วยเหลือตัวเองอย่างมีศิลปะ นอกจากนี้ยังมีความแปลกประหลาดที่เขาต้องพบเจอและยอมรับใน Zoku Owarimonogatari
โอชิโนะ โอกิ
“เราต้องช่วยเหลือตนเอง” คือคำพูดของโอชิโนะ เมเมะที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่ตอนแรกของ Bakemonogatari จนตอนสุดท้ายของ Zoku Owarimonogatari แม้ว่าคำพูดนี้จะสามารถตีความได้อย่างมากมาย (ด้วยความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของ Nishio Ishin เองแล้วด้วย) เช่นในเรื่องที่สองของ Bakemonogatari ชื่อ Mayoi Snail ฮาจิกุจิที่เป็นผีหอยทากหลงทางปฏิเสธความช่วยเหลือของคนอื่น เมื่อเธอยอมรับความช่วยเหลือของคนอื่น เธอจึงสามารถหลุดพ้นจากวงจรการหลงทางของเธอไปได้
(ซึ่งก็เห็นสมควรเมื่อพิจารณาว่าฮาจิกุจิอายุหยุดอยู่ที่ 10 ปี เนื่องจากเธอตายเมื่ออายุเท่านั้น เด็กอายุ 10 ปีนั้นคงมีกำลังที่จะดำเนินแก้ไขปัญหาของตัวเองไม่เพียงพอ แต่เมื่อปัญหานั้นจบลงไปแล้ว ใน Onimonogatari เธอไม่ใช่เด็กน้อยอายุ 10 อีกแล้ว และต้องเดินหน้ายอมรับผลลัพธ์ของเธอเอง)
อย่างไรก็ตาม หัวใจหลักของเรื่อง Monogatari คือการเดินการเติบโตของตัวละครแต่ละตัวของเรื่อง โดยเฉพาะอารารากิ โคโยมิ
และประโยคว่า เราต้องช่วยเหลือตนเองนั้น คือ บทเรียนที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ และจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง นอกจากเพื่อที่จะเข้มแข็งขึ้นและเติบโตเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แบบเซนโจกาฮาระ เพื่อหลุดพ้นของภาพมายาที่รอคนอื่นมาช่วยเหลือตนเองแบบนาเดะโกะ เพื่อที่จะยอมรับและแบกรับความรู้สึกของตนเองแบบฮาเนะกาว่า เพื่อที่จะก้าวข้ามความอิจฉาริษยาของตนเองแบบกัมบารุ แต่ก็เพื่อที่จะเข้าใจว่า ปัญหาของคนอื่นก็คือปัญหาของคนอื่น และเรา ซึ่งเป็นคนนอกเอง ก็ไม่สามารถนำปัญหานั้นเป็นปัญหาของตนเองได้แต่อย่างใด แบบอารารากิ
โอชิโนะ เมเมะปรากฏตัว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการเรียนรู้และยอมรับบทบาทของตนเองในเรื่องราวของตนเองและในเรื่องราวของคนอื่น โอชิโนะเข้าใจดี และพยายามสั่งสอนให้อารารากิเข้าใจตลอดทั้งเรื่อง โอชิโนะไม่ก้าวล้ำบทบาทของตนเอง แต่เกี่ยวกับเรื่องนี้คงจะต้องเอาไว้เขียนวันหลัง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา