Pre-IPO มีพี่ผู้บริหาร ถามไอเดียน้ามาเรื่อง #PreIPO น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ สรุปประมาณนี้ครับ (ขออนุญาตพี่เค้าแล้ว)
🧐น้ามองการจัดสรรหุ้น ipo ให้นักลงทุนรายใหญ่ (Pre-IPO) ที่มีชื่อเสียงยังไง ในฐานะเจ้าของ ควรพิจารณาอะไรบ้าง
👉 ทำได้ไหม : ได้ แต่อาจมีจุดอ่อนที่ นลท.รอบ IPO จะอาจติดใจว่า เสียเปรียบรายใหญ่ และกลัวจะโดนขายใส่ได้ เลยอาจทำให้ นลท. หรือแม้แต่กองทุน ไม่กล้าจองหุ้นเท่าที่ควร ดังนั้น การกำหนดเรื่อง silient period ของ นลท.ที่ได้รับการจัดสรรรอบ Pre-IPO ต้องเอาให้ชัด ยิ่งถ้าเข้มกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ กลต. จะถือว่าพอโอเค
👉 เรื่องราคา : มอง 3 กรณี
1. ถ้าทำ Pre-IPO ต่ำกว่าราคา IPO มากๆ : ทำได้ หากทำก่อน IPO สัก 2-3 ปี เพราะจะถือว่า นลท.รายใหญ่ เข้ามารับความเสี่ยง เพราะ filing อาจไม่ผ่าน กลต. อาจตีตกได้ เพราะถ้าตีตก คราวนี้ความซวยมาเยือน ขายหุ้นต่อยากมาก เคยเห็นเคสแบบนี้เยอะอยู่ เป็นรายใหญ่ก็โดนหลอกเยอะอยู่
2. ถ้าทำ Pre-IPO ก่อน IPO 6-12 เดือน ย้ำว่า ราคาไม่ควรต่ำกว่า IPO มากเกินไป เพราะตลาดจะตีความได้ว่า ให้ Pre-IPO เพื่อเอาชื่อเสียงมายันหุ้น มาโชว์ นลท.รอบ IPO เสียเปรียบเต็มคาราเบล แถมไม่มีใครการันตีว่า อาจโดนปาหุ้นแจกหลัง IPO ได้ อ้นนี้ก็อาจกลายเป็นภาพไม่ดีต่อบริษัทได้
3. แต่ถ้าขายราคาเดียวกับ IPO อันนี้ไม่มีปัญหา แฟร์เกมส์ take risk เท่ากับ นลท. และกองทุน บริษัทเพียงแค่ต้องทำให้แน่ใจว่า ได้ให้ข้อมูลทุกคนเท่ากัน แล้วไปวัดกันบนกระดาน
👉 สิ่งที่สำคัญ บจ.ควรแสดงออกถึงการได้รับเงินทุน Pre-IPO มา "เพื่อดำเนินงานช่วงก่อน IPO" จะเหมาะสมที่สุด คือ ได้เงิน Pre-IPO มาเพื่อทำงาน เพื่อเตรียมงาน อันนี้ดูดี สมเหตุสมผล แต่+++ ก็ต้องกลับไปที่ concept เงินทุนที่จะส่งผลดีสุทธิต่อบริษัทที่สุดเป็นสำคัญ ซึ่งแหล่งทุน มันมีดังต่อไปนี้
A. เงินตั้งต้นเจ้าของ
B. เงินกู้
C. เงิน Pre-IPO (ถ้ามี)
D. เงิน IPO (อยากมี)
เงินที่ดีสุดสำหรับ บจ. คือ B เพราะต้นทุนต่ำ(ดอกเบี้ย เผลอๆได้ cleen loan = ไม่ต้องมีหลักประกัน) และไม่เกิด dilution กับ ผบห. (ไม่มีคนมาหารกำไรเพราะจำนวนหุ้นเท่าเดิม) กล่าวคือ ได้เงินถูกๆ เอาไปทำมาหากินต่อ ยังไงก็ย่อมดีกว่า C เพราะ โดน dilution จะๆ wealth เจ้าของเดิมถูกทอนลงอัตโนมัติ แถมยังมีความเสี่ยงหาก เค้าไม่อยู่กับบริษัทนานๆ ดังนั้น ดังนั้น B เป็นตัวเลือกแรกเสมอนะ
และถ้าให้น้าเรียงลำดับ การสร้างบริษัทจากเงินทุนนะ ก็ควรเริ่มจาก A ไป B แล้ว D ส่วนถ้ารายใหญ่อยากได้ ก็ให้เรียนเชิญไปเอาในกระดานหุ้น ซึ่งจะยิ่งสร้าง demand บนกระดาน ราคาหุ้นขึ้นได้ดี และ win-win กับเจ้าของ และ นลท.ทุกคน แต่ถ้ารักกันสุดๆ ก็ big lot ระหว่าง เจ้าของ กับ รายใหญ่กันเอง ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพียงแต่ว่าเจ้าของอย่าไปลดสัดส่วนมากเกินไปนะ เดี๋ยวไม่มีคนบริหาร(ฮา)
เครดิตรูป : my advisor
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
