17 ธ.ค. 2022 เวลา 03:30 • นิยาย เรื่องสั้น
ความรักของเอกา
⊱ เจ้าหางก้อนชะโงกหน้าขึ้น หมุนหัวของมันไปทางเส้นทางเข้าในตัวหมู่บ้านเสียงสายลมใต้แห่งนี้
เอกาหันมองขวับตามสายตาของมัน เห็นคล้ายหญิงชราหลังงองุ่ม เรือนผมสีเงินยวงช่างโดดเด่น ประหนึ่งจันทราส่องแสงท้าทายความมืดมิดนิรันดร์แห่งยามวิกาล มีความหนายาวสลวย เหยียดตรงเหนือบั้นท้าย ถักเปียกติดกับเชือกห้อยลูกปัดหลากสีสันซีดๆ
ยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับรูปปั้นหินสลัก ไม้เท้าค้ำยันร่างผอมซูบติดกระดูก ผิวหนังสีช็อกโกแลตอันเหี่ยวย่น กลมกลืนกับความมืดทะมึนห่อหุ้มหมู่บ้าน ในความแสนอัปลักษณ์ของนาง ยิ่งทำให้รู้สึกหวาดกลัวทั้งไม่ปลอดภัย กระนั้น เอกายังจดจำ และรู้จักนางเป็นอย่างดีทีเดียว นางจึงไม่มีพิษมีภัยสำหรับเขาอย่างแน่นอน เขายันตัวเองลุกขึ้นยืน ก่อนจะตรงดิ่งไปหานางอย่างกับถูกต้องมนต์สะกด
นางก็เดินจากไปแล้ว
เด็กชายไม่ไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น ตามหลังของนางให้เห็นหลังตลอด
เจ้าหางก้อนรั้งท้ายเอกา ประมาณสี่ถึงห้าก้าว แลดูมันไม่ค่อยไว้วางใจในตัวหญิงเฒ่ากะปลกกะเปลี้ยผู้โดดเดี่ยวสักเท่าไร
ผิดกับเอกาที่รู้สึกชื้นใจเหลือเกิน ยังพบกับคนรู้จักหน้าค่าตาอาจคนเดียว ซึ่งหลงเหลืออยู่ก็เป็นได้
ทว่า ก้นบึ้งแห่งจิตใต้สำนึกลึกๆ ของเด็กชายแล้ว กลับตั้งข้อกังขา เพราะเหตุใดนางถึงยังคงดำรงชีวิตที่มืดบอดอย่างเป็นปกติอยู่ และน่าผิดประหลาดอย่างยิ่งของนาง นางนั้นไม่เคยแม้แต่จะออกมาเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้านตลอดทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำ นางจะนั่งขัดสมาธิอยู่บนอาสนะภายในสำนักของนางเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอกาสามารถสลัดทิ้งความเคลือบแคลงทั้งหมดทั้งมวล อัดแน่นเต็มอกเสียสิ้นอย่างง่ายดายทีเดียว
เพราะเขาอยากเชื่อสุดใจ ว่าตนเองยังพอมีความหวังอยู่บ้าง กับหลายๆ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงผิดหูผิดตาไปหมด มันจะมีบางอย่างกลับมาทำให้รู้สึกคุ้นเคยได้อย่างสบายอกสบายใจอีกครั้ง
เอกาก็ยากปักใจเหลือเกิน ถ้าไม่ได้ประจักษ์กับตาตัวเองอยู่ตอนนี้ เมื่อเห็นว่าหญิงชราในร่างกายที่ความแข็งแรงไม่คงทนถาวรตลอดกาล ลดน้อยถอยลงไปตามกาลเวลาและวัยเพิ่มมากขึ้นไม่หยุดนิ่ง จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเกินกว่าตามทันกระชั้นชิด ทั้งหลังค่อมมาก แถมยังต้องมีไม้เท้าอีกหนึ่งขาช่วยพยุงสังขารขณะก้าวเดิน
หมอกขาวหนากลืนดวงตาของนางสนิท แทบไม่มีทางเลยนางจะคล่องเส้นทางในหมู่บ้าน หากนางไม่ได้ชำนาญมาก่อน แต่นางไม่ได้บอดตั้งแต่เกิด ตามที่เอกาเคยรับรู้ข้อมูลนี้มาจากย่าอาเร่
เอกาไม่เคยมีโอกาสได้เผยอปากตะโกนร้องเรียกนางสักครั้งเดียว
เพราะนางคอยห่างออกไปไกลเรื่อยๆ ทุกกะพริบตา หากเอกาเผลอช้าลง
“เฮ้”
เด็กชายร้องเรียกสุดเสียงแล้วก็ตาม เผื่อหวังว่าจะยับยั้งการจ้ำอ้าวของหญิงชรา ทว่า นางไม่ยอมหยุดลงด้วยซ้ำ นางไม่ได้หูหนวก อาการหูตึงตามวัยก็ไม่มี นางมีโสตประสาทที่สามารถแยกจำแนกสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่างดีทีเดียว ทดแทนการมองเห็นขาดหายไป ยังไม่รวมกับสัมผัสปริศนาลึกลับ นางได้รับมาประหนึ่งพรจากอีธารานั่นอีกด้วย
นางไม่ใคร่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
“ท่านแม่หมอครับ”
กว่าเอกาพลันรู้สึกว่าตัวเองนั้น กำลังยืนจับจ้องนางอยู่ที่ลานกว้าง หนึ่งในสามแห่งของหมู่บ้านเสียงสายลมใต้
นางค่อยๆ นั่งลงเก้ๆ กังๆ ระมัดระวังทุกจังหวะทิ้งตัวลงบนเนินดินเตี้ยๆ ใต้ต้นเมียนคา ไม่ให้ล้มหงายหลังตึงเสียก่อน หน้าผากแนบไม้เท้า ใต้เงามืดทาบทับใบหน้าขณะก้มต่ำของนาง เอกาเห็นรอยยิ้มถูกคลี่เนิบช้า ต้อนรับการมาเยือนของเขา
"ท่านไม่ได้ยินผมหรืออย่างไรกัน”
เอกาใคร่ฉงน จึงเอ่ยถาม
นางกลับไม่ได้ให้คำตอบของประเด็นนี้กลับมาให้เขากระจ่าง
หญิงชรายังคงยิ้มไม่ยิงฟันอยู่อย่างนั้น มันคือความรู้สึกอันปลื้มปิติ หลังจากรอคอยเอกา เปี่ยมด้วยความหวังว่าเด็กชายคนนี้หวนคืนสู่เหย้าในสักวันหนึ่ง ไม่ช้านาน
“ท่านหัวหน้า”
เอกาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง งุนงงหนัก นางอาจเข้าใจอะไรผิดเป็นแน่ เขาคือเอกา นางต้องแยกแยะเสียงพูด ระหว่างของเขากับของพ่อได้สิ
"ผมไม่ใช่ ---”
เขาแก้ต่างทันใด
“ผมเอกา ไม่ใช่พ่อน่ะครับ”
“แม่รู้”
นางกล่าวย้ำ
“แม่ย่อมรู้ว่าท่านคือใคร ท่านหัวหน้า”
“ผมเปล่า”
เด็กชายยืนกราน
“ท่านแม่หมออาจกำลังเข้าใจอะไรในตัวผมผิดพลาดไป”
“แม่ไม่เคยเข้าใจอะไรผิดหรอกนะ”
นางคงยืนยันท่าเดียว
เอกาเองดึงดันถึงที่สุดแล้ว ดูท่าว่าไม่มีอะไรก็ตามล้มล้างความมั่นใจสูงส่งของนางได้เลย
เขาจึงปล่อยให้เป็นความคลางแคลงใจต่อไป ตระหนักได้ว่ายากเอาชัยชนะมาจากนาง
“ไม่ว่าเรื่องๆ ใดก็ตาม ทั้งไม่มีสิ่งใดหรือใครแย้งแม่ได้ --- มักเป็นไปตามพยากรณ์อีธาราเสมอมา”
เสียงยานคางของนางสามารถกล่อมเด็กชายให้เคลิ้มหลับได้ในแต่ละคำ
“แล้วทำไมท่านแม่หมอถึงออกมาอยู่ข้างนอกบ้านของตัวเองล่ะครับ”
เอกาสงสัย
“มันผิดปกติไปมาก ---”
“มีอะไรรบกวนจิตใจของท่านหัวหน้าอยู่ในตอนนี้ไหมเอย เพราะแม่สัมผัสถึงมันได้แน่นอน”
“ถึงหมู่บ้านจะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาอย่างคุ้นเคย”
เขากวาดตามองไปรอบๆ ไม่อาจเชื่อใจสิ่งใดในยามนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
“ผมกลับชักไม่แน่ใจเท่าไรแล้ว ว่ามันจะยังปลอดภัยสำหรับท่านแม่หมอหรือไม่ ผมไม่สบายใจเลย ที่ท่านแม่หมอออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ ซึ่งท่านแม่หมอไม่เคยออกเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้านสักครั้งเดียวด้วยซ้ำ”
“ขอบใจที่เป็นห่วงแม่นะ ท่านหัวหน้า”
นางยิ้มอ่อนซาบซึ้งใจ
“แต่ท่านหัวหน้าไม่ต้องเป็นกังวลในตัวแม่ไปหรอกหนา แม่อยู่มาเช่นนี้ ครั้นหลังจากอิลานาเปลือกไม้แตกระแหง กลายเป็นผุยผงของเถ้าถ่านร่วงโปรยปรายประหนึ่งสายฝนไม่มีวันหยุดตก
อีธาราแผ่ขยายความเสื่อมโทรมไปทั่วทุกแห่งหน แต่ทุกสิ่งล้วนไม่มีวันดับสิ้นถาวร สิ่งใดมอดม้วย สิ่งอื่นหนึ่งย่อมมาแทนที่นับจากนั้น กฎแห่งวัฏจักรอันยั่งยืน หย่อนเมล็ดพันธุ์เพื่อได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครา อย่ายึดติดกับสิ่งใด ยอมปล่อยให้มันเป็นไปในรูปแบบที่มันเป็น ผู้ไม่รู้ย่อมคาดไม่ถึง การแก้ไขความผิดพลาดในกาลครั้งหนึ่ง ไม่มีประโยชน์อันใดนักแล อย่ากล่าวโทษ เมื่อให้โทษเมื่อไรนั้นยากจะปล่อยวางได้ลง”
นางกวักมือเรียกเจ้าหางก้อน ทีแรกเอกานึกว่านางจะขอให้ตนเข้าไปหา ตระหนักได้ตอนเห็นมันก้าวช้าๆ ไม่ทิ้งความระแวดระวังตรงหานาง
ใบหน้าของมันสัมผัสฝ่ามือเหี่ยวย่นและแห้งกร้านของหญิงชรา
จากที่มันวิตกกังวลเกี่ยวกับนาง เจ้าหางก้อนผ่อนคลายด้วยการนอนขดตัว ศีรษะวางหนุนมือข้างนั้น เงยหน้ามองขึ้นไป
“แม่รู้ว่าเธอกลัว”
นางสื่อสารกับมัน นางอาจรู้ดีว่าเจ้าหางก้อนมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเข้าใจภาษาคนแน่นอน มันเคยใช้เสียงพูดผ่านเข้ามาในหัวของเขา ไม่กี่คำที่มันพยายามต้องการให้เขารับรู้
“แต่ไม่มีอะไรต้องกลัว”
แม่หมออาฟฟาใช้มืออีกข้างลูบไล้เรือนขนสีขาวบริสุทธิ์ของมันไปพลาง
“เธอรู้ใช่ไหม”
นางเอ่ยถามบางอย่างกับมัน เอกาไม่รู้และเข้าใจได้ จึงทำได้เพียงสดับฟังเงียบๆ เหมือนเป็นคนนอกเหตุการณ์
“หากเธอคิดว่าทำมันสำเร็จลุล่วงแล้ว จะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ดังนั้น เธอจำเป็นต้องปลดปล่อยเหตุการณ์แรกเริ่มจะนำพาไปยังอีกเหตุการณ์ปลายเปิดให้จงได้ เมื่อเดินทางไปถึง ณ เวลาเวียนวน ไม่งั้น --- เธอเองจะไม่มีวันหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการ ที่เขาใช้ล่ามตัวเองดั่งโซ่ตรวนเส้นเขื่อง”
เจ้าหางก้อนแสดงอาการอ่อนแอจากแววตาชัดเจน
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย”
แม่หมออาฟฟาปลอบประโลม
“จะมีเพียงมือของเธอเท่านั้น ที่จะพาเขาเดินออกมาจากวังเวียนนั้น”
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”
เอกาโพล่งในท้ายที่สุด เกินความสามารถอดรนทนรอ ว่าจะไม่เสียมารยาทนาง ซึ่งเขาให้เกียรตินางมาเสมอ ความเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในหมู่บ้านสายลมใต้ อันเป็นที่น่าเคารพนับถือช้านาน
กระทั่ง เขากระโจนจากความอึดอัดของการไม่รู้อะไรทั้งนั้น เกี่ยวกับเขาหรือไม่ เขาต้องการได้คำตอบนั้นมาให้ได้เดี๋ยวนี้
“ผมสมควรจะได้รู้บ้างไหมครับ”
หญิงชราพยักหน้า
“แน่นอนค่ะ ท่านหัวหน้า”
นางยืนยัน
“ท่านมีสิทธิได้รับรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับทั้งอีธารา แต่ไม่ใช่ด้วยคำบอกเล่าของแม่ มันจะทำให้ท่านรู้สึกสับสนมากเกินไป เวลาในการทำความเข้าใจ มันใช้มากมาย กว่าอะไรๆ จะสมเหตุสมผล แล้วท่านเผชิญยอมรับมันไหว ทางที่ดีที่สุด ท่านต้องได้รู้ได้เห็นมันด้วยตนเอง ตามหาสิ่งที่ขาดหายในแต่ละช่วงเวลาระหว่างทาง มันช่วยให้ท่านถ่องแท้ได้ในคราวเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านอาจได้มองเห็นเส้นทางแตกต่างกันออกไปสิ้นเชิง แม่รับประกัน”
“มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านด้วยใช่ไหมครับ”
เอกาทาย
“มันเป็นผลกระทบวงกว้างที่ยับยั้งไม่ได้”
“เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านของเราครับ”
เด็กชายต้องการคลี่ปมปริศนาคลายกระจ่างทันที
“แม่ยังไม่ควรบอกท่านหรอก”
นางเลี่ยงอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ทำไมท่านแม่หมอถึงบอกให้ผมรู้ไม่ได้ครับ”
“เชื่อแม่เถอะหนา”
นางเกลี่ยกล่อมเด็กชายยอมจำนน เขาฝืนแข็งขืนต่อไปอย่างไร คาดคั้นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้านางไม่ปริปากเด็ดขาดน่ะนะ
“แต่ ---”
แม่หมออาฟฟาเกริ่นทางเลือกนำไปสู่ทางเฉลยเรื่องราวเลวร้ายของหมู่บ้านของเขา
“กระนั้น ท่านหัวหน้ายังมีเส้นทางผจญภัย โดยที่เส้นทางเหล่านั้นจะพาท่านไปพบกับบางสิ่งที่ขาดหายไปจากท่าน เพื่อช่วยท่านปะติดปะต่อเรื่องราว ซึ่งอีกฟากฝั่งท่านเองไม่เคยได้รับรู้มาก่อน และแล้วมันจะนำท่านสู่มูลเหตุทั้งหมดที่เกิดกับหมู่บ้านของท่านเอง สิ่งสลักสำคัญยิ่ง หากท่านถ่องแท้ถึงแก่น เมื่อนั้นท่านจะต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามยถกรรม หนักแน่นในการหันหลังเดินจากไป สิ่งที่แม่อยากให้ท่านหัวหน้าจดจำไว้ขึ้นใจ ตระหนักว่าเวลาไม่เดินย้อนกลับ”
เอกาละสายตาจากแม่หมออาฟฟามาที่เจ้าหางก้อน ขณะเดินสี่ขามาหยุดตรงข้างขาขวา
“เส้นทางที่ผมต้องผจญภัย”
เด็กชายทวนหนึ่งในคำพูดของนาง เขาชักหวั่นกลัวภยันตรายจากสัตว์ประหลาดหมายชีวิตพวกเขาดับสิ้นข้างนอกนั่น ประสบพบเจอมา เขาไม่ริอ่านห่างจากสถานที่ที่สามารถทำให้ชีวิตรู้สึกปลอดภัยอีกแล้ว
หากความเคลือบแคลงยังถูกขังอยู่ในใจต่อไปแบบนี้ สักวันหนึ่ง เขาอึดอัดในอกจนทนไม่ไหว ต้องวิ่งโร่ออกไปไล่ล่าหาคำตอบ ที่กำลังรอคอยตนอยู่นอกหมู่บ้าน ไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ตาม
“ใช่แล้วค่ะ ท่านหัวหน้า”
นางเสริมหนักแน่นทีเดียว
“ซึ่งกอปรด้วยกันห้าเส้นทาง”
หญิงชราอธิบาย
“เส้นทางทั้งห้าที่ว่านั้น เกิดจากช่วงเวลาในชีวิตอันเป็นสาเหตุหลักๆ ของท่านหัวหน้าเอง พวกมันหล่นหายไปจากท่านในสถานที่ต่างๆ ของอีธาราแตกต่างกันไป คอยให้ท่านได้ไปค้นพบมันอีกครั้ง --- เพราะสิ่งที่ท่านนั้นไม่ได้ลืมเลือน และกาลครั้งหนึ่งผ่านมาแล้ว ท่านมีความทรงจำสวยงามเหล่านั้น ยากจดจำ มันทำให้ท่านทรมานเพียงลำพัง”
เอกาได้แต่รับฟังในสิ่งที่แม่หมอว่าด้วยความสับสนอลหม่านข้างในลึกๆ เหมือนมีพายุลูกหนึ่งก่อตัวขึ้น หอบเขาหมุนขึ้นข้างบนเสียเคว้งคว้างไปมา
เขาพยายามไม่นึกถึงความเลวร้ายเร็วเกินไป มันจะส่งผลให้เขาเองรู้สึกย่ำแย่ จนไม่เป็นอันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง เกรงกลัวต่อการเผชิญหน้ากับบางอย่างที่ยังไม่ลึกซึ้งข้างหน้า
“ถ้ากำลังใจของท่านพร้อมพอแล้ว”
ปลายล่างสุดของไม้เท้าถูกน้ำหนักตัวทั้งหมด ขณะพยุงลุกขึ้นยืนกดจมดิน
นางยกไม้เท้าไว้ค้ำยันสูงจากพื้นดินดำไม่กี่เซนติเมตร ก่อนรุดนำหน้าเขาสองถึงสามก้าว
เอกาจึงเดินตามหลังนางไม่ทิ้งระยะห่างแม้แต่ก้าวเดียว
“ให้ตามแม่มาเถิด”
หญิงชราหันหลังกลับมามองสักหนึ่งนาทีได้ แต่ไม่ได้หยุดเดินสักก้าวเดียว
“แม่จะนำทางท่านหัวหน้าไปส่งยังหน้าประตูปากทางแรกเริ่ม”
นางเว้นช่วงของประโยคพูดถัดไป ยังมาไม่ถึงเล็กน้อย กลับไม่มีช่องว่างได้ทำความเข้าใจ หรือโอกาสเอ่ยถามด้วยซ้ำ ทันใดนั้นนางก็กล่าวต่อ
“ถ้าท่านหัวหน้าก้าวพ้นช่องประตูนั้นไปแล้ว มันคือการผจญภัยที่เหลือของท่านกับสุนัขจิ้งจอกขาวคู่กายเท่านั้น อย่าหวังให้แม่ติดตามท่านไปเลย แม่อยู่ได้แค่ที่นี่ ที่ที่จิตสุดท้ายของแม่ยึดติด”
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“เป็นเพราะตัวท่านเอง”
นางให้คำตอบไม่ตรงกับคำถาม มันเป็นการสรุปที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมา
“แม่เป็นห่วงท่านหัวหน้าด้วยแรงปรารถนายิ่งยวด”
พวกเขามุ่งสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้านสายลมใต้ ไม่ไกลจากจัตุรัสกลางชุมชน กาลครั้งหนึ่งคึกคักทั้งคลาคล่ำด้วยผู้อยู่อาศัยละแวกนี้ กิจวัตรประจำวันในความสันทนาการ เช่นเดินเล่น แวะทักทาย หยุดพูดคุยสัพเพเหระและจริงจังกับมิตรสหายหรือไม่ค่อยสนิท ทั้งผูกมิตรใหม่ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือมีกิจการงานทำใกล้ๆ
เอกาจำได้ว่าเคยผ่านแถวนี้เผินๆ ครั้งคราว ไม่ได้มีความสนใจเป็นพิเศษทำให้อยู่ได้หนึ่งวันเต็มๆ เพราะละแวกชุมชนอยู่อาศัยของเขาก็มีจัตุรัสกลางชุมชนคล้ายๆ กันนี้ ทว่า มีจุดแตกต่างนั้นเห็นจะเป็นต้นไม้กลางลานกว้างนั่นเอง
แม่หมออาฟฟาพาพวกเขาต้อยๆ ก่อนหยุดลงตรงหน้าเส้นทางระหว่างตีนเขาสองลูกลาดชัน ต้นอักคายักษ์อายุกว่าร้อยปีสองต้นขนาบข้างปากทางเข้า ลากชอนไชข้างในและแทงทะลุหน้าดินเขา กิ่งก้านสาขาใบแผ่ขยายปกคลุมข้างบนหลังคาซุ้ม
เด็กชายมองเห็นม่านสนามพลังสีดำโปร่งใส กระเพื่อมวูบไหวอย่างกับคลื่นน้ำ ตรงกลางต้นไม้เก่าแก่
“มันคืออะไรครับ”
เอกาใคร่อยากรู้จึงเอ่ยถามนาง
“ทวารพิทักษ์”
นางตอบ
“ท่านหัวหน้าสามารถผ่านมันไปได้ ด้วยการใช้ยอดคริสตัลวาดใส่จุดกำเนิดดวงไฟความทรงจำนำพา สุดท้ายนั้น ใช้พลังจากไม้เท้าแปรสภาพประตูให้ใสบริสุทธิ์อีกครั้ง”
แม่หมอกล่าวจบ นางก้าวหนึ่งก้าวออกข้าง
“แม่มาได้ไกลสุดเท่านี้แล้ว ท่านหัวหน้า ที่เหลือคือภารกิจของท่านเอง ดังนั้น แม่ขอตัวกลับไปยังจุดที่แม่ใช้รอท่านคืนเหย้าก่อน”
ก่อนนางจะหันหลังเข้าสู่เงามืดเบื้องหน้า
“เส้นทางนี้จะนำทางผมไปที่ไหนกันครับ”
นางพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
“อัสดงของเอกา”
เอกาแปลกประหลาดที่นางเอ่ยชื่อของตนแทนท่านหัวหน้า อะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกค่อนข้างห่างไกลจากมันอยู่ในที แม้มันคือชื่อติดตัวเขามาตั้งแต่พยากรณ์ทำนายชะตาชีวิตตน
อยู่ๆ แม่หมออาฟฟาก็เดินหายเข้าไปในความมืด ตรงนั้นว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีนางอยู่จริงอย่างไรอย่างนั้น
เขายังไม่ทันได้ซักถามเกี่ยวกับอัสดงของตนคืออะไร มีความหมายอย่างไรกับเขา มันคงสลักสำคัญกับตัวเขาไม่น้อย
แสงไฟสีเขียวมรดกกะพริบวิบวับที่หางตาข้างซ้ายของเขา
เอกาหันขวับ หากช้าไปกว่าวินาทีเดียว อย่างกับจะมีอะไรที่ทำให้มันหายไปจากตรงนั้นตลอดกาล
เด็กชายยื่นยอดหอกแท่งแก้วใสแตะจุดกำเนิดแสงชั่งใจ
เกิดประกายไฟกะจิดริดแตกตัวร่วงเป็นสะเก็ดแปลบปลาบ เอกาค่อยๆ ลากเส้นแสงสีเขียวเชื่อมไปยังจุดกำเนิดแสงต่อไป เขาวาดกระทั่งเป็นโครงดาวเจ็ดแฉก
แล้วค่อยๆ ลอยสูงเลยศีรษะเขาสุดเอื้อมมือ แสงมรกตจากเส้นวาดไหลบ่าลงมาคล้ายธารน้ำตก แต่ก็พลิ้วไหวเฉกม่านเมื่อสายลมพัดผ่าน
“มันสวยงามจังเลย”
ดาวเจ็ดแฉกเริ่มหมุนตัวเองไปรอบๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ คล้ายแสงเหนือวนเป็นเกลียว แล้วเคลื่อนย้ายไปยังม่านสนามพลัง ตอนมันผนึกตรงกลาง คลื่นพลังมรกตกระเพื่อม เปลี่ยนม่านสนามพลังสีดำกลายเป็นสีเขียวเรืองรอง
แมลงปอตัวเดิมตัวนั้นขยับปีกแก้วสี่แฉกถี่ยิบ ลอยคว้างอยู่ฝั่งตรงข้ามม่านสนามพลังรอคอย สีตัวของมันเกือบกลมกลืนกับบานประตูสู่เส้นทางแรกของพวกเขา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา