📖พอหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านชื่อหนังสือ…แล้วผลิกอ่านปกหลัง สะดุดกับข้อความท่อนนี้ที่ว่า
…ถ้อยคำของฟรังเคิลเป็นอมตะ และเป็นสากล แม้ยุคสมัยจะผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็ตาม ถึงทุกวันนี้โลกจะไม่ได้พบกับความโหดร้ายเช่นสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ยังคงมีความสับสน หดหู่ สิ้นหวัง และความเกลียดชังจากการแบ่งแยกความเป็นมนุษย์ ผู้คนมากมายกำลังเผชิญกับความทุกข์ที่ท่วมโถมพัดพาให้เจ็บป่วย หลงทางและเจ็บปวดไม่ต่างกัน…
ความรู้สึกในระหว่างอ่านและเมื่ออ่านจบแล้ว…สำหรับวินดาตัวหนังสือ เรื่องราว เรื่องเล่าในเล่ม อ่านแล้วให้ความรู้สึกอึดอัด ไม่สนุก ไม่สามารถอ่านรวดเดียวจบได้เพราะใจไม่สบาย นี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อ่านแล้วไม่ประติประต่อ งงๆมึนๆอยู่หลายช่วง(ไม่ใช่ความผิดของหนังสือ ผู้เขียน ผู้แปล หรือสำนักพิมพ์ แต่เป็นด้วยอารมณ์การอ่านของวินดาเองค่ะ)
อ่านๆไปเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจ นี่งงกับตัวเองมากค่ะ ขมวดคิ้วบ่อยเพราะต้องคิดตาม เห็นตัวเองได้ชัดเลยว่าอ่านแล้วหยุดคิดนานในบางช่วงบางหน้า แต่ก็มีอยู่หลายช่วงเลยค่ะ
วินดาบอกไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้ดีหรือไม่ดี เหมือนทุกเล่มที่อ่านมา วินดาบอกไม่ได้เพราะหนังสือที่ดีของแต่ละคนต่างกัน เราเท่านั้นที่จะตัดสินได้เองด้วยตัวเราเอง
นี่เป็นเพียงการรีวิวของวินดา พอให้ทุกคนได้รู้ถึงความรู้สึกมุมนึงของคนที่อ่านแล้ว อ่านจบแล้ว ซึ่งการพูดถึงหรือรีวิวเล่มนี้ของแต่ละคนก็คงแตกต่างกันไป อาจมีบางมุมที่เหมือนกัน ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ วินดาอ่านแล้วไม่โกหกตัวเองว่ารู้สึกยังไง คิดยังไง อยากให้ทุกคนมาแชร์กันมาคุยกันถ้าได้อ่านแล้ว หรือถ้ายังไม่อ่านก็ถือเป็นอีกหนึ่งมุมมองหนึ่งแนวทางที่จะช่วยในการตัดสินใจว่าจะอ่านไหมนะคะ
จุดเด่นเล่มนี้สำหรับวินดาคือเล่นกับความรู้สึกได้ดีในเรื่องความอึดอัดค่ะ อย่างที่บอกอ่านแล้วไม่สนุก อึดอัด แต่อยากรู้เลยอ่านต่อ มันไม่ง่ายเลยนะคะที่จะส่งความรู้สึกนี้ให้คนอ่าน วินดาใช้เวลา 3 วันกว่าจะอ่านจบทั้งๆที่หนังสือมีไม่ถึง 200 หน้าด้วยซ้ำไป…
เล่มนี้มีโควทเต็มไปหมด มีเรื่องเล่ามากมาย…วินดาของยกบางส่วน บางช่วงบางตอนมาเรียกน้ำย่อยทุกคนเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าจะมีไว้ในครบครองดีไหมน้าาาา
🕯️…เป้าหมายเผด็จการทุกยุคทุกสมัย คือการโจมตี “ความหวังและความหมาย” จึงทำให้พวกเราแสดงอาการทางจิตใจออกมาเหมือนกันอย่างน่าประหลาด
🕯️ “รื่นรมย์กับชีวิตที่ดี ในทุกโอกาสที่มี”… “นี่แหละชีวิต” ถึงแม้จะมีความสุขเพียงน้อยนิด
🕯️ฮิตเลอร์เสนอว่าผู้คนจะเชื่อเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น หากเรื่องนั้นถูกนำเสนอซ้ำๆมากพอ และหากข้อมูลข่าวสารที่ขัดแย้งกับความคิดถูกปฏิเสธเป็นประจำ ถูกทำให้เงียบหาย หรือถูกหักล้างด้วยคำโกหกที่ใหญ่กว่า
🕯️…วิธีการที่เรารับมือกับบทตอนในชีวิตที่ยากลำบาก คือสิ่งที่ “แสดงให้เห็นว่าเราเป็นใคร”
🕯️ฟรังเคิลมองเห็นความอ่อนแอของมนุษย์ด้วยเช่นกัน เขาบอกว่า เราแต่ละคนนั้นไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นความสมบูรณ์แบบในแบบของตัวเราเอง แล้วเขาก็พลิกมันไปในแง่บวก โดยสรุปว่า ทั้งความเข้มแข็งและอ่อนแออันเป็นเอกลักษณ์ของเรานั้น ทำให้เราแต่ละคนมีเพียงหนึ่งเดียว มิอาจถูกแทนที่ได้
🕯️ฟรีดริช นีตซ์เช (Friedrich Nietzsche) นักปรัชญาชาวเยอรมัน ว่า “ผู้ที่รู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปทำไม จะสามารถทานทนได้ไม่ว่าจะอย่างไร”
🕯️มันไม่ใช่ตัวเราที่ได้รับอนุญาตให้ถามถึงความหมายของชีวิต แต่มันคือชีวิตต่างหาก ที่จะถามคำถามเหล่านี้ ถามตรงมาที่ตัวเรา…ต้องตอบไปอย่างต่อเนื่องต่อคำถามของชีวิตแบบรายชั่วโมง…
🕯️ชีวิตจะเสนอความเป็นไปได้ในการเติมเต็มความหมายให้แก่เราอยู่เสมอ ดังนั้น ทางเลือกที่มีความหมายนั้นจึงมีอยู่เสมอ เราจึงพูดได้ว่า การดำรงอยู่ของมนุษย์สามารถถูกทำให้มีความหมายได้ “จวบจนถึงลมหายใจสุดท้าย” ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ ตราบเท่าที่เรายังมีสติรู้ตัว เราแต่ละคนมีความรับผิดชอบในการตอบคำถามของชีวิต เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เราประหลาดใจ เมื่อได้ทบทวนถึงความจริงอันยิ่งใหญ่ที่เป็นรากฐานของการเป็นมนุษย์ ว่าการเป็นมนุษย์นั้นไม่ใช่อะไร นอกจากความมีสติรู้ตัวและการมีความรับผิดชอบ!
🕯️และเพื่อเป็นการสรุปถึงสิ่งที่เราสามารถพูดได้เกี่ยวกับคำถามเรื่อง “ความหมาย” ของชีวิต มุมมองที่มันนำเสนอแก่เรา อาจอธิบายได้อย่างเหมาะสมที่สุดด้วยคำกล่าวของเฮบเบิล ที่ว่า “ชีวิตไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด มันคือโอกาสสำหรับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง!”
🕯️เมื่อมนุษย์ได้ตัดสินใจที่จะเชื่อว่ามีความหมายอันสูงสุด เชื่อว่ามีอภิความหมายของภาวะความมีอยู่ ความเชื่อนี้ก็เช่นกันกับความเชื่อทั้งหลาย คือมันจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างสร้างสรรค์ เพราะความเชื่อไม่ใช่เป็นเพียงความเชื่อในความจริงของ “ตัวเขาเอง” แต่มันเป็นยิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่านั้นอย่างมาก กล่าวคือ ความเชื่อจะทำให้เกิดภาวะความมีอยู่ของสิ่งที่เชื่อนั้น!
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้…พอตัดสินใจได้ไหมค่ะว่า ยังไงดีน้อออออ🥹 ใครอ่านแล้วมาคุยกันนะคะ ถ้ายังไม่อ่านก็คุยกันได้คร๊าาาา
🙇🏻♀️ขอบคุณหนังสือเปิดโลกอย่าง Yes to Life In Spite of Everything อย่าสูญสิ้นความหวัง เพราะชีวิตยังมีความหมาย
ผู้เขียน : Victor E.Frankl (วิกเตอร์ อี.ฟรังเคิล)
ผู้แปล : วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
สำนักพิมพ์ : Being
แล้วพบกันใหม่นะคะ👋🏻
#windasharing
- 3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
