27 ต.ค. 2022 เวลา 01:08 • ธุรกิจ
วิกฤติพลังงาน กระทบอุตสาหกรรมในยุโรป ขนาดไหน ?
1
บริษัทอุตสาหกรรมหลายแห่งของยุโรปต้องเผชิญฤดูหนาวอย่างหนัก
ด้วยราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนหลังจากที่มีสงครามรัสเซีย ยูเครน
โดยอุตสาหกรรมของยุโรปมีพนักงานประมาณ 35 ล้านคนหรือคิดเป็นประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนแรงงานทั้งหมด ซึ่งผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงานนี้ อาจสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจยุโรป และแรงงานเหล่านั้นได้
ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในขณะนี้กำลังเร่งให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้บริโภคพลังงานอุตสาหกรรมของยุโรปลดลงและ หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อจำกัดราคาสำหรับบริษัทที่ใช้พลังงานมาก ยุโรปอาจเผชิญกับ ความเสียหายจะไม่สามารถแก้ไขได้
บริษัทอุตสาหกรรมในยุโรปกำลังอดทนอย่างหนักหน่วง
โดยออกมาตรการประหยัดพลังงานต่าง ๆ และลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ในขณะที่บางบริษัทหันไปพึ่งถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ เพื่อให้ผ่านฤดูหนาวครั้งนี้ไปให้ได้
บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้มีการลดกำลังการผลิตในบางภาคส่วนเนื่องจากการขาดแคลนพลังงาน เช่น BASF ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ลดการผลิตแอมโมเนีย ปุ๋ยไนโตรเจน และวัตถุดิบการผลิตสำหรับพลาสติก
เนื่องจากการผลิตต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน Mercedes-Benz ก็ได้ออกมาตรการเพื่อลดการใช้ก๊าซถึง 50%
ซึ่งปัญหาที่ตามมาจากการลดกำลังการผลิตก็คือ บริษัทจะเสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดถาวรและอาจถูกบังคับให้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยังประเทศอื่น ๆ ที่สามารถจัดหาพลังงานได้ในราคาที่ถูกกว่าที่ถูกกว่า
สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เรียกได้ว่า อุตสาหกรรมในทวีปยุโรปกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่
ก๊าซเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดเพียงแหล่งเดียวสำหรับบริษัทอุตสาหกรรมของยุโรป
และเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และปุ๋ย
โดยรวมแล้ว อุตสาหกรรมใช้พลังงานประมาณ 27-28 เปอร์เซ็นต์ ของอุปทานพลังงานทั้งหมด
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตัดเชื้อเพลิงออกจากกระบวนการทางอุตสาหกรรมหลายอย่าง
ปริมาณการใช้ก๊าซอุตสาหกรรมประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ใช้สำหรับกระบวนการที่มีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 500 องศาเซลเซียสขึ้นไป เช่น การผลิตแก้ว ซีเมนต์ หรือเซรามิก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัทบางแห่งจึงหันมาใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งอาจเป็นความล้มเหลวของแผนการที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมด
ดังนั้นบางอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับราคาพลังงานที่ตกต่ำและความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง ได้ตัดสินใจว่าวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการก็คือ การลดการผลิตลง
นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุน Jefferies ประมาณการว่าเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตเหล็กดิบของยุโรปหายไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ArcelorMittal ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของยุโรป คาดว่าผลผลิตจากการดำเนินงานในยุโรปจะลดลง 17% ในไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วหลังจากที่ลดการผลิตลง
หน่วยงานการค้าโลหะ Eurometaux กล่าวว่าโรงถลุงสังกะสีทั้งหมดของสหภาพยุโรปต้องระงับหรือหยุดดำเนินการโดยสิ้นเชิง ในขณะที่กลุ่มดังกล่าวสูญเสียการผลิตอะลูมิเนียมขั้นต้นไป 50%
ภาคการผลิตปุ๋ยซึ่งอาศัยก๊าซเป็นวัตถุดิบในการผลิตแอมโมเนีย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
โดยตามรายงานของ Fertilizers Europe ประมาณการว่า 40% ของอุตสาหกรรมเคมีของยุโรป ตกอยู่ในความเสี่ยง
การลดกำลังการผลิต หรือ การยกเลิกการผลิตในช่วงวิกฤติทำให้เกิดความกังวลว่าการตัดสินใจเหล่านั้นกำลังเปิดประตูสู่คู่แข่งจากภูมิภาคที่มีต้นทุนพลังงานต่ำ
การลดลงหรือหยุดการส่งออกแม้ว่าจะเป็นการชั่วคราวก็ตาม ก็เป็นความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดอย่างถาวร
ผู้ผลิตในยุโรปมองเห็นปัญหาเหล่านี้มานานแล้วเกี่ยวกับความเสียเปรียบในการแข่งขันที่เกิดจากต้นทุนราคาพลังงาน
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึงปี 2020 ชาวยุโรปต้องจ่ายราคาก๊าซโดยเฉลี่ยสูงกว่าสหรัฐอเมริกา 2 ถึง 3 เท่า และต้นทุนที่ต่างกันก็กำลังขยายตัวกว้างขึ้นถึง 10 เท่าตั้งแต่รัสเซียเริ่มลดปริมาณการส่งออกก๊าซมายังยุโรป
จากข้อมูลของ Cefic องค์กรการค้าอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ของยุโรป ชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ ยุโรปได้กลายเป็นผู้นำเข้าสุทธิของสารเคมีทั้งปริมาณและมูลค่าเป็นครั้งแรก
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะยุโรปจากที่เคยผลิตเพื่อส่งออก กลับต้องนำเข้าสินค้าเนื่องจาก การผลิตต้องแบกรับต้นทุนด้านพลังงานที่สูงเกินไป
ผลกระทบที่เกิดจากการปิดระบบอุตสาหกรรมทั่วยุโรปไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ใด
และการลดลงของการผลิตสารเคมี เหล็ก และผลิตภัณฑ์พื้นฐานอื่นๆ ก็ทำให้เกิดความกังวลด้านห่วงโซ่อุปทานมากขึ้นไปอีก
ผู้เขียน : ณิศรา วาดี Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา