23 พ.ย. 2022 เวลา 07:20 • การเกษตร
การฟื้นฟูแปลงและการปลูกผักหลังน้ำลด
ผักเป็นพืชที่ส่วนใหญ่อายุสั้น มีระบบรากตื้น เมื่อแปลงผักประสบอุทกภัยมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานติดต่อกันหลายสัปดาห์ ทำให้พืชผักเสียหาย โดยส่วนใหญ่จะตายหมดหากมีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่า 5-7 วัน นอกจากนั้น หากน้ำท่วมขังเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ จะทำให้สภาพพื้นที่ปลูกและโครงสร้างของดินในแปลงปลูกผักเสียหาย เมื่อน้ำลดจะยังไม่สามารถปลูกผักได้ทันที จำเป็นต้องมีการจัดการฟื้นฟูสภาพดินให้เหมาะสม และเมื่อปลูกผักในแปลงปลูกหลังจากน้ำลดใหม่ ๆ จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาที่พิถีพิถันกว่าปกติ
การเตรียมดิน และการจัดการดิน
1. พื้นที่หลังน้ำลดระยะแรกที่ดินยังเปียกอยู่ ห้ามคนละสัตว์เลี้ยงเข้าไปเหยียบย่ำในแปลงปลูก รวมถึงห้ามนำเครื่องจักรเข้าไปในพื้นที่ เพราะจะทำให้โครงสร้างของดินที่เปียกชุ่มน้ำอยู่มากมีการอัดแน่นทำให้เกิดผลเสียต่อการไหลซึมของน้ำและเมื่อดินเริ่มแห้งโครงสร้างของดินจะจับกันแน่นและแข็งตัวมาก ทำให้ยากต่อการปรับปรุงดิน
2. พื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมอยู่บ้าง ควรหาทางระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เช่น การขุดร่องระบายน้ำเพื่อให้เกิดทางน้ำไหลออกจากแปลงโดยเร็ว
3. เมื่อพื้นที่เริ่มแห้ง สภาพดินแห้งพอที่จะเข้าไปปรับสภาพดินเพื่อปลูกผักได้ ให้ทำการไถพรวนและตากดินไว้ 2-3 วัน เพื่อให้ดินแห้งมากขึ้น และควรหาปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกเก่าคลุกเคล้าดิน เพื่อให้ดินมีคุณสมบัติทางกายภาพในการปลูกพืชที่ดีขึ้น และเป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แก่ดิน อาจมีการใช้ปูนขาวหรือโดโลไมท์ในการปรับปรุงดินด้วย เพื่อป้องกันปัญหาโรครากเน่า
การเลือกชนิดผักที่จะปลูก
เลือกปลูกผักที่มีอายุสั้นเก็บผลผลิตได้เร็ว เป็นผักที่นิยมบริโภค ถ้าปลูกขายให้คำนึงความต้องการของตลาดด้วย
การเลือกพันธุ์ผัก
พันธุ์ที่ใช้ เลือกพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ และสภาพพื้นที่ ควรเป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
วิธีการปลูก
1. หากสภาพพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง หรือสภาพดินยังเฉอะแฉะมาก สามารถเตรียมการปลูกผักล่วงหน้า ด้วยการเตรียมการเพาะกล้าผักไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาตั้งแต่หยอดเมล็ดถึงย้ายปลูกประมาณ 10-20 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก และเมื่อสภาพดินในแปลงปลูกแห้งก็สามารถจะย้ายกล้าผักที่เตรียมไว้ลงปลูกในแปลงปลูกได้ทันที การเพาะกล้าผัก
2. หากพื้นที่เริ่มมีสภาพแห้ง และสามารถขุดดินได้ ควรเตรียมดินปลูกไว้ อาจใช้วิธีการหว่านเมล็ด หรือหยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยให้ระยะห่างระหว่างต้นพอสมควร ใช้น้ำปูนใสรดต้นกล้าและต้นผัก อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อราได้
การดูแลรักษา
มีการใส่ปุ๋ยและดูแลป้องกันกำจัดโรคแมลงอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำ
ข้อควรระวัง
1. การปลูกผักหลังน้ำลด หากดินมีสภาพพื้นที่ชื้นแฉะมากเกินไป อาจมีปัญหาเมื่อหว่านเมล็ดไปแล้วต้นกล้าอาจเกิดปัญหาโรคเน่า จึงต้องมีการปรับปรุงด้วยปูนขาว เพื่อปรับปรุงดินให้สภาพเป็นด่างเล็กน้อยจะทำให้ลดการระบาดของโรคได้ อัตราปูนขาวที่ใช้ 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ รวมทั้งการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา (เชื้อราเขียว) ใส่ลงในดินด้วยจะช่วยทำให้ป้องกันโรครากเน่าในผักได้เป็นอย่างดี
2. การปลูกผักหลังน้ำลด ให้ระมัดระวังดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเมล็ดงอกและเจริญเติบโตเป็นต้นกล้า และหากดินเริ่มแห้งมากขึ้นต้องมีการให้น้ำพอประมาณ เพื่อไม่ให้ดินรัดต้นกล้าหรือต้นพืชและตายในที่สุด ซึ่งไม่ใช่ปัญหาด้านโรคพืช
3. หากสภาพแวดล้อมมีความชื้นในอากาศสูงมาก อาจประสบปัญหาเชื้อราได้ ควรระมัดระวังอย่าปลูกผักให้แน่นเกินไป หากหว่านเมล็ดและต้นกล้าแน่นมาก ให้ถอนต้นกล้าและเว้นระยะห่างระหว่างต้นพอสมควร รวมถึงการใช้น้ำปูนใสรดต้นกล้า และต้นผักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อราได้
เรียบเรียง : กลุ่มส่งเสริมพืชผักและเห็ด สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา