Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Movie Trivia
•
ติดตาม
27 ก.ย. 2022 เวลา 04:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Avatar (2009) – ปฐมบทดาวแพนดอร่า
เจมส์ คาเมรอน ถือเป็นผู้กำกับ ฯ ที่มาพร้อมแบรนด์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขณะที่เขาสร้างชื่อจากหนังคนเหล็ก ฟูมฟักฝีมือด้วยการทำภาคต่อเอเลี่ยน ผจญภัยใต้น้ำ ทำหนังแอ็คชั่นคอเมดี้ฟอร์มใหญ่ หรือกระทั่งบอกเล่าเรื่องราวโศกนาฎกรรมเรือล่มจนเป็นหนังฮิตระดับโลก แต่ผลงานสำหรับยุคใหม่ของเขาต้องย้อนไปไกลถึง 13 ปีก่อน หนังที่ทำให้โลกได้รู้จักเทคโนโลยีใหม่ คอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่พลิกโฉม ที่ครั้งนี้มันถูกกลับนำมาฉายใหม่ในโรงภาพยนตร์อีกครั้งอย่าง Avatar
Avatar เล่าเรื่องราวของ เจค ซัลลี่ หลังการตายของพี่ชายฝาแฝด ทำให้เขา ผู้ที่ซึ่งเป็นนาวิกโยธิน จับพลัดจับพลูมาร่วมโครงการพลขับร่างทางไกลที่ชื่อ อวตาร ในการแทรกซึมไปเรียนรู้วิถีของชาว “นาวี” ชนเผ่าพื้นเมืองร่างมนุษย์บนดาวแพนดอร่า ที่ซึ่งองค์กร RDA ได้ค้นพบแร่ธาตุที่มูลค่าสูงบนนั้น และขยับขยายอุตสาหกรรมเหมืองจนเริ่มส่งผลกระทบต่อชาวนาวี
ซัลลี่ ซึ่งไร้ประสบการณ์ หากแต่ได้เข้าไปร่วมวัฒนธรรมพื้นเมืองจนทำให้เขาเห็นซึ่งความโยงใยอันสวยงามระหว่างสรรพสิ่งและรุกกชาติทั้งปวง และต้องทำหน้าที่เป็นตัวกลางจากสงครามที่อาจบังเกิดขึ้นบนดาวสีฟ้าดวงนี้
จำได้เพียงว่า นี่เป็นหนังเรื่องแรกในยุคสมัยที่ตัวเองเริ่มเก็บสะสมแผ่นหนัง Avatar ถือเป็นหนังที่มาพร้อมกิตติศัพท์อันลือลั่น จากการเป็นตัวบุกเบิกโรงหนังสามมิติในยุคใหม่หรือเป็นเจ้าของหนังทำเงินในยุคนั้น เราจึงมีความทรงจำกับหนังเรื่องนี้ผ่านการดูทางจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์เท่านั้น นี่จึงถือเป็นประสบการณ์การรับชมบนจอยักษ์เป็นครั้งแรก
แต่สำหรับคนที่ไม่เคยรับชมมาก่อน หนังก็ทำหน้าที่เข้าเรื่องแทบจะทันที ผ่านศูนย์กลางของเรื่องอย่าง เจค ซัลลี่ ด้วยโครงสร้างของเรื่องที่เป็นเส้นตรงง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อน ว่าด้วยการจับพลัดจับพลูมาทำหน้าที่ในโครงการวิทยาศาสตร์ ควบคุมร่างทางไกลอย่าง อวตาร ก่อนพาเข้าไปเรียนรู้วิถีชาวนาวี ก่อนที่ความกระหายและสันดานการล่าอาณานิคมของมนุษย์จะบังเกิดซึ่งสงครามระหว่างสองเผ่าพันธ์ ที่ตามมาด้วยฉากแอ็คชั่น และความตระการตาของเทคนิคงานด้านภาพพิเศษที่เสนอทัศนียภาพของดาวแพนดอร่าได้ก้าวล้ำมาก ๆ
แม้อายุอานามของหนังจะนานกว่าทศวรรษ แต่มันก็ยังคงเป็นความบันเทิงที่ดูสนุกไม่เสื่อมคลาย ส่วนหนึ่งต้องชม การกำกับอันแม่นยำของเจมส์ คาเมรอน ที่เอกอุในการวางจังหวะ วางปม หยอดเรื่องราวระหว่างทาง รวมถึงการใช้เทคนิคการเล่าเรื่องผ่านภาพ ครั้นจะแทรกจังหวะผ่อนคลายด้วยมุกตลกก็ทำได้ดี หรือแม้แต่ใช้เวลาบีบคั้นอารมณ์ก็ทำได้ถึง
แถมด้วยเรื่องราวก็เข้าใจง่าย มาพร้อมโครงสร้างที่เป็นสูตรง่าย ๆ ชุดตัวละครถูกเซ็ตมาเป็นตัวดีและตัวร้ายชัดเจน แต่มีแก่นหรือสาส์นของเรื่องที่ชัดเจน ขับเน้นสถานการณ์ผ่านเรื่องราวที่ตัวเอกพลันไปเจอ และเรื่องราวก็เดินหน้าอย่างต่อเนื่องไม่มีจุดที่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นผลจากการกำกับจังหวะและลำดับเรื่องที่ดี
รวมถึงการได้สำรวจโลกแพนดอร่า ผ่านวิถีของชาวนาวี ซึ่งเร่งเร้าผ่านเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิค รวมถึงพระเอกของงานอย่าง งานภาพสามมิติ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้ชมเข้าสู่โลกสีฟ้าใบนั้นได้อย่างง่ายดาย
กระนั้นเอง แม้แต่ตัวหนังมันจะมาพร้อมลูกสูตรพระเอกผู้กอบกู้ white-savior ที่ได้รับโอกาสในการทำสิ่งที่ถูกต้อง จากการล่าอาณานิคมชนเผ่าเพื่อทำอุตสาหกรรมขุดเหมือง พลันได้วิพากษ์ถึงการทำลายซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องราวอันสุดแสนจะคาดเดาได้ง่าย ว่าเรื่องราวจะมีทิศทางไปในทางใด แต่จังหวะการกำกับ รวมถึงการเซ็ตติ้งเล่าเรื่องที่ดี ก็พลอยให้เราพลันสนุกไปกับเรื่องราวของมัน และมองข้ามความลูกสูตรเหล่านั้นไปได้
จากที่เคยได้ชมผ่านจอทีวีเล็ก ๆ เมื่อ 13 ปีก่อน มันเป็นคนละเรื่องทันทีเมื่อได้สัมผัสประสบการณ์ “ทัวร์แพนดอร่า” บนจอยักษ์ เพราะมันทำให้เราได้เห็นซึ่งศักยภาพ จากหนังที่มีแก่นของเรื่องราว ที่นิยามว่ามันอมตะก็มิปาน เพราะพูดถึงทั้งการล่าอาณานิคม ลิดรอนชนเผ่าพื้นเมือง อุตสาหกรรมที่แปรเปลี่ยนซึ่งธรณีวิภาคและธรรมชาติที่สวยงาม และการได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตครั้งที่สองของมนุษย์คนหนึ่ง ทั้งหมด ถูกฉาบหน้าด้วยเรื่องราวไซไฟวิทยาศาสตร์อย่างวิทยาการอวตาร และความแอ็คชั่นจากสงครามในองก์สาม
สิ่งที่ Avatar ได้พูดไว้ในทศวรรษก่อน มันยังแข็งแรงและชัดเจนขึ้นทุกวัน ในทุกขณะที่สภาพอากาศของโลกแปรเปลี่ยน หน้าแล้งรุนแรง หน้าฝนตกหนัก หรือหน้าหนาวก็เย็นยะเยือกขึ้นทุกขณะ มันอาจจะไม่ได้ช่วยย้ำเตือนถึงสภาวะโลกในปัจจุบัน หากแต่ตัวหนังค่อยชี้ให้เห็นถึง “โลกอันแสนพิสุทธิ์” ที่ครั้งนึงมันเคยสวยสดงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติที่น่าต้องตา หากแต่ถูกมนุษย์เข้าโรมรัน ห้ำหั่น บังเกิดสงครามแย่งชิงในสิ่งที่ บางครั้งมนุษย์ก็ไม่ใช่เจ้าของเสียด้วยซ้ำ
Avatar หวนให้นึกถึงสิ่งเหล่านั้น และพร้อม ๆ กันนั้น มันช่วยพาเราหลีกหนีจากความจริงบนดาวเคราะห์ที่เราดำรงอยู่ ไปสู่เรื่องราวการผจญภัยที่เต็มไปด้วยการสร้างความบันเทิง ซึ่งมีทั้งการสูญเสีย สร้างแรงบันดาลใจ และเต็มไปด้วยสิ่งที่งดงามน่าต้องตาเกินกว่าที่จะมีอยู่จริงบนโลกมนุษย์ และหวนให้เรามารำลึกถึงสิ่งที่เรามีไว้ในมือ นั่นคือ ดาวเคราะห์สีฟ้าดวงนี้ คือบ้านเกิดแห่งเดียวของมนุษย์ และเมื่อใดที่เราจะตระหนักได้ว่า เราไม่ควรที่จะเสียมันไป จากเงื้อมมือของพวกเราเอง
สรุปแล้ว Avatar คือหนังแอ็คชั่นไซไฟของเจมส์ คาเมรอน ด้วยจังหวะกำกับและเซ็ตติ้งเรื่องราวที่แม่นยำจนความยาวเต็มเหยียดกว่า 166 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว อัดแน่นไปด้วยวิถีของชาวนาวีบนดาวแพนดอร่าที่น่าตื่นตา นำด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่ล้ำสมัยในยุคนั้น ฉากแอ็คชั่นที่บู๊ดูสนุก แต่ก็วิพากษ์ถึงเนื้อหาที่ว่าด้วยการล่าอาณานิคมและลิดรอนชนพื้นเมือง กับทำลายซึ่งธรรมชาติได้น่าขบคิด ถึงแม้จะตามสูตร แต่มันก็ยังคงสร้างความบันเทิงได้ไม่เสื่อมคลาย
หากมีโอกาส แม้จะดูในสตรีมมิ่งเป็นร้อยครั้งแล้ว ก็ควรค่าแก่การได้ดูมันในโรงภาพยนตร์สักครั้งครับ!
4 / 5
Avatar (2009)
Written & Directed by James Cameron
ภาพยนตร์
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Movie Trivia | Review
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย