9 ต.ค. 2022 เวลา 11:58 • ไลฟ์สไตล์
"หลักปฏิบัติต่อสมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะ
ถ้าเราเอามาไขว้กันมันจะยุ่งนะ"
" ... พูดถึงความจริงที่เรียกว่าสัจจะ ก็มีอยู่ 2 นัยยะด้วยกัน ก็คือ สมมติสัจจะ ความจริงโดยสมมติ กับ ปรมัตถสัจจะ ความจริงโดยปรมัตถ์หรือโดยสภาวธรรม
สมมติสัจจะ ก็คือ ว่ากันโดยสมมติ ความเป็นคน สัตว์ สิ่งของ มีดี มีเลว มีนรก มีสวรรค์ มีผิด มีถูก มีขาว มีดำ มีอ้วน มีผอม สิ่งที่เราสัมผัสได้ หมายรู้ทางอายตนะ เกิดเป็นสมมติบัญญัติขึ้นมา
ปรมัตถสัจจะ ก็คือ พ้นออกไปจากสมมติบัญญัติทั้งปวง เป็นสภาวธรรม
ปรมัตถสัจจะ มันเป็นผลลัพธ์ เป็นผลลัพธ์จากการที่เราปฏิบัติด้วยมรรควิธีที่ถูกต้อง จนมันสามารถเพิกออก หลุดออกจากสมมติบัญญัติทั้งปวง หลุดจากความสำคัญมั่นหมายทั้งปวง จิตเข้าถึงความเป็นกลางนั่นเอง
เมื่อจิตเข้าถึงความเป็นกลาง จะไม่เอนเอียง ไม่ติดข้อง ไม่เกาะเกี่ยวกับสิ่งใด ไม่เกิดความยินดียินร้าย ไม่เกิดตัณหาอุปาทานนั่นเอง พ้นออก คลายออก เป็นสภาวธรรมล้วน ๆ เป็นสัจธรรม
ทีนี้หลักปฏิบัติต่อสมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะ ถ้าเราเอามาไขว้กันมันจะยุ่งนะ
ปรมัตถ์ คือ การพ้นออก จิตเข้าถึงความเป็นกลาง เป็นผลลัพธ์ ถ้าเราเอามาเป็นเหตุ ที่เขาเรียกว่าการปล่อยวางไม่ใช่การปล่อยปละละเลย มันจะยุ่งทีเดียว
เพราะฉะนั้นหลักปฏิบัติก็ให้มันตรงต่อสัจจะ สมมติของโลก ก็ว่ากันไปตามสมมติของโลก
คฤหัสถ์ ฆราวาสมีหน้าที่อะไร ก็ปฏิบัติตามธรรมที่มันเป็นสมมติกัน สามีที่ปฏิบัติต่อภรรยา ภรรยาที่ปฏิบัติต่อสามี พ่อแม่ที่ปฏิบัติต่อลูก ลูกที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่ ปฏิบัติต่อครูบาอาจารย์ มีกิจหน้าที่อะไร ก็ทำตามหน้าที่ ตามสมมติของโลก ปฏิบัติตรงธรรมตามสมมติสัจจะนั่นเอง
อย่างเพศบรรพชิต ก็ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ก็ว่ากันไปตามสมมติ
ถ้าบอกเป็นปรมัตถ์แล้ว ว่างแล้ว วางแล้ว ไม่เอาอะไรแล้ว จะกลายเป็นปล่อยปละละเลยกันไปนั่นเอง
เพราะฉะนั้นปรมัตถ์มันเป็นผลลัพธ์ ถ้าเราเอาผลมาเป็นเหตุ มันก็จะยุ่งเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นสมมติมีอย่างไร ก็ว่ากันไปตามสมมติ ตามสมควรแก่ธรรม ธรรมของฆรวาส ธรรมของบรรพชิต ก็ปฏิบัติตามธรรมสมควรแก่ธรรม
ส่วนปรมัตถ์ เป็นเรื่องของการพ้นออกไป มันเป็นผลลัพธ์จากการฝึกปฏิบัติ จนจิตมันคลายตัว มันพ้นออกจากสมมติบัญญัติทั้งปวง จิตเข้าถึงความเป็นกลางนั่นเอง ... "
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา