30 ก.ย. 2022 เวลา 06:05 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Decision to Leave (2022) – เกลียวคลื่นแห่งความกำสรวล
ช่วงนี้อยู่ช่วงที่สุขภาพตัวเองไม่ค่อยจะดีนัก หลายค่ำคืนตกอยู่ในห้วงภาวะที่ลืมตาตื่นและไม่อาจข่มตาให้นอนหลับ บางครั้งเวลาก็ล่วงเลยไปถึงเช้า กว่าที่จะเกิดอาการง่วง แล้วถ่วงให้หนังตาร่วงลงมาปิดได้ เผอิญหรือประจวบเหมาะก็ไม่ทราบ เพราะหนังใหม่ของผู้กำกับ ฯ พัคชานอุค (The Handmaiden และ Oldboy) ซึ่งได้รางวัลผู้กำกับ ฯ​ ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ อย่าง Decision to Leave เข้าฉาย ซึ่งมีตัวละครเอก มีภาวะนอนไม่หลับแบบเดียวกันที่ตัวเองกำลังเผชิญ
Decision to Leave เล่าเรื่องของ แฮจุน นักสืบหนุ่มผู้มีอดีตเบื้องหลัง ถูกเรียกมาทำคดีปริศนาของชายวัยลายคราม ที่ตกหุบเขาลงมาเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ และพยายามสืบจากพยานแวดล้อมต่าง ๆ นั่นทำให้เขาได้พบกับ ซอแร ภรรยาสาวชาวจีนของผู้เสียชีวิต ขณะที่บางหลักฐานและพฤติกรรม ดูจะชี้นำว่าเธอคือผู้ต้องสงสัย หากแต่เป็น แฮจุน ที่ถูกเธอต้องมนตร์เสน่ห์ และตกอยู่ห้วงของความหลงใหลที่เขาเอง ก็ไม่อาจจะโงหัวขึ้นมา
หลายคำถามพลันสงสัยถึงแนวหน้าหนัง ทันทีที่แรกเห็นว่าหนังเรื่องนี้จะมาในทิศทางไหน เพราะดูทรงเหมือนจะเป็นระทึกขวัญโรแมนติก ฉับพลันก็มีบางคนยกไปเทียบหนังฉาว ๆ ที่คล้ายกันนี้ แต่แท้จริง หนังมาในแนวทางสืบสวนโรแมนติก ฉาบหน้าด้วยคดีปริศนาฆาตกรรม พร้อมด้วยจังหวะหนังที่ฉวัดเฉวียน แม้มีเส้นเรื่องเป็นเส้นตรง แต่ก็มีจังหวะการเล่าภูมิหลังตัดไปมา และการถ่ายทอดทางโสตทัศน์ที่ออกแบบจัดวางมาอย่างดี พลางด้วยเคมีการแสดงระหว่าง พัคแฮอิล – ถังเหว่ย ที่น่าต้องตาเป็นอย่างมาก
ส่วนที่ดีของหนังที่ต้องชื่นชม ก็คือ การกำกับของพัคชานอุก ที่ดุลอารมณ์ของเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งอารมณ์สืบสวนคดีฆาตกรรม ครั้นจะถึงจุดพลิกผันต้องเฉลยก็ทำออกมาได้อย่างดี พลันจะใส่ความระทึกขวัญ ก็แทรกเข้ามาได้อย่างไม่มีที่ติด หรือแม้กระทั่งความโรแมนติก ผ่านเคมีทางการแสดงที่แสนจะเข้ากันระหว่าง พัคแฮอิล และ ถังเหว่ย ก็ดึงดูดให้เราติดตามกับเรื่องราวไปได้ตลอด
นอกเหนือจากนี้ การตัดต่อที่ดีเยี่ยม ก็ทำให้จังหวะการเล่าของหนังดูต่อเนื่องและน่าติดตาม ทั้งการแทรกภูมิหลังตัวละคร หรือแม้แต่การที่ทำให้เราเห็นสายตาและมุมมองของตัวละครจากในสถานการณ์นั้น (โดยเฉพาะช่วงสอดแนม) ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนตัวของเรื่องราวนั้น แม้จะมาในเรื่องราวที่ว่าด้วยการนอกใจไปตกหลุมรักกับสาวอื่น ที่มีหน้าฉากคือคดีฆาตกรรม กลับทำให้เราเห็นซึ่งอารมณ์ความรู้สึกลุ่มหลงที่แฮจุนมีได้เห็นภาพ ไม่ต่างจากการตกหลุมพรางแห่งห้วงภวังค์รักเลยทีเดียว
Decision to Leave มาด้วยเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ชวนให้เราตั้งข้อสงสัย เหตุใดตัวละครถึงกระทำในสิ่งที่สังคมไม่อาจจะเข้าข้างอย่าง การนอกใจ หรือแม้แต่ตกหลุมรักบุคคลที่เพิ่งสูญเสียคู่ครองไป โดยนอกเหนือจากเนื้อหาฆาตกรรมปริศนา ที่พลอยให้นึกถึงหนังฮิตช์ค็อก แต่ขณะเดียวกัน มันพาเราไปมองอยู่ในมุมเดียวกับตัวละคร แฮจุน บุรุษผู้ที่มีบาดแผลทางจิตใจ และลึก ๆ ก็พยายามหาคนมาคอยเยียวยาอาการนอนไม่หลับ
จนกระทั่งเขา มาตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง จากการพานพบกับ ซอแร มันเลยเป็นเหมือนเรื่องราวการต้องมนตร์ของชายผู้นึง ที่เกิดขึ้นถูกที่แต่อาจจะผิดเวลา
บทสนทนานึงที่ถูกย้ำเตือนบ่อยครั้งตลอดเรื่อง คือถ้อยคำเปรียบเปรยของอารมณ์เศร้าโศก ว่า “ความเศร้าก็เหมือนดั่งเกลียวคลื่น” ที่หากถอนตัวไม่ขึ้น ก็อาจจะตกอยู่ภายใต้ความเศร้าดั่งคลื่นที่ถาโถม เรื่องราวของแฮจุน ก็เป็นเช่นนั้น หลังภูมิหลังอันขื่นขมจากการสืบอีกคดีหนึ่ง กลายเป็นแผลใจจนส่งผลให้เขาอยู่ภายใต้โรคนอนไม่หลับ และชีวิตคู่ที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกสิเนหา ก็ไม่อาจเป็นทางออกหรือทางแก้ไขเยียวยาปัญหาที่เขามีได้
หากแต่ ซอแร ที่เหมือนจะเข้าใจความต้องการลึก ๆ ของเขา นั่นทำให้เขาเบนหันไปหาเธอ ที่เขาไว้ใจพอจะสามารถฝากไข้ไว้ด้วยได้ แต่ขณะที่ ความโศกาพลางใกล้จะหายเป็นปลิดทิ้ง ความจริงก็มีอันทำให้เขาทั้งสองต้องถูกพลัดพราก เกลียวคลื่นแห่งความกำสรวลจึงโอบล้อมเขาด้วยความจริงที่ปรากฎ และมันก็เป็นการยาก ที่เขาจะถอนตัวและว่ายทวนกระแสของความเศร้าโศกนี้ออกมาได้
ครั้นจะตัดสินใจตีจากมา ก็สายไปเสียแล้ว..
สรุปแล้ว Decision to Leave คือ หนังสืบสวนที่แทรกมาด้วยความโรแมนติก ดุลอารมณ์หนังด้วยการกำกับที่เฉียบขาดของพัคชานอุก เรื่องราวที่ว่าด้วยความลุ่มหลงในตัวละคร จนต้องหลุมรักหญิงอื่นที่พ่วงมาด้วยปริศนาฆาตกรรม ผ่านเคมีการแสดงที่เข้ากันของสองนักแสดงนำ จังหวะการเล่าเรื่องที่ทำได้ดีไม่มีตก แม้ประเด็นเรื่องจะหมิ่นเหม่ แต่มันทำให้เราเห็นถึงภาวะความหลงใหล พลันเศร้าโศกจมดิ่ง เสมือนอยู่ท่ามกลางคลื่นแห่งความกำสรวล แต่ก็ไม่อาจจะตีจากออกมาได้
4 / 5
헤어질 결심 - "Decision to Leave" (2022)
Directed by Park Chan-wook
Written by Jeong Seo-kyeong & Park Chan-wook

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา