26 พ.ย. 2022 เวลา 09:21 • ประวัติศาสตร์
ปีศาจของสตาลิน
ลาฟเรนตีย์ เบเรีย(Lavrentiy Beria) โรคจิต วิปลาส มือขวาของสตาลินผู้ควบคุมการทรมาน สังหาร ศัตรูทางการเมืองของสตาลิน และเป็นผู้อำนวยการหน่วยตำรวจของโซเวียตซึ่งคอยจับตาผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ
เบเรีย เกิดในประเทศจอร์เจียซึ่งทำให้เขาเป็นคนบ้านเดียวกันกับท่านผู้นำโจเซฟ สตาลิน เมื่อเขาเริ่มบทบาททางการเมือง เขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับเทือกเขาคอเคซัสบ้านเกิดของเขาและหนังสืออวยโจเซฟ สตาลิน ซึ่งสตาลินชอบใจมาก และเบเรียได้กลายเป็นคนที่อยู่ในสายตาสตาลินมากขึ้น จนเขาได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการตำรวจของสหภาพโซเวียต
เบเรียวัยหนุ่ม source:Quoteikon.com
เขากลายเป็นมือขวาของสตาลินและได้เริ่มปฏิบัติการอันโหดเหี้ยม เมื่อมีการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองของโจเซฟ สตาลินเริ่มต้นขึ้น เบเรียนได้ส่งตัวนักการเมือง นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่ชาวบ้านธรรมดาไปยังคุกเพื่อทรมานและฆ่า นับแสนคน ถึงขนาดที่ นิกิตา ครุชชอฟ(Nikita Khrushchev)อดีตผู้นำโซเวียตได้เขียนบันทึกไว้ว่า ในช่วงเวลานั้นผู้คนต่างใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวว่าวันหนึ่งจะมีคนมาเคาะประตูหน้าบ้านพวกเขา และพาตัวพวกเขาไป
ค่ายแรงงานกูลัก(Gulag) มีมาก่อน เบเรียจะมีอำนาจก็จริง แต่เขาคือผู้ผลักดันให้มีการสร้างค่ายเพิ่มขึ้นถึง 500 ค่ายและมีนักโทษนับล้านๆชีวิต
สตาลินรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมของเบเรียดีถึงขนาดเปรียบเทียบเขากับ ไฮน์ริช ฮิมเลอร์(Heinrich Himmler)ผู้รับผิดชอบต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี บอกกับประธานาธิบดี รูสเวลต์ และนายกรัฐมนตรี เชอร์ชิล อย่างติดตลกว่า สหภาพโซเวียตเองก็มี ฮิมเลอร์ และเขาชื่อ เบเรีย
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหภาพโซเวียตได้บุกโปแลนด์ร่วมกับนาซีเยอรมัน และจับเชลยชาวโปแลนด์ไว้ได้ เหล่าเชลยต่างรอคอยอย่างไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หลุมศพได้มีการขุดขึ้นและเหล่าเชลยต่างเรียงแถวไปยังความตาย พวกเขาทั้ง 22.000 คนถูกฆ่าทั้งหมดและฝังลงหลุม และแน่นอนผู้นำปฏิบัติการนี้คือ เบเรีย โดยเขาเขียนบันทึกบอกสตาลินว่า เหล่าเชลยพวกนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของโซเวียตและจำเป็นต้องจำกัดเสีย
เขาได้นำการกวาดล้างของสตาลินด้วยการสั่งสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจลับ และเจ้าหน้าที่ทางการทหารของโซเวียตรวมกันถึง 30.000 ชีวิต
นอกจากนี้เขายังเป็นนักข่มขืนโรคจิตอีกต่างหาก ตามบันทึกของบอดีการ์ดของเขาได้เล่าว่า ในช่วงสงครามโลก เบเรียจะขี่รถลีมูซีนไปตามท้องถนนเพื่อหาหญิงสาวที่เขาถูกใจ จากนั้นก็จะเชิญเธอไปออฟฟิศของเขาเพื่อดื่มสังสรรค์และข่มขืนเธอ เมื่อเสร็จกิจบอดีการ์ดของเขาจะให้ช่อดอกไม้แก่ผู้หญิงคนนั้นเพื่อเป็น
สัญญาณว่าเธอยินยอม
สเวทลานา ลูกสาวสตาลินนั่งตัก เบเรีย โดยมีสตาลินนั่งอยู่ข้างหลัง source:wikipedia.org
หากเธอไม่รับ นั่นหมายความว่าเธอจะถูกจับโดยตำรวจลับ
เหล่าผผู้นำของสหภาพโซเวียตจะรับรู้ถึงการกระทำนี้หรือไม่ก็ตาม แต่พวกเขาได้เตือนลูกสาวของพวกเขาว่าอย่าไปยุ่งกับ เบเรีย แม้แต่สตาลินเองก็ไม่ไว้ใจเบเรีย
ครุชชอฟ ได้บันทึกไว้ว่าตอนที่สตาลินตาย เบเรียมีท่าที่ยิ้มแย้มดีใจเป็นอย่างมาก เพราะด้วยอำนาจที่เขามีตอนนั้นสามารถทำให้เขาได้กลายเป็นผู้นำของสหภาพโซเวียตได้ แต่ จอร์จี้ มาเลนคอฟ(Goergy Malenkov)ได้สืบทอดอำนาจต่อจากสตาลินแทน
ในปี ค.ศ.1953 ครุชชอฟ และมาเลนคอฟ พร้อมกับพรรคพวกทนกับความป่าเถือนของเบเรียไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจึงวางแผนใส่ร้ายเบเรีย พวกเขากล่าวหาเบเรียว่าเป็นสายลับอังกฤษและเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหภาพโซเวียต ในการประชุมของพรรค ทำให้เบเรียถูกจับกุมและประหารชีวิต ซึ่งก่อนเขาจะถูกยิง เขาร้องไห้ฟูมฟาย อ้อนวอนร้องขอชีวิตกับเพชรฆาต แต่เขาก็ถูกฆ่าไม่ต่างอะไรจากเหยื่อเขาสั่งฆ่า
***Resources***
>Sky History: HISTORY'S FORGOTTEN PEOPLE: LAVRENTIY BERIA:
>Abkhaz World: Beria – Stalin’s right-hand man in Abkhazia:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา