7 พ.ย. 2022 เวลา 09:05 • ศิลปะ & ออกแบบ
Antoni Gaudi สถาปนิกโลกตะลึง
#BenNote จาก #Journey_with_Arts
คุณเอ๋ นิ้วกลม คุยกับ อ.ภากร มังกรพันธุ์
อันเนื่องมาจากคุณเอ๋ นิ้วกลม post ภาพสถาปัตยกรรม Gaudi (เกาดี้) จาก trip Spain เบ็นถึงขั้นแดดิ้น เฮ้ยยยยย ชอบมากกกกก ... ตึกบ้าอะไรมันช่าง weird ได้ขนาดนี้ 555 ชอบความบ้าบอของสถาปนิกและเจ้าของ (ที่บอกเลยว่าต้องรวยมาก เพราะค่าสร้างมันต้องแพ๊งงงงงงงง แพง แพง-หนัก-มาก) อยากรู้เนาะว่าเจ้าของคิดยังไงถึงได้ยอมให้พี่เค้า “หลุดโลก” ไปได้ขนาดนี้ แต่มันเป็นความ “หลุด” ที่โคตรสวย โคตรศิลป์อ่ะ มันดีงามมมมม มันล้ำ มันเท่ มันค่อดตราตรึงใจ
“ถ้าทะเลเป็นตึก มันคงหน้าตาแบบนี้แหละ”
คุณเอ๋ นิ้วกลม
สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นงาน Gaudi (และยังไม่ได้ search ดูน่ะนะคะ 555) เบ็นว่าประโยคนี้ของคุณเอ๋ทำให้เห็นภาพได้เลยจริง ๆ นอกจากเห็นภาพแล้วยังรู้สึกได้ถึง mood & Tone ว่าถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปอยู่ใน space ของพี่เกาดี้ เราจะเป็นยังไงอ่ะค่ะ
เคยได้ยินประโยคที่ว่า A picture is worth a thousand words ใช่ไหมคะ เบ็นว่าวรรณศิลป์ดี ๆ ก็ทำให้ The Words are worth a thousand imaginaries เช่นกันค่ะ คุณเอ๋เขียนซะเห็นภาพตึกพี่เกาดี้หยอกล้อกับหาดทรายเลย 55
ว่าแล้วก็เลยคิดว่าไม่ได้การ เราไม่ได้ฟังคุณนิ้วคุยกะอาจารย์ตุ้ยมาพักใหญ่แล้ววววว ความสุนทรีย์ละเอียดละเมียดละไม มันหายปัยยยยจากชีวิตเว้ยทุกคน (คือที่จริงอยากฟังเรื่องพี่เกาดี้เพิ่ม และคิดว่ารายการ Journey with Art ต้องมีแน่ ๆ นั่นแหละ 555) อย่ากระนั้นเลยไปพลิกแผ่นดินล่าหา YouTube มาฟังกันเถอะ
และนั่นก็เป็นที่มาของการทำ #BenNote ep. นี้ค่ะ คืออยากเขียนเรื่องพี่เกาดี้เก็บไว้ และหวังใจว่าสักวันชั้นจะได้ไปสัมผัสความบ้าของพี่เค้าใน space จริง ... สักวันนนน
(ปรากฏว่าฟัง ep. เดียวไม่แล้วใจ 555 ไม่ฟิน เลยตามไปฟังอีก 4 ep. ที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมสเปนและมหาวิหาร เอาให้มันสุดกันไปข้าง ... แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ep. นี้จะเขียนแค่พี่เกาดี้นี่แหละ 😊)
อ่ะมาเริ่มไปท่อง crazy space ของพี่เกาดี้กันค่า
--------------------------------
Antoni Gaudi สถาปนิกโลกตะลึง
Streamed: March 10, 2022
เกาดี้เป็นสถาปนิกชาวสเปนค่ะ มีชีวิตอยู่ในช่วง 1852 – 1926 (อายุ 74 ปี) พี่เค้ามีความสนใจหลากหลายมาก ทั้งธรรมชาติ คณิตศาสตร์ และศิลปะแขนงต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเป็นนักทดลองอีกด้วย นั่นทำให้งานของพี่เค้าไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ Form และ Structure ตามแบบศิลปะ Gothic ผสานกับรายละเอียดตามแบบศิลปะ Moorish (Islamic Arts) ไม่พอค่ะผสานรูปทรงธรรมชาติเข้าไปด้วย (Organic & Naturalism)
ขีดเส้นใต้คำว่า “ธรรมชาติ”
พี่เกาดี้คลั่งไคล้ความธรรมชาติมาก งานเลยละเอียดมากกกกก ซับซ้อนมาก มีความต่อเนื่องเกี่ยวพัน คดโค้ง งอกย้อย และย้วยยยย...มาก
ถ้าเราเดินไปใน Barcelona แล้วเห็นตึกหน้าตาประหลาด ๆ ให้นึกไว้ก่อนเลยว่านั่นคืองานของ Gaudi … ไม่ใช่อะไรนะ คือแกแหกออกมาจากสกุลช่างสมัยนั้น คือเค้า Art Nouveau ตรูก็ไม่นูโวกะเค้า เป็นตัวของตัวเองมากจริง เรียกว่าพี่เค้ามีลายเซ็นต์และสกุลของตัวเองว่างั้น เป็นสายเกา ... ที่ไม่ใช่เกาหลี แต่เป็นเกาดี้สไตล์ 555
ถามว่า เอ๊ะสไตล์พี่เกามันก็สวยนะ เท่มากด้วย ละทำไมไม่มีศิลปินรุ่นหลังทำตามวะ ... อ่า ก็มันใช้ทั้งเวลาและเงินอ่ะทุกโค้นนนน อย่างมหาวิหารจอมปลวกหรือ Sagrada Familia สร้างมาตั้งแต่ 1882 (ตอนที่เกาดี้อายุ 30) จนพี่เกาดี้ตายไปจะครบ 100 ปีแล้ว ตอนนี้ยังเสร็จไม่ถึง 50% เลยมั้ง (ตอนพี่เกาดี้ตายเพิ่งสร้างไปได้แค่ 25% เองง่ะ) ...
*ทางเมืองกำหนดว่าจะสร้างให้เสร็จในปี 2026 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีที่เกาดี้จากโลกนี้ไปค่ะ)
เค้าว่ากันว่าตอนแรกพี่เค้าตั้งใจจะสร้างให้เสร็จในช่วงชีวิตตัวเองนะ แต่สร้าง ๆ ไปก็รู้ว่าต้องให้คนรุ่นต่อไปมาสร้างต่อแหละ มันทั้งใหญ่ (เมื่อสร้างเสร็จจะมีขนาดประมาณ 2 เท่าของสนามหลวง ยอดที่สูงที่สุดจะสูง 170 เมตร) ทั้งละเอียดยุบยิบ เป็นงาน craft ไปซะทุกส่วน คือทั้งปั้นทั้งแกะกันละเอียดทุกตารางนิ้วอ่ะ ... ไหวไหม)
จะทำตามมันต้องบ้านิดนึงเนอะ (ไม่นิดแหละต้องบ้าเยอะเลย 55) และที่สำคัญต้องมี supporter หรือลูกค้าที่รวยมากและบ้ามากพอ ๆ กันด้วย เราจึงเห็นงานเกาดี้สไตล์ได้ยากค่ะ
Sagrada Familia
Note: อ.ตุ้ยบอกว่าที่พี่เกาดี้เค้าปั้นและเสกงานให้คดโค้งชดช้อยเลียนแบบธรรมชาติได้อย่างใจเป็นเพราะพี่เค้าเกิดมาในยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยนะคะ คือเป็นยุคที่มี “เหล็ก” แล้ว (ซึ่งเรื่องนี้มีอิทธิพลทำให้งาน Art Nouveau ซึ่งเป็น mainstream ของยุคนั้นมีความอ่อนช้อยพลิ้วไหวเป็นพิเศษกว่ายุคก่อนหน้าด้วยนั่นเองค่ะ)
ช่วงท้ายของชีวิตพี่เกาดี้อุทิศชีวิตให้กับงานของพระเจ้า จึงมีคำกล่าวด้วยค่ะว่าพี่เค้าเป็น “God’s Architect”
------------------------------
อะไรทำให้เกาดี้เป็น ...
#สถาปนิกของพระเจ้า
5 คุณลักษณะนี้ค่ะ
- Melancholist
- Traditionalist
- Experimentalist
- Naturalist
- Professionalist
-------------------------------
🎨 Melancholist
เกาดี้มีชีวิตที่รันทดมาก (ทำไมศิลปินมักมีชีวิตรันทดก็ไม่รู้เนอะ) ชีวิตพี่เกานี่เรียกว่าเป็น tragedy ได้เลย ตอนเด็ก ๆ ป่วยเป็นรูมาตอยด์ทำให้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ไม่ได้ พี่น้องก็ตายหมด มีรักเดียวในชีวิตก็ไม่สมหวัง เกาดี้จึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเอง และนำพาตัวเองไปใกล้ชิดธรรมชาติ
- เมื่อมีแต่ธรรมชาติในชีวิต เกาดี้ก็เลยจมจ่อม สังเกตและหลงไหลคลั่งใคล้ธรรมชาติมาก ๆ
- ด้วยความเหงาและขาด เกาดี้จึงอุทิศตนให้ศาสนา
ชีวิตแตกสลาย แต่เกาดี้สามารถสรรค์สร้างงานได้สุดอัศจรรย์ ทำให้มีนักประวัติศาสตร์ศิลป์เขียนถึงเกาดี้ไว้ว่า
“I wonder if Gaudi was collecting pieces
of broken tiles,
trying to mend his shattered heart,
his crushed soul,
his splintered being,
his overwhelming sorrow for the unrequited love.”
― Tatjana Ostojic,
เอกลักษณ์หนึ่งของงานเกาดี้คือการใช้กระเบื้องแตก ๆ มาต่อกันเป็นภาพได้อย่างวิจิตรพิสดาร ... หรือมันจะเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บกอบหัวใจที่แตกสลายมาสร้างใหม่ให้งดงามกันนะ
-------------------------------
🎨 Traditionalist
แม้งานของเกาดี้จะดูประหลาด แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปเกาดี้ก็ไม่ได้ทิ้งรูปแบบหรือแนวคิดเดิมค่ะ โครงสร้างของงานยังเป็น Gothic แต่เกาดี้เพิ่มรายละเอียดเข้าไปอย่างแน่นนนน จะเห็นได้ว่างานเกาดี้เน้น decorative texture มากมายนานาสารพัน
คนจึงเข้าใจได้ง่าย รับได้ง่าย แต่ก็จะตะลึงตึงตึง มีความ wow ความ surprise ไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างงานในสมัยต้น ๆ ที่ยังไม่ล้ำมากก็เช่นที่ Vista general del Palacio Episcopal Palace de Astorga (1888-1898) เธอเห็นประตูนั่นไหม ... งามประหลาดใช่ไหมล่ะ
Vista general del Palacio Episcopal Palace de Astorga
อีกงานคือ The Casa Botines in Leon (1891-1892) ซึ่งใช้โครงสร้างตาม tradition แต่เน้นไปที่ Texture ของอาคาร
The Casa Botines in Leon
-------------------------------
🎨 Experimental
เกาดี้เป็นนักทดลองค่ะ ชอบทำอะไรแหก ๆ แหวก ๆ ชอบลองเทคนิคใหม่ ๆ อย่างเช่นเทคนิคการเอากระเบื้องแตกหักมาต่อกันเป็นลายที่เลียนแบบธรรมชาติ หรือเลียนแบบภาพวาด แล้วเป็นงานละเอียดวิจิตรบรรจงสุด ๆ บางชิ้นเอาภาพ 2 มิติของคนอื่นมาสร้างสรรค์ใหม่ด้วยเทคนิคนี้แล้วทำให้ยากขึ้นโดยสร้างเป็นงาน 3 มิติเข้าไปอีก ... โว๊ะ (คือชิ้นงานมันตะโกน “ขิง” ว่าชั้นทำได้เว้ยแกเลยนะคะ 555 มันเหมือนเกาดี้มันมืออยากทำให้มันยากๆๆๆๆๆ อะค่ะ)
คือเรียกได้ว่าพี่เค้าโคตร Innovative แต่ก็นะยิ่งสร้างสรรค์เท่าไหร่ งานของพี่ก็เค้าโคตร dedicated และต้องใช้แรงงาน ใช้ฝีมืออย่างหนัก ๆ ๆ ๆ มากขึ้นเท่านั้น เรียกว่าหนักเกินเบอร์กันไปมากเลยทีเดียว (ช่างน่าจะมีต้องร้องขอชีวิต 555)
เรารู้สึกได้เลยว่าเกาดี้สนุกกับงานนะคะ เพราะเราก็สนุกมากกับการได้ดู และยิ่งถ้าใครได้ไปอยู่ใน space ต่าง ๆ ที่เกาดี้สร้างขึ้นก็น่าจะยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ (เบ็นยังไม่ได้ “ไปอยู่” นะคะ แต่แค่ได้ดูก็สนุกมากแล้ว)
คุณนิ้วกะอาจารย์ตุ้ยถึงขั้นนั่งถกกันว่าเกาดี้ทำยังไงวะ
- เขียนแบบยังไง ... คือมันละเอียดจนเขียนแบบหมดนี่ไม่น่าจะเสร็จสักตึกในชีวิตนี้อ่ะค่ะ (ลายมันไม่ซ้ำกันเลย บั่บว่าเลียนแบบธรรมชาติขั้นสุด เรียกว่า free flow, free form ไหล ๆ ๆ กันให้เต็มคาราเบลอ่ะ)
- สั่งงานคนสร้างยังไง้ ... จะทำงัยให้ช่างเอากระเบื้องมาต่อกันได้แบบนี้วะ (ต้องนึกว่ากระเบื้องแต่ละชิ้น free form ด้วยนะคะ ไม่มี pattern อ่ะ)
- เทคนิคนี้มันทำยังงัยฟระ คือมีบางงานมันน่าฉงนมากค่ะว่ามันทำได้ไงวะ เช่นงานชิ้นนี้ ... Medallion With Head Snake at the Parc Guell, Carmel Hill, Barcelona คือมันเป็นหัวน้ำพุที่พื้นหลังออกแบบเป็น Arm มีแถบสีวางสลับกัน แล้วตรงรอยต่อมันตรงแหน๋วเป็นเส้นเดียวกันเลย อาจารย์ตุ้ยเลยสงสัยว่า ... อีกระเบื้องส่วนที่เป็นเส้นตรงต่อกันนี่ทำงัย??? คือวางลายก่อนแล้วค่อยทุบเหรอ ไม่น่าใช่ รึจะทุบกระเบื้องแล้วค่อยหาชิ้นตรง ๆ มาวางก็ยากเข้าไปอีก หรือจะค่อย ๆ หักเอาทีละชิ้น? แล้วค่อยมาวางให้ตรง ...
Medallion With Head Snake at the Parc Guell, Carmel Hill, Barcelona
อ่ะก็เป็นปริศนาของเราต่อไป (นี่ถ้าอาจารย์ไม่ถามเราก็มองผ่าน ๆ ไปเนอะ พออาจารย์ถามเท่านั้นแหละ อีงานชิ้นนี้แม่งยากขึ้นมาเลย เออว่ะ ทำงัยวะ อย่าลืมว่านี่มันคือเมื่อ 100 กว่าปีก่อนด้วยนะคะ)
พี่เกาดี้เค้าชอบทำอะไรยาก ๆ แบบนี้แหละค่ะ มีเรื่องเล่าที่ อ.ตุ้ยเล่าเป็นเกร็ดให้เห็นนิสัยชอบความแปลกของเกาดี้ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า ... ในการสร้าง Casa Batllo (ที่เบ็นใช้เป็นภาพ Post หลักของเรื่องเกาดี้นี่เองค่ะ ให้ทุกคนดูที่โดมทางด้านซ้ายของภาพนะคะ 😊)
Casa Batllo
พี่เกาดี้สั่งโดมหินอ่อนมาตกแต่งหอคอย มันเป็นหินอ่อนที่แกะเป็นรูปคล้ายกระเทียมมีกลีบๆ อ่ะค่ะ (ไม่รู้จะเรียกอะไร 55 หน้าตามันประมาณนั้นน่ะนะคะ) ปรากฏว่าหินอ่อนมันมีรอยร้าวในเนื้อ ถ้าเป็นศิลปินคนอื่นอาจจะไม่รับงานเนาะ ไม่เนียนไปพากเพียรทำมาใหม่ ’ไรงี้...
แต่พี่เกาดี้ชอบค่ะ พี่เค้าว่ามันสวยเกร๋ดี เดี๋ยวเอามาทุบเพิ่ม 5555 เออ เว้ยยย ... โดมของ Casa Batllo เลยมีรอยร้าวเต็มไปหมด แต่สวยนะคะ สวยแบบประหลาด ๆ ดี 555
นี่คือความรักความงามตามธรรมชาติ ความรักความแตกสลายของพี่เกาดี้เค้าแหละ
คุณนิ้วบอกว่างานต่อกระเบื้องที่ใช้สีสันคัลเลอร์ฟุลมาก ๆ ซึ่งเป็น signature นึงของพี่เกาดี้เค้านี่มันให้ความรู้สึก “สนุก” และผ่อนคลายดีนะคะ มันเหมือนเราได้ดูงานของเด็กที่ไม่มีกรอบอะไรเลย เป็นอิสระมาก ๆ ให้ emotional สูง งานพี่เค้าเลยกระทบใจเราได้ง่ายกว่างานที่เป็นเรขาคณิตเป๊ะ ๆ ...
งานเกาดี้ = อารมณ์ + ความอัศจรรย์ใจ
อันนี้จริงเบ็นเห็นครั้งแรกในเฟสบุ้คคุณนิ้ว รำพึงใจใน นี่มันอะไรกันครับเนี่ยยย 555 นึกว่าคุณนิ้วไปเที่ยวสวนสนุก อ้าวไม่ใช่ มันคือตึกแถวอ่ะทุกคน มันคืออาคารบ้านเรือนของคน (ที่รวยมาก 555) ... ลองคิดดูว่าถ้าบ้านเราหน้าตาแบบนี้ ชีวิตเราจะบันเทิงแค่ไหนเนาะ 555 ชอบ
อาจารย์ตุ้ยเพิ่มเติมให้ว่าถ้าอยากดูงานที่เป็นเทคนิคนี้แล้วยังไม่ว่างไปไกลก็ให้ไปวัดบวรค่ะ ร.3 ท่านเสียดายกระเบื้องแตกเลยให้ทำแบบนี้ที่ประตูใหญ่ของวัดบวร ... อ่ะไปเกาดี้กันได้ใกล้ ๆ ค่ะทุกคน
ประตูวัดบวรนิเวศวิหาร
-------------------------------
🎨 Naturalist
“Those who look for the laws of Nature as a support for their new works collaborate with the creator” Antoni Gaudí
พี่เกาดี้เชื่อว่าธรรมชาติทำให้เข้าใกล้พระผู้สร้างค่ะ งานของเกาดี้จึงบ้าคลั่งรูปทรงและรายละเอียดของธรรมชาติมาก ๆ
ยกตัวอย่างเช่นที่ The Artigas Gardens are a park in La Pobla de Lillet, Barcelona เกาดี้ออกแบบให้งานสถาปัตยกรรมของตัวเอง blend in เข้ากับธรรมชาติ งานที่นี่จึงเป็นอารมณ์เหมือนการก่อหินให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามต้องการ (แบบเอาก้อนหินมาวาง ๆ ประกอบกันเลย ไม่ได้ตัดเป็นเหลี่ยม ๆ นะคะ คือ very rocky ว่าซั่น)
โทนสีที่นี่ก็จะไม่เหมือนที่อื่นค่ะ คือถ้าเราแสบตามาจากความ colorful ที่อื่น เชิญมาพักสายตาเถอะนะคนดีที่ Artigas Gardens ค่ะ 555 เพราะที่นี่มีแต่โทนน้ำตาลและเขียวจากต้นไม้ใบหญ้าอ่ะค่ะทุกคน พี่เค้าทำตัวให้เข้ากับภูเขาและแมกไม้สายธารรอบ ๆ อ่ะเนาะ
The Artigas Gardens are a park in La Pobla de Lillet, Barcelona
หรืออย่างมหาวิหาร Sagrada Familia นี่ก็แทบจะสร้างโลกแล้ว ตัวอาคารเหมือนจอมปลวกยักษ์ (มีอะไรที่ใหญ่กว่ายักษ์ไหมนะ อยากบอกว่ามันยิ่งใหญ่อลังการมโหฬารมโหฬีมากกกก แบบมากๆๆๆๆ อ่ะค่ะ) สรุปว่าเป็น Everest แห่งจอมปลวกละกันเนาะ 555
ที่เค้าเรียกกันว่า “จอมปลวก” เพราะ texture ของอาคารมันให้ความรู้สึกแบบนั้นค่ะ คือมีปั้น มีปะ มีงอก มีย้อย มีโพรง มีขั้น มีชั้น มีเชิง โอ้ยยย สารพัดจะจัดสรรมาตกแต่งแหละ
Sagrada Familia ขอบคุณภาพจาก Photo: Getty Images/Tanatat Pongphibool
ส่วนภายในคือการจำลองเอาป่าฝน (Rain forest) เข้าไปไว้ในวิหารค่ะ เวลาเราเข้าไปอยู่ในวิหารจะเหมือนเราเข้าไปยืนอยู่ในป่า เสารอบ ๆ เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ เงยหน้าขึ้นไปเราจะเจอ Tree Canopy (ซึ่งใช้ Hyperboloid Vault) อันงดงาม
The Artigas Gardens are a park in La Pobla de Lillet, Barcelona
เพดาน The Artigas Gardens are a park in La Pobla de Lillet, Barcelona
Sagrada Familia สะท้อนให้เราเห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อของเกาดี้ที่ว่าคนจะเข้าใกล้พระเจ้าต้องเข้าใกล้ธรรมชาติ การเข้าโบสถ์ของเกาดี้จึงเหมือนเราได้เดินเข้าไปในป่า
คุณนิ้วตั้งข้อสังเกตว่าแม้เราจะประทับใจสิ่งที่ “ห่อ” แต่จริง ๆ แล้วภายใต้ Decorative Texture ทั้งหมดนั้นคือ Strong Innovation โครงสร้างเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คนที่จะทำอะไรแปลก ๆ ได้ต้องเข้าใจโครงสร้างเป็นอย่างดี พี่เกาดี้ก็เช่นกัน
เกาดี้เห็นความงามใน “คณิตศาสตร์” ในขณะเดียวกันก็มองเห็น pattern บางอย่างในธรรมชาติ สามารถถอดคณิตศาสตร์ออกจากธรรมชาติได้ สำหรับเกาดี้แล้วมันไม่มีเส้นแบ่งระหว่างวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ เค้าจึงสามารถดึงเอาความงามและโครงสร้างของธรรมชาติออกมาใช้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามขนบอะไรเลยสักอย่าง และก็คงแปลกมากในยุคนั้น แต่ความงามของ Sagrada Familia ก็ทำให้ที่นี่ได้รับการยอมรับกลายเป็น Basilica (มหาวิหาร) เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา และเป็น 1 ใน 7 ผลงานของเกาดี้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO World Heritage
🎨 Professionalism
Gaudi มีความเป็นมืออาชีพมาก ทำสุด...ทำถึงในทุก ๆ อย่างที่ทำจริง ๆ ช่วงนั้นเค้า Hit งานเหล็กกันก็ใช่ว่าพี่เกาของเราจะไม่ใช้ ... ใช้!!! และใช้อย่างพิสดารด้วย อย่างประตูทางเข้าของ Guell Pavilion เกาดี้ก็สนุกกับเหล็กมาก ๆ ดัดโค้ง ยืด ย้วย เสกมังกรทั้งตัวกันไปเลยจ้ะทุกคน (เป็นมังกรที่ยุบยิบมาก จนเราก็คิดนะว่าทำความสะอาดยังงัย 555)
The Entrance Gate, Guell Pavilion
เพื่อน ๆ ลอง search คำว่า Gaudi, Iron Work, Barcelona ดูนะคะ มีงานเหล็กดัดที่วิจิตรพิสดารพันลึกของเกาดี้ให้ดูแบบละลานตาไปหมด ขอบอกว่า เออ... มันสวยสะพรึงมาก ๆ กิ๊บเก๋ยูเรก้า แปลกตามาก ๆ ค่ะ แล้วหลายอันมันก็อยู่ในสถานที่สาธารณะซื่อ ๆ เลยนะคะ คือเดินเซซังไปซื่อ ๆ ก็เจอลูกกรงเหล็กดัด ราวสะพานเหล็กดัด โคมไฟเหล็กดัดผลงานเกาดี้งี้ ... ขนลุกกก เป็นบ้านเมืองที่ใกล้ชิดงานศิลปินดีเนอะ
(จะว่าไปบ้านเรานี่เดิน ๆ ไปก็ป๊ะกันแหม กะงานของศิลปินแห่งชาติโดยที่เราไม่รู้ตัวเหมือนกันนะคะ อย่างงานของท่านอาจารย์ชลูดที่หน้าแบงค์กสิกรงี้)
(**โน้ตให้ตัวเอง ep. นี้ใช้คำว่า “วิจิตรพิสดาร” เฝือมาก แต่มันไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแทนดี 55)
-------------------------------
⭕⭕⭕⭕⭕
ทั้ง 5 องค์ประกอบนั้นทำให้งานของเกาดี้มีความ Original มาก ๆ ค่ะ ต้องบอกว่าพี่เกาเค้าเป็นนักคิด พี่เค้า reinterpret งาน traditional ออกมาเป็น style ของตัวเอง เอา traditional gothic มาเป็นแกนแล้วห่อด้วยธรรมชาติบ้างแหละ หรือแม้แต่เอากางเขนมาวางในมิติใหม่ กลายเป็นกางเขนนอนและตั้งผสานกันบ้างแหละ ลองดูที่ยอดตึกของเกาดี้นะคะ จะมี Symbol นี้อยู่น่าจะทุกตึกเลย (ที่ยอดของโดมกระเทียม Casa Batllo ก็ใช่ค่ะ)
ว่าแล้วก็พาท่องสเปนชมงานที่แสดงถึงความเป็น Originalist ของพี่เกาดี้กันนะคะ
🚩
งานแรก ๆ ของเกาดี้คือโคมไฟถนนของเมือง ก็สวยงามตาม signature พี่เค้าแหละ พอคนมาเห็นแล้วชอบก็เลยเริ่มมีคนจ้างไปสร้างตึกไรงี้ 😊
Street Light, Barcelona
🚩
แล้วพี่เค้าไม่ได้ละเอียดและสนุกแค่การตกแต่งสถานที่ด้วยค่ะ ข้าวของเครื่องใช้ในตึกที่เกาดี้ออกแบบก็สวยสะพรึง เช่น Prie Dieu ใน Casa Batllo มาหมดทั้งรูปทรงธรรมชาติ เกลาจนไม้เลื้อยได้อ่ะทุกคน ไหนจะการเล่นแสงแบบ stained glass ... จ้ะ ยอมแล้วจ้ะพ่อ
Prie Dieu, Casa Batllo
🚩
Casa Vicens อาคารนี้เป็น First Major Work ของเกาดี้ค่ะ เริ่มมาก็ประหลาดเลย ทั้งการใช้เทคนิคและสี มันเหมือนอาคาร Lego เลยอ่ะทุกคน เป็น Lego แบบทูโทนที่สีตัดกันดังชั้บ! แดงเขียวไปเลยจ้ะ
Casa Vicens
🚩
El Capricho ก็หลุดโลกเช่นกัน เหมือนบ้านการ์ตูนใน theme park 555 มีความ Lego Land
เนี่ยยยยย ... เค้าถึงเรียกเกาดี้ว่า Catalan Modernism งานในช่วงแรก ๆ นี้จะมีอิทธิพลของ Islamic Arts ปรากฏอยู่เยอะเลย (สเปนได้รับอิทธิพลจาก Islamic Arts เพราะเคยถูกยึดครองโดยชาวมุสลิมอยู่ช่วงนึงค่ะ)
🚩
Bodegas Guell (Sitges) ตึกนี้ arch รูปร่างประหลาดเริ่มมา
Bodegas Guell (Sitges)
🚩
Casa Calvet ตึกแถวที่เริ่มมี decorative skins และ balcony สวยเก๋ แปลกตา
Casa Calvet
🚩
ความพีคเริ่มที่ Parc Guell ค่ะ เป็นหมูบ้านจัดสรรที่โคตรเหมือน Theme Park มีความแปลกประหลาด ความเกาดี้อยู่เต็มคาราเบลกันไปเลย ... ก็นะ ... ไม่แปลกที่ตอนสร้างเสร็จมันจะขายไม่ออก 555 สร้าง 60 หลังขายได้ 2 หลัง!!! คนสมัยนั้นคงงงอ่ะทุกคน ชั้นจะอยู่ในบ้านแบบนี้ได้จริง ๆ เหรอวะ แต่ตอนนี้ที่นี่กลายเป็น World Heritage Site และเปิดเป็น Park ให้คนเข้าชมไปแล้วนะคะ
Parc Guell
สำหรับ Parc Guell เรียกว่าทุกตารางนิ้วคืองานศิลปะค่ะ (1 ตรม. = 1 painting, let’s say) ทั้ง Parc แทบจะไม่มีเส้นตรง ทุกพื้นที่ใช้เทคนิคทุบ-ปะ-ติด-ต่อกระเบื้องที่เป็น Signature ของพี่เค้า และสีสันนี่โคตรของความ colorful อ่ะบอกเลย Hi-light ก็อย่างเช่น
- El Drac น้องซาลามันเดอร์สีสันสดใส คือพี่เค้าปั้นปะแปะสรรพสัตว์ไว้มากมายทั่ว Parc แต่เจ้าตัวนี้ดังสุด (ไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกันค่ะ แต่ search ชื่อน้อน น้อนก็ขึ้นมาเลยนะ หน้าตาน่ารักดี และสีเจ็บมาก 555 (เออหรือมันจะหน้าตาน่าเอ็นดูเนาะ))
El Drac at Parc Guell
- Serpentine Bench อย่างที่บอกค่ะพี่เกาดี้ไม่ได้สนใจแต่ความสวยงามอย่างเดียว พี่เค้าละเอียดและใส่ใจการใช้งานด้วย อีที่นั่งนี่มี design พิเศษนะทุกคน ใครจะไปลองนั่ง พิกัดอยู่ตรงระเบียงชั้นบนของอาคาร guard house ค่ะ 😊
Serpentine Bench at Parc Guell
พี่เกาดี้ออกแบบให้มันงอกออกมาจากผนัง แต่ไม่ได้งอกตรง ๆ ค่ะ มันมีความโค้งเหมือนงูกำลังเลื้อยอยู่ ถามว่าทำไปทำไมคะ สวยก็เรื่องนึงเนอะ แต่มันทำให้เกิด space ที่มีความเป็นส่วนตัวขึ้นค่ะ สมมติว่าแก๊งเราไปนั่งอยู่ตรงส่วนเว้าแรกของตัวงู อีกแก๊งไปนั่งที่ส่วนเว้าที่ 2 อ่ะ…แต่ละแกงค์ก็จะมีพื้นที่ของตัวเอง ไม่กวนกันงี้
นอกจากนี้ส่วนที่เป็นที่นั่งออกแบบให้ tilt ลงไปทางกำแพงด้วยเพื่อระบายน้ำค่ะ มีรูระบายน้ำไปลงที่เสาอาคาร ตรงขอบด้านในมี bumps ขึ้นมาน่าจะเพื่อกันไม่ให้คนนั่งไปนั่งทับทางน้ำ กลมเนาะ ... พี่เค้าคิดครบจบปึ้งมาก ๆ 😊
คือรู้เลยว่าตั้งใจและพิถีพิถันในการออกแบบและการก่อสร้างมากจริง ๆ อีกครั้งที่อยากจะคำนับ ... ไม่ได้คำนับพี่เกาดี้นะคะ แต่คำนับเจ้าของเงิน 555 ต้องบ้าบอพอกันนะเนี่ยนะ
Serpentine Bench
ไหนจะทำ Terrace Wall เป็นรังนกกระจอก (ยักษ์) ไหนจะทำ roadway เป็นอุโมงค์ต้นไม้ & Tree Canopy ... โอ้ยยย ทุกเม็ด (คือแพงระยับทุกเม็ด 55)
Terrace Wall, Parc Guell
Road Way, Parc Guell
🚩
มาต่อกันที่ Casa Batllo อันนี้ “ย้วย” ไปทั้งอาคารเลยเหมือนกันค่ะ กรอบหน้าต่างประตูไม่มีอันไหนตรงเลย มัน “fluid” ทุกองค์ประกอบดูเลื่อนไหลและ flow ... อีกจุดเด่นของที่นี่ (และน่าจะทุกงานแหละเอาจริง) คือการให้แสงค่ะ เกาดี้ออกแบบให้แสง “สร้างความมหัศจรรย์” ให้กับสถาปัตยกรรมได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ บางจุดเป็นแค่คอนกรีตเรียบ ๆ แต่สวยมากเพราะแสงเงาที่พี่เกาของเราเค้าวางจังหวะเอาไว้
Casa Batllo
Interior, Casa Batllo
Interior, Casa Batllo
ทุกองค์ประกอบของที่นี่คือศิลปะและรายละเอียดค่ะ
ว่ากันว่า “ตึกต้องหายใจได้” ช่องเปิดของพี่เกาดี้ไม่เพียงแต่ทำให้ตึกมีลมหายใจค่ะ แต่ทำให้แต่ละจังหวะ แต่ละเวลาของลมหายใจงดงามไม่เหมือนกันเลย 😊
ดูภาพของ Casa Batllo ไปอาจารย์ตุ้ยก็รำพึงไปว่า “...คนเรามันหลุดจากยุคสมัยมากขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ” พี่เค้าโคตร unique … ย้อนกลับไปข้อแรกใช่ไหมคะ (Melancholist) เพราะเกาดี้มีชีวิตที่ isolate ใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่นจึงสามารถสร้างงานที่โดดเด่นและแตกต่างได้อย่างมหัศจรรย์แบบนี้
🚩
อ่ะ ... ตามทัวร์นิ้วตุ้ย (เอ๊ะ ... ชื่อน่ารักดีแฮะ รู้สึกได้ถึงนิ้วอ้วนตุ้ย ๆ 555) อ่ะตามมาต่อกันที่ Casa Mila ค่ะ อาคารที่ภายนอกเหมือนจะเรียบ ๆ แต่ข้างใน weird ไม่แพ้อาคารอื่น แน่นอนว่ามันย้วย ๆ เช่นเดิม แทบไม่มีเส้นตรง แม้แต่ปล่องไฟก็ยังย้วย
Casa Mila เป็นอาคารที่มี courtyard อยู่ตรงกลางค่ะ (อิทธิพล Islamic Arts) ไอ้ courtyard เนี่ยไม่แปลก ที่แปลกคือมีดาดฟ้า ซึ่งมีรูปปั้นประหลาด ๆ อยู่เต็มเลย ยุคนั้นทำทำไม? … ไม่รู้ แต่ยุคนี้คนไปดู เพราะมันแปลกดี
คือเบ็นดูแล้วอารมณ์ดีนะคะ 555 มันดูซน ๆ ดี เอ็นดูววววพี่เกาดี้เลย 😊
Casa Mila
Casa Mila
Casa Mila
🚩
ที่สุดท้ายคือที่ ๆ เราพูดถึงมาบ้างแล้วตอนต้นค่ะ เป็น Legacy ที่พี่เกาดี้ทิ้งไว้ให้ทายาทและลูกศิษย์ลูกหาสร้างต่อ นั่นคือ Segrada Familia ค่ะ มันแปลว่า Secret Family หรือ Holy Family นั่นเอง หอคอยต่าง ๆ จึงเปรียบเหมือนสมาชิกของ Holy Family of God ค่ะ
แบบของ Sagrada Familia ส่วนสีนำตาลคือที่สร้างแล้วค่ะ สีฟ้าคือยัง!!!
ตามแบบจะมี 18 หอนะคะ เป็นสัญลักษณ์ของ 12 สาวก, the Virgin Mary, the four Evangelists และ Jesus Christ ตอนนี้เพิ่งสร้างไปได้ 9 หอค่ะ คือ 8 สาวกกับ The Virgin Mary ... ไม่สามารถเรียกว่าสร้างเสร็จได้ด้วยนะคะอี 9 หอนี้น่ะ เพราะยังประดับตกแต่ง ยังลงรายละเอียดกันไปเรื่อย ๆ มหากาพย์ของแท้ บอกได้เลยแม่ว่าหนทางยังอีกยาวไกล
จะไม่ให้คนทึ่งพี่เกาดี้ได้ยังไงเนาะ ก็ลองคิดดูนะคะว่าพี่เกาดี้เริ่มสร้างมหาวิหารแห่งนี้ตอนช่วงอายุ 30 เท่านั้นเอง เค้าต้องเห็นภาพในหัวตัวเองชัดมากและต้องเห็นใหญ่ขนาดนี้มาตั้งแต่ต้น ว่ากันว่าพี่เกาดี้ตั้งใจจะสร้างให้เสร็จด้วยตัวเองด้วยนะคะทุกคน แต่พอสร้าง ๆ ไปแล้วก็ต้องยอมรับว่างานใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าเสร็จได้ในช่วงชีวิตตัวเอง
ความยากลำบากมาตกอยู่ที่คนสร้างต่อค่ะ เพราะอะไรคะ เพราะ model ที่พี่เกาดี้ทำไว้ถูกทำลายหมดเลยในช่วงสงครามกลางเมืองค่ะ กรำ ... พี่เค้าก็ตายไปแล้ว ทีนี้จะถามใครว่าไอ้ยุบยิบทั้งหลายที่ยังไม่ได้สร้างนี่มันหน้าตาเป็นไงวะ ก็เลยต้องมโนต่อเอาเองแหละทุกคน ศิลปินหรือสถาปนิดรุ่นหลัง ๆ ก็ออกแบบต่อโดยพยายามให้มันเข้ากะ design เดิมให้มากที่สุด ช่วงหลัง ๆ นี่มีการใช้ Computer Graphic อะไรใด ๆ เข้ามาช่วยด้วย แต่มันก็ยังยากที่จะสรุปแบบอะไรใด ๆ ออกมาได้อยู่ดี (การก่อสร้างไปได้ช้าด้วยสาเหตุนี้ด้วยแหละเบ็นว่า)
เราเลยจะเห็นว่าในขณะที่ Façade ด้านหน้า (Nativity Façade) มีรายละเอียดยิบๆๆ แต่ Façade อีกด้าน (Glory Façade) เริ่มกลายเป็นปาดเรียบบ้างอะไรบ้าง ... Minimalist ต้องมา 555 ก็ contrast ไปอีกแบบ เก๋แปลกไปอีกแบบค่ะ (เรียกได้ว่ามันเป็น change over the period of time ค่ะ ก็สร้างกันเป็น 100 ปีอ่ะเนาะ)
Nativity Façade, Sagrada Familia
Glory Facade, Sagrada Familia
ความยากและมหัศจรรย์ของงานออกแบบ Sagrada Familia ทำให้เห็นถึงความสนใจและฝีมือที่หลากแขนงของเกาดี้ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ โครงสร้าง วัสดุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงและสี จะเห็นว่ามหาวิหารแห่งนี้ใช้สีไม่เยอะ แต่เกาดี้เพ้นท์ Sagrada Familia ด้วยแสงค่ะ
Sagrada Familia Painted with Light
เราเรียนรู้อะไรจากเกาดี้บ้าง
1. บางครั้งความจำกัดในชีวิตก็ทำให้มนุษย์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ เพราเราต้องหาช่องทางอื่นในชีวิต ถ้าเราไม่ท้อ ไม่เลิก ความสำเร็จก็อยู่กับเรา อย่างเกาดี้ ... การต้องอยู่คนเดียว การจ่อมอยู่กับธรรมชาติ ทำให้เค้าสร้างงานที่ Unique ขนาดนี้ได้
2. Right Projection ถ้ากำหนดใจไปถูกทางผลลัพธ์ก็จะออกมาดี เกาดี้อุทิศตนเองให้กับงานของพระเจ้าจึงสร้างงานแบบนี้ออกมาได้ คุณต้องมีศรัทธา มีความเชื่อจึงจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ (ช่วงปลายชีวิตเกาดี้ไม่สนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากการสร้าง Sagrada Familia ไม่ดูแลรูปลักษณ์ ปล่อยตัวเองซอมซ่อราวกับขอทาน ตอนที่โดนรถรางชนเสียชีวิตคนจึงไม่ได้สนใจ กว่าจะรู้ว่าเป็นเกาดี้ก็ผ่านไปสักพักแล้ว)
ลองคิดดูว่าถ้าชีวิตแม่งรันทดเบอร์นี้ แล้วเกาดี้เบนเข็มไปอีกทาง (รันทดท้อกับชีวิต จ่อมกับความเศร้า) โลกคงไม่มีสิ่งมหัศจรรย์แบบนี้ใช่ไหมคะ
3. สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากธรรมชาตินั้นน่าทึ่งมาก และยังมีสิ่งที่เราเรียนรู้จากธรรมชาติได้อีกมากมายมหาศาล
4. งานที่สัมผัสหัวใจมักจะได้พลังมาจาก “ธรรมชาติ”
5. เวลาที่เราออกห่างจากธรรมชาติ เราจะพยายามควบคุมทุกอย่าง บัญชาโลกให้เป็นไปตาม “เส้นตั้งเส้นนอน” ของเรา ตีตารางให้กับโลก เราเลยไม่สนุก เวลาเห็นใครทำอะไรสนุก ๆ เราจะทึ่ง ทั้งที่ความจริงเราทุกคนมีหัวใจสนุกแบบนี้อยู่แล้วโดยธรรมชาติ
💖💖
เป็นศิลปินอีกคนที่เบ็นได้ฟังเรื่องราวชีวิตและการทำงานแล้วสนุกมาก ได้แรงบันดาลใจเยอะมาก ๆ เลยค่ะ หวังว่าเพื่อน ๆ จะสนุกและเก็บเกี่ยว inspiration ไปได้บ้างเหมือนกันนะคะ ถ้ามีข้อมูลตรงไหนคลาดเคลื่อนเบ็นขออภัยด้วยนะคะ เม้นท์มาบอกกันได้เลยค่ะ สุดท้ายถ้าเล่างง ๆ ไปบ้างก็ขออภัยเช่นกันค่ะ เล่าเรื่องภาพว่ายากแล้ว เล่าเรื่องอาคารหนักกว่าอีกค่ะ 555
มีภาพประกอบที่เบ็นหาบางส่วนมาจาก Internet อยู่ใน comment ค่ะ เผื่อใครนึกไม่ออกว่าไอ้ตึกที่พูดถึงมันหน้าตาแบบไหนนะคะ 🙂 ขอบคุณภาพจาก Internet มา ณ ทีนี้ค่า
ป.ล.
ตามไปฟังอาจารย์กับคุณเอ๋คุยกัน อันจะมี ภกป. (ภาพประกอบ) เต็ม ๆ ได้ที่นี่นะคะ
ขอบคุณทั้งอาจารย์ภากรและคุณเอ๋มาก ๆ ค่ะ
Reference Web ของอาคารต่าง ๆ เผื่ออยากตามไปดูกันนะคะ
#BenNote #bp_ben
#benji_is_learning
#benji_is_drawing
#Western_Arts_Appreciation
#RoundFinger #Phagorn_Manggornpant
#Journey_with_Art #JourneyWithArt
#Inspiration #Gaudí
โฆษณา